WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET25ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideways up เงินไหลเข้า-ราคาน้ำมันขึ้นหนุนตลาด

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าดัชนีฯจะแกว่ง Sideways up เนื่องจากแนวโน้มเม็ดเงินจากต่างประเทศยังไหลเข้า จากที่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ และคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็จะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเดือนมี.ค.เช่นกัน

     นอกจากนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้นด้วย และทางกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) กับรัสเซียน่าจะตกกันได้ที่จะประชุมในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งก็คงจะเป็นการตรึงกำลังการผลิต แต่ก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ว่า ทางกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC จะร่วมมือกันมากขึ้น

     ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นจีน พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,320-1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,340-1,350 จุด ซึ่งจะต้องระวังแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านนี้ เพราะเป็นกรอบแนวต้านสำคัญของขาลงในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,697.29 จุด พุ่งขึ้น 212.30 จุด (+1.29%),  ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,582.21 จุด เพิ่มขึ้น 39.60 จุด (+0.87%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,951.70 จุด เพิ่มขึ้น 21.90 จุด (+1.13%)

         - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 171.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 291.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 23.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.68 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.พ.59) 1,333.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด (+0.11%)

       - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 109.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.พ.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ก.พ.59) ปิดที่ 33.07 ดอลลาร์/บาร์เรล บวก 92 เซนต์ หรือ 2.9%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.พ.59) ที่ 6.46 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.66/68 แข็งค่าเล็กน้อยตามภูมิภาค รอดูตัวเลขจีดีพี Q4/58 ของสหรัฐฯ

       - ส่งออกไทยยังอ่วม ม.ค.ติดลบ 8.91% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 'สุวิทย์' ยังมั่นใจทั้งปีโต 5% เล็งปรับเปลี่ยนดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ

        - นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการค้าของโลกเปลี่ยนแปลงไป จากนี้ไปการรายงานตัวเลขส่งออกสินค้าอย่างเดียวจะไม่สะท้อนภาพความมั่งคั่งของ ประเทศที่ได้จากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอีกต่อไป จึงต้องปรับเปลี่ยนตัวชี้วัดรายได้จากการค้าระหว่างประเทศใหม่ และจะต้องทำเป็นแบบ 4 มิติ คือ ตัวเลขการส่งออก สินค้า ตัวเลขการส่งออกภาคบริการ ตัวเลขการ ลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) และ ตัวเลขการลงทุนของธุรกิจไทยในต่างประเทศ

      - ซีเอ็นบีซีรายงานอ้างการเปิดเผยของเทรดเดอร์ที่เกี่ยวข้อง ว่า ธนาคารกลางของจีน (พีบีโอซี) ได้อัดฉีดสภาพคล่องวงเงิน 3.4 แสนล้านหยวน (ราว 1.85 ล้านล้านบาท) เข้าสู่ระบบผ่านการซื้อคืนพันธบัตรอายุ 7 วัน หลังดัชนีหุ้นของจีนตกลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยในสัปดาห์เดียวกันนี้ ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินไปแล้วมากถึง 5.8 แสนล้านหยวน (ราว 3.16 ล้านล้านบาท)

      - นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของไทยในปีนี้มีทิศทางเป็นขาขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวต่ำสุดเมื่อกลางปีที่แล้ว และเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 3 คาดว่าเอ็นพีแอลยังปรับขึ้นไปสูงสุด (พีค) ในปลายปีนี้

    -  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์เดือน ม.ค. 2559 ค่อนข้างทรงตัว สอดคล้องกับการปรับตัวของเงินให้สินเชื่อและเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม โดยสัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) อยู่ที่ระดับ 90.82% เทียบกับระดับ 90.81% ณ สิ้นปี 2558 ขณะที่เครื่องชี้สภาพคล่องอีกตัวหนึ่ง ได้แก่ สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวม ซึ่งปรับลดลงมาที่ระดับ 19.97% จากระดับ 20.10% ณ สิ้นปี 2558

*หุ้นเด่นวันนี้

      - TRC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 2.60 บาท มองว่าผลการดำเนินงานในปี 2559 มีแนวโน้มสดใส และปี 2560-2561 บริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งบริษัทยังมีฐานะการเงินที่ดีไม่มีภาระหนี้ระยะยาวและมี D/E ratio ที่ต่ำเพียง 0.89 เท่า ด้านผลการดำเนินงาน 4Q58 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 99 ล้านบาท (+57% QoQ, +226% QoQ) สูงกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งสาเหตุหลักมาจากที่บริษัทสามารถรับรู้รายได้งานก่อสร้างได้มาก ส่งผลให้รายได้ 4Q58 โตแรงถึง 50% QoQ และ 49% YoY

      - BANPU (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 22 บาท คาดปี 59 ธุรกิจโรงไฟฟ้าของ BANPU จะเป็นตัวหนุนกำไรหลักเพราะคาดว่าโรงไฟฟ้า BLCP จะไม่หยุดซ่อมบำรุงเหมือนปี 58 อีกทั้งโรงไฟฟ้าหงสาจะทำการผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 หน่วย ซึ่งจะชดเชยผลประกอบการของธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวลงตามภาวะตลาดที่ซบเซาได้ จึงปรับประมาณการกำไรปี 59 ขึ้นจาก 563 บาท เป็น 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% นอกจากนี้หาก BANPU POWER (BPP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นการเพิ่ม wealth ให้แก่ BANPU ในอนาคต

     - TPCH (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 26 บาท คาดผลประกอบการปี 2559-2560 จะถูกผลักดันโดยโครงการไฟฟ้า 4 โครงการ และเฟสแรกของ PTG ที่จะเริ่มต้นปี 2560 และหากโครงการ PTG เซ็นสัญญา PPA สำเร็จ จะเป็นปัจจัยเร่ง แต่ได้ปรับลดประมาณการปี 2559-2560 ลง 3.9-12.2% เพื่อสะท้อนโครงการที่ล่าช้า

      - PREB (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 17 บาท มีประเด็นบวกจากกำไรที่ในปี 2559 ที่คาดว่าจะโตโดดเด่น โดยเฉพาะในงวด 1H59 รวมถึงการปลดล็อคมูลค่าของ บมจ.Built Land จากการ Spin off ทั้งนี้ PREB ประกาศจ่ายปันผลปี 2558 ที่ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4% โดยขึ้น XD วันที่ 9 พ.ค. และจ่ายเงินปันผลวันที่ 26 พ.ค.

       - VIBHA (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.60 บาท กำไรสุทธิ 4Q58 แกร่งเกินคาด +16.2% Q-Q, +31.9% Y-Y ทำให้ทั้งปี +23.4% Y-Y ได้อานิสงส์จาก CMR ที่โตแข็งแกร่งจากรายได้ประกันสังคม และการคุมต้นทุนที่ดี โดยได้ปรับกำไรสุทธิปี 2559-2563 ขึ้น 2-5% รพ.ในกลุ่มของวิภารามที่เปิดใหม่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจะดีขึ้นต่อเนื่อง VIBHA มีแผนจะเปิดรพ.เพิ่มอีก 8 แห่งภายในปี 2563 พร้อมคาดกำไรปี 2559 +16.2% Y-Y โตสูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มรองจาก BCH

       - RS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 13 บาท กำไรดีกว่าคาดมาก +238% Q-Q, +748% Y-Y จากรายได้จัด Event ที่มากกว่าคาด กำไรทั้งปี -67.8% Y-Y เพราะปี 2557 มีกำไรจากบอลโลก โดยยังคาดกำไรปกติปีนี้โตเท่าตัวจาก Utilization ที่เพิ่มและการขึ้นค่าโฆษณา

      - M (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท กำไรต่ำกว่าคาดแต่จะดีขึ้นปีนี้ กำไร 4Q58 +35.6% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ -23.8% Y-Y จากรายได้ที่น้อยกว่าคาด และกำลังซื้อที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้ยอดสาขาเดิมยังติดลบ 8% Y-Y ทำให้กำไรปกติทั้งปี -11.6% Y-Y โดยคาดปีนี้กลับมาโต 14.7% Y-Y จากการขยายสาขา อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และการได้ BOI

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ รับน้ำมันดีดตัว,ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ฟื้นตัวขึ้นเกือบ 3% รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

      ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 119.76 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,311.52 จุด เพิ่มขึ้น 171.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,760.06 จุด เพิ่มขึ้น 18.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,179.95 จุด เพิ่มขึ้น 291.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,380.53 จุด เพิ่มขึ้น 14.67 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,927.10 จุด เพิ่มขึ้น 8.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,626.63 จุด เพิ่มขึ้น 23.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,664.84 จุด เพิ่มขึ้น 6.68 จุด

       ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 4.9% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 145.63 จุด หลังหุ้นกลุ่มการเงินพุ่ง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) นำโดยการทะยานขึ้นของหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป และหุ้นอาร์เอสเอ อินชัวแรนซ์ กรุ๊ป หลังจากที่ตลาดอ่อนแรงลงในช่วง 2 วันก่อนหน้า

       ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 145.63 จุด หรือ 2.48% ที่ 6,012.81 จุด

      หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวแข็งแกร่งหลังการรายงานผลประกอบการ โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่ง 14% หลังบริษัทปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

     หุ้นอาร์เอสเอ อินชัวแรนซ์ กรุ๊ป ดีดขึ้น 9.8% เนื่องจากบริษัทรายงานถึงการทะยานขึ้นของผลกำไรจากการดำเนินงาน

     ส่วนหุ้นบาร์เคลย์ส และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป ต่างพุ่งขึ้นกว่า 5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 2% ปิดที่ 326.54 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,248.45 จุด เพิ่มขึ้น 93.11 จุด หรือ +2.24% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,331.48 จุด พุ่งขึ้น 163.68 จุด หรือ +1.79% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,012.81 จุด เพิ่มขึ้น 145.63 จุด หรือ +2.48%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน

      หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้น หลังจากลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดและประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง พุ่งขึ้น 14% หุ้นอาร์เอสเอ อินชัวรันซ์ ทะยานขึ้น 9.8%

      นักลงทุนจับตาดูผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นจากการจัดทำประชามติของอังกฤษ ขณะที่นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า ธนาคารกลางกำลังเตรียมแผนฉุกเฉินสำหรับผลพวงที่จะเกิดขึ้นหลังการจัดทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนในการชี้ขาดร่วมกันว่า อังกฤษจะยังคงเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปหรือไม่

     ลุคแมน โอตูนูกา นักวิเคราะห์จาก FXTM Research กล่าวว่า เงินปอนด์มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสมาชิกภาพของอังกฤษใน EU ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจ หากอังกฤษตัดสินใจออกจาก EU

 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 212.30 จุด รับข้อมูลศก.สดใส,ราคาน้ำมันฟื้น

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) ขานรับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน และข้อมูลแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,697.29 จุด พุ่งขึ้น 212.30 จุด หรือ +1.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,582.21 จุด เพิ่มขึ้น 39.60 จุด หรือ +0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,951.70 จุด เพิ่มขึ้น 21.90 จุด หรือ +1.13%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนบวกตั้งแต่ช่วงเปิดทำการ เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ฟื้นตัวขึ้นเกือบ 3% รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 4.9% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%

      ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั้น สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และยังบ่งชี้แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการผลิต

       ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 272,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.พ. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 51 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1970 และบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

      ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 1,250 ราย สู่ 272,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

      หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.9% ทำสถิติปิดบวกเป็นเวลา 3 วันในรอบ 4 วันทำการ ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.3%

      หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบดีดตัวขึ้น โดยหุ้นดาว เคมิคอลส์ และหุ้นดูปองท์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.9% ขณะที่หุ้นซีเอฟ อินดัสทรีส์ โฮลดิงส์ ทะยานขึ้น 4.4%

      หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.44% หุ้นอินเทล คอร์ป ปรับขึ้น 1.4% แต่หุ้นฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ อ่อนแรงลง 0.3% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทชาร์ปยอมรับข้อเสนอซื้อกิจการจากฟ็อกซ์คอนน์ หรือฮอนไฮ พรีซิชั่น อินดัสทรี

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขประมาณการจีดีพีครั้งที่ 2 ประจำไตรมาส 4/2558,  ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!