- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 17 February 2016 10:36
- Hits: 2925
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบหลังไร้ปัจจัยเด่นหนุน-เรื่องน้ำมันยังถ่วง
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ ดัชนีฯคงเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบไม่รุนแรง เนื่องจากราคาน้ำมันกลับมาเคลื่อนไหวบริเวณ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลอีกครั้ง แต่กลุ่มพลังงานก็ได้ฟื้นตัวในช่วง 2 วันที่ผ่านมาแล้ว และตลาดฯก็ยังไม่มีปัจจัยเด่นอะไร
อีกทั้ง ยังผิดหวังเรื่อง 4 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งได้แก่ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย กาตาร์ และเวเนซูเอล่า เห็นพ้องให้คงกำลังการผลิต ซึ่งไม่ทำให้ over supply น้ำมันบรรเทาไปได้ และยังต้องติดตามรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของ EIA ซึ่งก็คาดว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันคงจะปรับตัวขึ้นได้ยาก แต่ผลกระทบก็ไม่น่าจะมากนัก เพราะยังมีตัวช่วยเป็นหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเคมี ที่ผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว นอกจากนี้ กลุ่มแบงก์ก็ยังแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี หุ้นในกลุ่มพลังงานหากอ่อนตัวลงมาก็ให้ซื้อเก็บเพื่อรอเด้งได้ อีกทั้งมองว่ายังมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอยู่ ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,280-1,300 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,196.41 จุด พุ่งขึ้น 222.57 จุด (+1.39%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,435.96 จุด เพิ่มขึ้น 98.46 จุด (+2.27%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,895.58 จุด เพิ่มขึ้น 30.80 จุด (+1.65%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 19.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 6.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 76.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 6.24 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 32.68 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.พ.59) 1,289.36 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด (+0.07%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 195.12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ก.พ.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ก.พ.59) ปิดที่ 29.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 40 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.พ.59) ที่ 6.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.64/66 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบ 35.60-35.80
- "อาคม" เรียก "พาที" มาเตือน ยันเกิดเหตุซ้ำสองพักใช้ใบอนุญาต พร้อมสั่งแจงแผนแก้ปัญหาภายใน 18 ก.พ. ด้าน "พาที" ยอมรับพลาด ไม่มอบอำนาจคนในพื้นที่ ทำให้แก้สถานการณ์ช้า เผยที่ผ่านมานักบินสมองไหล ต้องลดไฟลต์ 10-15% เร่งรับเพิ่ม 20-30 คนในมี.ค.นี้ เผยชนวนประท้วง เหตุห้ามนักบินควบหน้าที่บริหาร ลั่นเดินหน้าปรับโครงสร้างยกระดับมาตรฐาน มั่นใจไม่กระทบเชื่อมั่น Load Factor 80-90%
- นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกซึมลึกและเปราะบาง การค้าโลกตกต่ำขยายตัวเพียง 1-2% ดังนั้นไทยไม่สามารถพึ่งการส่งออกผลักดันเศรษฐกิจได้ แต่รัฐบาลก็ไม่ควรกระตุ้นการบริโภคภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะเป็นอันตรายมาก
- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรายงานผลเจรจาการบินระหว่างไทย-รัสเซีย ซึ่งได้เจรจากันมาตั้งแต่ปี 2557 โดยไทยและรัสเซียตกลงที่จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินระหว่างกัน ได้แก่ เพิ่มเที่ยวบินกรุงเทพฯ-มอสโก เป็น 70 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จากเดิม 42 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เพิ่มเที่ยวบินภูเก็ต-เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็น 28 เที่ยวบิน/สัปดาห์ จากเดิม 14 เที่ยวบิน/สัปดาห์
- ผู้ว่าการ ธปท.ชี้เป็นไปได้ยากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแบบกระชาก ส่วนมาตรการรัฐเยียวยากลุ่มคนเดือดร้อนต้องทำต่อไป คาดกระตุ้นสินเชื่อเพื่อการบริโภคหนักคงน้อยลง เผยช่วงกลางปี 59 เริ่มเข้าทำหน้าที่กำกับดูแลแบงก์รัฐ
- บอร์ด กสทช.ยังไร้ข้อสรุปแนวช่วยเหลือทีวีดิจิตอล เหตุไม่ลงตัว หลังคลัง-อสส.-กฤษฎีกามีความเห็นคนละทาง ลุ้นประชุมรอบต่อไปต้นมี.ค.นี้ เล็งเสนอ คตร.เห็นชอบแจกคูปองหนุนค่าอุปกรณ์รับชม 690 บาท เพิ่มอีก 11.6 ล้านใบ
- นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.59 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเห็นชอบกรอบงบประมาณประจำปี 2560 จำนวน 6,980 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากที่กระทรวงฯ ได้เสนอไปวงเงิน 9,787 ล้านบาท ซึ่งวงเงินส่วนใหญ่จะนำไปเร่งรัดโครงการตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก
*หุ้นเด่นวันนี้
- KCE (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 93.66 บาท ผลการดำเนินงานทำลายสถิติสูงสุดตามคาด รายได้ใน 4Q58 กำไรสุทธิอยู่ที่ 665 ล้านบาท เป็นผลจาก 1) โรงงานใหม่ที่มี Utilization ได้ถึง 83% 2) Gross Margin 4Q58 ที่ 33.8% ทำให้กำไรทั้งปีของบริษัทอยู่ที่ 2,240 ล้านบาท +6% yoy คาดแนวโน้ม 1Q59 ยังดีกว่านี้อีก แนวโน้มของผลประกอบการในปีนี้ยังคงดีต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่ในช่วง 1Q59 น่าจะเห็น Utilization ได้ถึง 85% และคาดว่าทั้งปี 2559 จะได้การทำลายสถิติของกำไรสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตลาด PCB ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากยุคที่เปลี่ยนผ่านไปยัง EV Car รวมถึงการขยายเฟส 2 และ3 ที่คาดว่าจะเป็นไปตามกำหนด
- BEAUTY (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.10 บาท กำไรสุทธิ 4Q58 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดไว้เดิม 120 ล้านบาท เป็นไปได้ที่จะสูงถึง 130-140 ล้านบาท จาก High Season ซึ่งทำให้ยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิลเพิ่มขึ้นทะลุ 800 บาท/เดือน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่สัดส่วนลูกค้าชาวจีนและตะวันออกกลางรวมกันแตะ 30% ของยอดขายรวม มากกว่าคาดการณ์ที่ 25% ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีมาร์จิ้นสูง จึงมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ ซึ่งคาดไม่ต่ำกว่า 0.07 บาท/หุ้น ส่วนปี 2559 บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 20% จากการขยายสาขา ออกสินค้าใหม่ และเพิ่มช่องทางการขายผ่านสื่อออนไลน์
- AAV (โกลเบล็ก) เป้า Consensus เฉลี่ยที่ 6.62 บาท คาดกำไร Q4/58 เติบโตโดดเด่นจาก High Season การท่องเที่ยวและต้นทุนน้ำมันที่ลดลงราว 50% ทั้งนี้ ได้อานิสงส์จากการเปิดอาคาร 2 ของสนามบินดอนเมือง ช่วยเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารได้มากขึ้น ด้านผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2559 +16% ตามจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.5 ล้านคน จาก 14.5 ล้านคนในปี 58 อีกทั้งได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันปรับตัวลง หนุนกำไรให้ขยายตัวต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะตลาดผิดหวัง 4 ชาติไม่ลดผลิตน้ำมัน
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อข่าวที่ว่า 4 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งได้แก่ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย กาตาร์ และเวเนซูเอล่า เห็นพ้องให้ตรึงกำลังการผลิต โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด
ดัชนี MSCI Asia Pacific อ่อนตัวลง 0.3% สู่ระดับ 118.33 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,035.35 จุด ลดลง 19.08 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,829.76 จุด ลดลง 6.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,198.18 จุด เพิ่มขึ้น 76.10 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,240.73 จุด เพิ่มขึ้น 28.66 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,889.41 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,652.55 จุด เพิ่มขึ้น 7.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,658.75 จุด ลดลง 6.24 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,776.63 จุด เพิ่มขึ้น 32.68 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 37.89 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นพลังงาน ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง ท่ามกลางความเคลื่อนไหวอย่างผันผวนตลอดทั้งวัน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 37.89 จุด หรือ +0.65% ที่ 5,862.17 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนเคลื่อนไหวอย่างผันผวน แต่ยังคงรับปัจจัยหนุนจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ที่กล่าวต่อรัฐสภายุโรปเมื่อวันก่อนว่า ECB พร้อมทำการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มี.ค. หากความผันผวนในตลาดการเงินในระยะนี้ และผลกระทบในระยะยาวของราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง มีแนวโน้มที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ นายดรากียังได้เรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆในยูโรโซนดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศด้วยการออกนโยบายทางการคลังที่สนับสนุนการขยายตัวของประเทศ และเพิ่มการลงทุนในภาครัฐ ขณะที่ลดอัตราภาษีลง
หุ้นกลุ่มพลังงานนำโดย หุ้นบีพี และหุ้นรอยัล ดัชเชลล์ ต่างก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อน 1.6% ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงหลังจากที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้
หุ้นเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังบริษัทประกาศแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่
หุ้นแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 5.3% หลังจากบริษัทอินเวสเทคปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยระบุว่าการด้อยค่าของทรัพย์สินของธนาคารยังคงมีความผันผวนในระดับสูง
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงขายหุ้นพลังงาน,เหมืองแร่ ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 320.37 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,110.66 จุด ลดลง 4.59 จุด หรือ -0.11% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,135.11 จุด ลดลง 71.73 จุด หรือ -0.78% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,862.17 จุด เพิ่มขึ้น 37.89 จุด หรือ +0.65%
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 5.3% หลังจากนักวิเคระห์ของอินเวสเทค พีแอลซี ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นสแตนชาร์ดลงสู่ระดับ hold จากระดับ buy ส่วนหุ้นยูบีเอส กรุ๊ป ปรับลง 0.9% และหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ดิ่งลง 2.2%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง อันเนื่องจากข่าวที่ว่า 4 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งได้แก่ซาอุดิอาระเบีย, รัสเซีย, กาตาร์ และเวเนซูเอล่า เห็นพ้องให้ตรึงกำลังการผลิต โดยไม่มีการปรับลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 1.4% หุ้นกัลป์ เอนเนเจีย ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของโปรตุเกส เพิ่มขึ้น 0.8% แต่หุ้นเรพซอล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสเปน ร่วงลง 2.2%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 222.57 จุดจากแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ,หุ้นแบงก์
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธนาคาร และกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน แม้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงก็ตาม
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,196.41 จุด พุ่งขึ้น 222.57 จุด หรือ +1.39% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,435.96 จุด เพิ่มขึ้น 98.46 จุด หรือ +2.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,895.58 จุด เพิ่มขึ้น 30.80 จุด หรือ +1.65%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างคึกคัก โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธนาคาร และกลุ่มค้าปลีก ต่างก็ปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.1%
ขณะที่ธนาคารกลางจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีนในเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 71% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 2.51 ล้านล้านหยวน (3.85 แสนล้านดอลลาร์)
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.8% ขณะที่หุ้น Qorvo ดีดตัวขึ้น 8.2% และหุ้นยาฮู อิงค์ พุ่งขึ้น 8.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นกลุ่มโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับขึ้น 2.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นยูเอส แบงก์คอร์ป ปรับขึ้น 2.8% ส่วนหุ้นฟิฟธ์ เธิร์ด แบงก์คอร์ป และหุ้นคีย์คอร์ป ต่างก็ทะยานขึ้นกว่า 4%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Amazon.com และหุ้นโฮม ดีโปท์ ต่างก็ปรับตัวขึ้น 2.6% หุ้นไพรซ์ไลน์ กรุ๊ป ทะยานขึ้น 5.3% และหุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ปรับขึ้น 2.2% หุ้นกรุ๊ปปอง อิงค์ ทะยานขึ้น 41% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทอาลีบาบา โฮลดิงส์ ได้เข้าซื้อหุ้น 5.6% ในกรุ๊ปปอง
หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.7% ขานรับรายงานที่ว่า สายการบินอิหร่านแอร์เตรียมสั่งซื้อเครื่องบินจากบริษัทโบอิ้ง
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นแม้ราคาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงก็ตาม โดยหุ้นเอนเนอร์จี คอร์ป ปรับขึ้น 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 17% และหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.พ. ส่วนในวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ จะมีการเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนม.ค. และรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 26.27 ม.ค.
อินโฟเควสท์