WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET28ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งในกรอบปัจจัยนอกปท.ไม่เอื้อ แต่แรงซื้อหุ้นปันผลหนุน

     นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากตลาดฯมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยเฉพาะตลาดฯที่พึ่งจะกลับมาเทรดวันนี้หลังหยุดทำการไปจะติดลบมากกว่าตลาดอื่น ไม่ว่าจะเป็นตลาดเกาหลีใต้, ตลาดฮ่องกง

      สำหรับ ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงให้เห็นว่าจะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นผลดีทำให้เม็ดเงินของต่างชาติมีโอกาสที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่ม TIP ได้สูง แต่อาจจะยังไม่รีบซื้อในขณะนี้เนื่องจากรอดูเศรษฐกิจของจีนก่อน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็อิงกับเศรษฐกิจจีนมากอยู่เหมือนกัน ดังนั้น เม็ดเงินต่างชาติจึงอาจไหลเข้าไปพักไว้ที่ทองคำ

       อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้อยู่บ้าง เนื่องจากยังมีแรงซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลดี และการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของกองทุนก็ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ทำให้เม็ดเงินอาจเข้ามาที่ตลาดฯได้บ้าง ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนเป็นรายตัวได้ โดยเน้นหุ้นที่ให้กำไรในปีนี้ดี และจ่ายปันผลดี

พร้อมให้แนวรับ 1,296-1,286 จุด ส่วนแนวต้าน 1,314 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,914.74 จุด ลดลง 99.64 จุด (-0.62%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,283.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.83 จุด (+0.35%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,851.86 จุด ลดลง 0.35 จุด (-0.02%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 801.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 45.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 25.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.19 จุด

      ด้านตลาดหุ้นจีน, ตลาดหุ้นไต้หวัน ยังคงปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันสถาปนาประเทศ

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.พ.59) 1,304.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด (+0.06%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,505.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.พ.59

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.พ.59) ปิดที่ 27.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ลบ 49 เซนต์ หรือ 1.8%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.พ.59) ที่ 5.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.26 แนวโน้มยังแข็งค่าหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย

      - แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น (ทียูซี) และบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ได้เร่งติดต่อสถาบันการเงินทุกแห่ง รวมทั้งแบงก์รัฐ เพื่อขอเงินกู้ชำระเงินประมูลงวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท พร้อมหนังสือรับรองทางการเงินจากสถาบันทางการเงิน (แบงก์การันตี) เต็มจำนวนตามมูลค่าโครงการรวม 1.51 แสนล้านบาท เนื่องจากจะครบกำหนดต้องวางเงินในวันที่ 21 มี.ค.นี้

     - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน 66 องค์กร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสานพลังประชารัฐส่งเสริมเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ และกิจการเพื่อสังคม โดยเบื้องต้นกระทรวงการคลังจะจัดตั้งกองทุนร่วมทุน 3,000-4,000 ล้านบาท และจะให้ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จัดเงินมาธนาคารละ 3,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนธุรกิจกลุ่มสตาร์ทอัพ

     - นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีทีวีดิจิทัลอีกประมาณ 5 ช่อง มีแนวโน้มไปไม่รอดและมีโอกาสคืนใบอนุญาตสูง หากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุญาตให้สามารถคืนใบอนุญาตได้นั้น มองว่าช่องที่มีความน่าจะเป็นไปได้สูงในการคืนใบอนุญาต คือ ทีวีดิจิทัลในหมวดหมู่เด็ก เนื่องจากเป็นหมวดหมู่ที่ขายโฆษณาได้ยาก เพราะมีข้อจำกัดในด้านของกฎหมายและการกำกับดูแลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

     - ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) สำหรับการนาเข้ามาเพื่อขายหรือการขายเพชร พลอย ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน โอปอล นิล เพทาย ไพฑูรย์ หยก ไข่มุก และอัญมณีที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน เฉพาะที่ยังมิได้เจียระไน แต่ไม่รวมถึงสิ่งทำเทียมวัตถุดังกล่าวหรือที่ทำขึ้นใหม่

     - นักค้าเงินจากธนาคารพาณิชย์ ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้นำเข้าเข้ามาซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (ฟอร์เวิร์ด) เพิ่มขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นหลุด 36 บาท/เหรียญสหรัฐ

      - กสทช.เล็งช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล เลื่อนจ่ายค่าประมูลงวด 3 เปลี่ยนวันเริ่มนับใบอนุญาต คืนใบอนุญาต ใช้เงินกองทุนจัดเรตติ้ง 16 ก.พ.มั่นใจบอร์ดกล้าตัดสิน พิจารณารอบด้านมากกว่าใช้กฎหมาย ด้านทรูมูฟแจ้งขอจ่ายค่าประมูล 4จี แบงก์การันตีแล้ว ยันรายไหนไม่จ่ายเจอเพิกถอนทุกใบอนุญาต

*หุ้นเด่นวันนี้

      - BDMS (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 24 บาท คาดประกาศผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 1.88 พันล้านบาท (EPS 0.12 บาท) ใน 4Q15 คงที่ yoy แต่ลดลง 10%qoq โดย EBITDA Margin น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 2 โรงพยาบาลใหม่ที่น่าจะมี EBITDA เป็นบวกได้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย อย่างไรก็ตาม เดือน ม.ค. รายได้เติบโต 7%yoy ค่อนข้างน้อย โดยปรับประมาณการลง 1-3% สำหรับ CY16-17

      - THCOM (ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 47 บาท ไตรมาส 4/58 กำไรสุทธิ 744 ล้านบาท EPS 0.68 บาท (+75% yoy, +181% qoq) ดีกว่าที่ตลาด สูงสุดนับตั้งแต่ตั้งบริษัท โดยหากตัดรายการพิเศษออกกำไรปกติอยู่ที่ 685 ล้านบาท เติบโต 53% yoy และ 6% qoq เป็นผลจาก Thaicom 7 มีอัตราการใช้งานเต็ม 100% และส่วนแบ่งผลกำไรที่แข็งแกร่งจาก Lao Telecoms (LTC) บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.65 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 1 เม.ย.59 คาดราคาหุ้นจะรับแรงหนุนยอดขาย(Presales) ช่องสัญญาณ Thaicom 8 และความคืบหน้าในการจัดการเพิ่มอัตราการเช่าช่องสัญญาณของดาวเทียม Thaicom 4 และ 6

       - KTB (โกลเบล็ก) เป้า 20 บาท คาดกำไรปี 59=3.18 หมื่นลบ.(+12% YoY) จากสินเชื่อที่เติบโตขึ้น 3-4% NIM ทรงตัวที่ระดับ 2.6%  Non interest income +10%  และฐานะเงินกองทุนแกร่งที่ 15.83% และ Tier 1 เท่ากับ 12.4% และได้ประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐปี 59 เนื่องจากมีสินเชื่อภาครัฐสัดส่วนสูง อีกทั้ง AQ (เดิม KMC) ศาลฯสั่ง KMC จ่าย 1 หมื่นลบ.คืนหนี้ให้กับ KTB รวมทั้งโดดเด่นที่ Yield สูงราว 5%

     - GL (ดีบีเอส วิคเคอร์ส) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ตั้งเป้าปล่อยกู้ปีนี้ 2 หมื่นล้านบาท โต 100% จากปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท มาจากธุรกิจในต่างประเทศ คือ กัมพูชา, ลาว และอินโดนีเซีย ตั้งเป้าโครงสร้างสินเชื่อสิ้นปีเป็นต่างประเทศ 1.4 หมื่นล้านบาท, ในประเทศ 5 พันล้านบาทและจากบริษัทย่อยธนบรรณ (สินเชื่อรถจักรยานยนต์มือสอง) 1 พันล้านบาท มองตลาดสินเชื่อรถจักรยานยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องจักรกลการเกษตรในต่างประเทศมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

    - AAV (ไอร่า) เป้า 6.70 บาท ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ทำให้ลดสัดส่วนการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันในปี 59 เหลือเพียง 24% จากที่สูงถึง 50% ในปี 58 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเชื้อเพลิงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าปัจจัยความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นในปี 59 ค่อนข้างต่ำ

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจโลก-ราคาน้ำมันร่วง

    ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก ในการกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้

      ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,486.93 จุด ลดลง 801.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,872.68 จุด ลดลง 45.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,556.52 จุด ลดลง 25.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,644.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด

      ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไต้หวันยังคงปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันสถาปนาประเทศ

      ทั้งนี้ นางเยลเลนได้ระบุถึงความอ่อนแอในเศรษฐกิจโลก เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะอุปทานล้นตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกน้ำมัน ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของปัญหาของเศรษฐกิจจีน ได้ทำให้สภาวะทางการเงินของภาคธุรกิจสหรัฐตึงตัวขึ้น

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงอีก 1.8% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นกลุ่มการเงินพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 40.11 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 40.11 จุด หรือ 0.71% ที่ 5,672.30 จุด ในขณะที่ดัชนียังคงมีความผันผวนอยู่ในระดับเกือบสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.

     ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน โดยหุ้นบาร์เคลย์ส และหุ้นพรูเดนเชียลต่างก็พุ่งขึ้นมากกว่า 2% หลังจากที่หุ้นทั้งสองร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้

      ห้นเทสโก้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังจาก Kantar Worldpanel ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยระบุว่า ยอดขายของเทสโก้ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

      หุ่นฮิคมา ฟาร์มาซูติคัลส์ ร่วงลง 18% หลังจากบริษัทปรับลดสัดส่วนเงินสดที่จ่ายชำระในการซื้อกิจการ Roxane ของบริษัท Boehringer Ingelheim GmbH เนื่องจากพบว่ามียอดขายลดลงในปีที่ผ่านมาและอาจจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้

      หุ้นเออาร์เอ็มลดลง 4.9% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับข่าวดอยช์แบงก์เล็งซื้อคืนหุ้นกู้

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังมีข่าวว่าธนาคารดอยช์แบงก์เตรียมซื้อคืนหุ้นกู้บางส่วน ซึ่งช่วยหนุนราคาหุ้นดอยช์แบงก์ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

      ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.9% ปิดที่ 315.19 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,061.20 จุด เพิ่มขึ้น 63.66 จุด หรือ +1.59% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,017.29 จุด เพิ่มขึ้น 137.89 จุด หรือ +1.55% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,672.30 จุด เพิ่มขึ้น 40.11 จุด หรือ +0.71%

     ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคาร หลังมีข่าวว่าธนาคารดอยช์แบงก์จะซื้อคืนหุ้นกู้บางส่วน ส่งผลให้ราคาหุ้นดอยช์แบงก์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 10% ส่วนหุ้นธนาคารรายอื่นๆปรับตัวขึ้นเช่นกัน รวมถึงหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ พุ่งขึ้น 8.2% หุ้นบังคา ป๊อปปูเลร์ เดอ มิลาโน สคาร์ล และหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นธนาคารของอิตาลี ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 11%

     ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารนั้น มาจากรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์ส ที่ระบุว่า ดอยช์แบงก์กำลังพิจารณาเรื่องการซื้อคืนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ของทางธนาคาร หรือที่เรียกว่าหุ้นกู้ CoCos พร้อมกับระบุว่า ธนาคารอาจจะไม่แปลงสภาพหุ้นกู้ดังกล่าว

     ดอยช์แบงก์มีภาระต้องไถ่ถอนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ มูลค่า 5.38 หมื่นล้านยูโร หรือ 6.08 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นายจอห์น ไครอัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของธนาคารดอยช์แบงก์ ระบุว่า ทางธนาคารยังคงมีสถานะที่แข็งแกร่ง และมีเงินทุนที่เพียงพอที่จะจ่ายเงินจำนวน 350 ล้านยูโร (392 ล้านดอลลาร์) ให้กับนักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ CoCos ภายในวันที่ 30 เม.ย.

      หุ้นคาร์ลเบิร์ก พุ่งขึ้น 4% หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ แม้กำไรรายไตรมาสปรับตัวลดลงเล็กน้อยก็ตาม

      ส่วนหุ้นเทเลนอร์ ร่วงลง 6% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดิ่งลง 8.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 99.64 จุด หลัง เยลเลน กังวลแนวโน้มศก.

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ก.พ.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก ในการกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,914.74 จุด ลดลง 99.64 จุด หรือ -0.62% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,283.59 จุด เพิ่มขึ้น 14.83 จุด หรือ +0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,851.86 จุด ลดลง 0.35 จุด หรือ -0.02%

     ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากนางเยลเลนได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนหน้า หลังจากที่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีในการประชุมเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

     อย่างไรก็ตาม ตลาดได้อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากถ้อยแลงในครั้งนี้ นางเยลเลนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก โดยนางเยลเลนยังระบุถึงความอ่อนแอในเศรษฐกิจโลก เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะอุปทานล้นตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกน้ำมัน ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของปัญหาของเศรษฐกิจจีน ได้ทำให้สภาวะทางการเงินของภาคธุรกิจสหรัฐตึงตัวขึ้น

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงอีก 1.8% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

    หุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ร่วงลง 3.8% ซึ่งเป็นหุ้นที่ร่วงลงหนักสุดในดัชนีดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ชะลอตัวลง

     นักลงทุนยังรอการเปิดเผยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคาส่งออกและนำเข้าเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค.

 

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!