WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET11 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ Sideway Down หลัง OECD หั่นคาดการณ์ศก.โลกปีนี้

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down เนื่องจากมีแรงกดดันจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3.3% โดยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจของสหรัฐฯลงมาเป็น 2.0% จากเดิมคาดโต 2.5% และยังมีการปรับลดประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ด้วย

     นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันก็เริ่มชะลอตัวลงด้วย หลังจากที่อิหร่านเห็นพ้องว่าจะตรึงกำลังการผลิตกับผู้ผลิตรายอื่น ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ

     สำหรับ ตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการ 3 วันต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนอาจจะชะลอลงทุนเพื่อรอดูข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งในวันจันทร์หน้าจะมีตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของประเทศชั้นนำออกมา ไม่ว่าจะเป็นของญี่ปุ่น, สหรัฐฯ และยุโรป

พร้อมให้แนวรับ 1,285-1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,300 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,413.43 จุด ลดลง 40.40 จุด (-0.25%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,487.54 จุด ลดลง 46.53 จุด (-1.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,917.83 จุด ลดลง 8.99 จุด (-0.47%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 146.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 7.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 124.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 22.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 4.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 6.18 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.พ.59) 1,294.59 จุด เพิ่มขึ้น 6.12 จุด (+0.47%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,248.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.พ.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.พ.59) ปิดที่ 30.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดบวก 11 เซนต์ หรือ 0.4%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.พ.59) ที่ 5.86 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 35.63 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาคหลังเงินไหลออก-มีแรงซื้อดอลล์

     - บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยรายงานประเมินเศรษฐกิจโลกประจำไตรมาส ว่าขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำ และภาวะสินเชื่อตึงตัวในบางประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนี้มีมากเกินกว่าที่นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางในประเทศยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกได้

      - ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ 6 แห่ง ประกาศความพร้อมที่จะออกหนังสือค้ำประกัน หรือแบงก์การันตี ให้กับบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น (ทียูซี) เพื่อนำไปชำระค่าใบอนุญาต 4จี คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ วงเงิน 76,298 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดในวันที่ 21 มี.ค. 2559

     - นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในปี 2559 สคร. ดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจรวม 3.2 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 75% เท่ากับเป้าหมายเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาล เพราะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้

      - สนช.ไฟเขียวงบกลางวงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท แบ่ง 3 ส่วน ลงทุนวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 1.5 หมื่นล้านบาท ลงทุนโครงการพัฒนาความเข้มแข็งของประเทศ 3.26 หมื่นล้านบาท และชดเชยเงินคงคลัง 8.3 พันล้านบาท "สมคิด" นำทีมแจง เพื่อปฏิรูปและวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว ประคองเศรษฐกิจประเทศในภาวะโลกถดถอย

*หุ้นเด่นวันนี้

      - SVOA (เคทีบี) คาดผลการดำเนินงาน Q4/58 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ บวกกับบริษัทฯหันมาเน้นเพิ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง จะช่วยหนุนให้กำไรทั้งปี 2558 เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด, SVOA ปรับกลยุทธ์เพิ่มสินค้ามาร์จิ้นสูง คาดว่าจะส่งผลบวกต่อเนื่องถึงรายได้ปี 2559 ให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น บวกกับได้ปัจจัยหนุนจากการประมูล 4G และ SVOA ถือหุ้น LIT ในสัดส่วน 47% ซึ่งแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2559 ของ LIT ยังขยายตัวได้ดี โดยมีการตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อคงค้างที่ 1,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปี 2558 ซึ่งที่ผ่านมา LIT เติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังได้ปัจจัยหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งการเติบโตของ LIT จะส่งผลบวกต่อ SVOA

    - SYNEX (เออีซี) "ซื้อ"เป้า Consensus 5.91 บาท ช่วง 4Q58 กำไรโต 65.4%YoY หนุนปี 58 กำไรโต 93.9%YoY สูงกว่าตลาดคาด 38.3% ส่วนปี 59 และ 60 คาดโตเฉลี่ยปีละ 7.7% จากการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้ามาร์จิ้นสูง และขยายตลาดไปยังอินโดไชน่า อีกทั้งมีแผนนำ บ.พรีซึ่ม โซลูชั่น จำกัด (ถือ 60%) เข้าตลท. ในอนาคต + Upside 31%

      - MAJOR (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 35.20 บาท ช่วง 4Q58 กำไรปกติลดลง 22%YoY ส่งผลให้ปี 58 หดตัว 4.5%YoY ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดีคาดกำไรจะพลิกกลับมาโต 16.7%YoY ในปี 59 จากมีหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องและรับรู้รายได้จากโรงหนังใหม่ รวมถึงมี Upside 39% อีกทั้งประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.60 บาท (XD 11 เม.ย.)

                - STEC (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 26 บาท เชื่อราคาหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงน่าจะสะท้อนข่าวร้ายแล้ว ทั้งนี้ กำไรปกติในปี 58 ต่ำกว่าประมาณการ เพราะอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด โดยบันทึกกำไร 448 ล้านบาทจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของที่ดินและคอนโดมิเนียมใน 4Q58 พร้อมปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น 7-10% ในปี 2559-2560

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเยนแข็งค่า, หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรง

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากเงินเยนแข็งค่าฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง ขณะเดียวกันอุปทานน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.5% แตะ 119.70 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,050.40 จุด ลดลง 146.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,854.90 จุด ลดลง 7.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,238.43 จุด ลดลง 124.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,291.83 จุด ลดลง 22.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,904.50 จุด ลดลง 4.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,660.62 จุด เพิ่มขึ้น 3.05 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,673.84 จุด ลดลง 6.18 จุด

                ทั้งนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

                โดยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 504.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 58.37 จุด หลังหุ้นเหมืองร่วง, วิตกอังกฤษออกจาก EU

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากบวกขึ้น 4 วันติดต่อกัน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงหุ้นกลุ่มเหมือง รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)

    ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 58.37 จุด หรือ 0.97% ที่ 5,971.95 จุด

    หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวย่ำแย่ หลังจากดีดตัวขึ้นก่อนหน้านี้ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน รูดลง 7.7% หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับโลกหลายรายได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นบริษัทในสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวลง 3.2%

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากอังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิก EU

      ทั้งนี้ EU มีกำหนดจัดการประชุมสุดยอดเป็นเวลา 2 วันในวันพฤหัสบดีและศุกร์นี้ เพื่อหารือในประเด็นข้อเสนอที่จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของอังกฤษกับ EU และลงคะแนนเสียงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจจะกลายเป็นประเด็นที่จะปูทางสู่การจัดลงประชามติของอังกฤษว่า จะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่ม EU หรือไม่

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย เหตุวิตกสถานการณ์ราคาน้ำมัน

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดการผลิตในระยะนี้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.04% ปิดที่ 328.91 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,239.76 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,463.64 จุด เพิ่มขึ้น 86.43 จุด หรือ +0.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,971.95 จุด ลดลง 58.37 จุด หรือ -0.97%

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง 0.6% เนื่องจากรายงานของสื่อต่างประเทศที่ระบุว่า ซาอุดิอาระเบียยังไม่มีแผนที่จะปรับลดการผลิตในระยะนี้ และจะเดินหน้าปกป้องส่วนแบ่งตลาดต่อไป

   นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 504.1 ล้านบาร์เรล โดยเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 36,000 บาร์เรล สู่ระดับ 64.7 ล้านบาร์เรล

      หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 11% หุ้นปิโตรแฟค ร่วงลง 5% และหุ้นบีพี ปรับลง 1.3%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 40.40 จุด

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง หลังจากบริษัทวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดแรงบวกในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,413.43 จุด ลดลง 40.40 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,917.83 จุด ลดลง 8.99 จุด หรือ -0.47% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,487.54 จุด ลดลง 46.53 จุด หรือ -1.03%

   นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดแรงบวก ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

     ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ คอร์ป ดิ่งลง 6.5% หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ร่วงลง 8.5% และหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน ดิ่งลง 8.6%

     หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง หลังจากบริษัทวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ โดยหุ้นวอลมาร์ทร่วงลง 3% หุ้นโครเกอร์ ดิ่งลง 3.5% และหุ้นฮอร์เมล ฟู๊ดส์ คอร์ป ร่วงลง 3.6%

   ขณะเดียวกันวอลมาร์ทประกาศแผนปิดสาขา 269 แห่งทั่วโลก หลังจากบริษัทประสบปัญหาในการแข่งขันกับบริษัทค้าปลีกออนไลน์ โดยสาขา 269 แห่งที่วอลมาร์ทจะปิดดำเนินการนั้น รวมถึง 154 แห่งในสหรัฐ และการปิดสาขาของวอลมาร์ทจะส่งผลกระทบต่อพนักงาน 16,000 คนทั่วโลก ซึ่งรวมถึง 10,000 คนในสหรัฐ

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยConference Board เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนม.ค.ลดลง 0.2% สู่ระดับ 123.2 เพราะผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาหุ้น

    ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกขยับขึ้นสู่ระดับ -2.8 ในเดือนก.พ. จากระดับ -3.5 ในเดือนม.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงติดลบเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งการดิ่งลงของราคาน้ำมัน

   นักลงทุนจับตาดูทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. ในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 ก.พ.2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,413.43 จุด                         ลดลง 40.40 จุด      -0.25%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,487.54 จุด                      ลดลง 46.52 จุด      -1.03%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,917.83 จุด                        ลดลง 8.99 จุด       -0.47%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,971.95 จุด                    ลดลง 58.37 จุด      -0.97%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,463.64 จุด                             เพิ่มขึ้น 86.43 จุด     +0.92%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,239.76 จุด                         เพิ่มขึ้น 6.29 จุด      +0.15%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,047.10 จุด      เพิ่มขึ้น 108.70 จุด    +2.20%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,992.00 จุด           เพิ่มขึ้น 109.90 จุด    +2.25%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,314.67 จุด                           เพิ่มขึ้น 100.42 จุด    +1.22%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,908.84 จุด                        เพิ่มขึ้น 24.90 จุด     +1.32%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,196.80 จุด                     เพิ่มขึ้น 360.44 จุด    +2.28%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,862.89 จุด                     ลดลง 4.45 จุด       -0.16%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,848.87 จุด             เพิ่มขึ้น 92.05 จุด     +1.36%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 19,363.08 จุด                              เพิ่มขึ้น 438.51 จุด    +2.32%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,778.79 จุด     เพิ่มขึ้น 13.28 จุด     +0.28%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,657.57 จุด                      เพิ่มขึ้น 43.78 จุด     +1.67%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,680.02 จุด                      เพิ่มขึ้น 15.70 จุด     +0.94%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 23,649.22 จุด                        เพิ่มขึ้น 267.35 จุด    +1.14%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง หลังจากบริษัทวอลมาร์ทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดแรงบวกในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,413.43 จุด ลดลง 40.40 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,917.83 จุด ลดลง 8.99 จุด หรือ -0.47% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,487.54 จุด ลดลง 46.53 จุด หรือ -1.03%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับลดการผลิตในระยะนี้

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.04% ปิดที่ 328.91 จุด

         ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,239.76 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ +0.15% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,463.64 จุด เพิ่มขึ้น 86.43 จุด หรือ +0.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,971.95 จุด ลดลง 58.37 จุด หรือ -0.97%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากบวกขึ้น 4 วันติดต่อกัน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงหุ้นกลุ่มเหมือง รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU)

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 58.37 จุด หรือ 0.97% ที่ 5,971.95 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดบวก 11 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 30.77 ดอลลาร์/บาร์เรล 

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลบ 22 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 34.28 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเนื่องจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย 

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดพุ่งขึ้น 14.9 ดอลลาร์ หรือ 1.23% ที่ระดับ 1,226.30 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดบวก 5.5 เซนต์ หรือ 0.36% แตะที่ 15.432 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลดลง 4.1 ดอลลาร์ หรือ 0.43% แตะที่ 945.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดร่วงลง 11.05 ดอลลาร์ หรือ 2.1% แตะที่ 504.85 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (18 ก.พ.) ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในเดือนหน้า

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1092 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1132 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.4321 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4280 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 113.57 เยน จาก 113.83 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9953 ฟรังก์ จาก 0.9916 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7154 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7172 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 313.00 จุด เพิ่มขึ้น 6.00 จุด, +1.95%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!