WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET37ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดสหรัฐฯ แต่คาดเงินไหลเข้า-เก็งปันผลช่วยพยุง

    นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้นี้ปรับลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ปิดปรับตัวลงในวันศุกร์ หลังประเมินข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯแสดงให้เห็นภาพรวมด้านแรงงานยังไม่ชัดเจน ท่ามกลางราคาน้ำมันที่อ่อนแรง ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน รวมถึงเม็ดเงินไหลเข้า (fund flow) ที่มีเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน รวมถึงแรงเก็งกำไรการประกาศผลประกอบการงวดปี 58 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และการจ่ายเงินปันผลน่าจะช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก โดยมองแนวรับบริเวณ 1,294-1,290 จุด และแนวต้านที่ 1,313 และ 1,320 จุด

    นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะย่อตัวลงมาก่อน จากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่อยู่ในภาวะอ่อนตัวทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่ปิดทำการเมื่อวันศุกร์ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐแสดงให้เห็นถึงภาพรวมที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ

    อย่างไรก็ตาม การที่หลายตลาดในภูมิภาคเอเชียหยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน และค่าเงินในภูมิภาคเอเชียที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงการที่มี fund flow ไหลเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิเข้ามาเมื่อวันศุกร์นั้น ทำให้คาดว่าการย่อตัวของดัชนีคงอยู่ในกรอบไม่มากนัก รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากการทยอยประกาศผลประกอบการปี 58 ของบริษัทจดทะเบียน และการจ่ายเงินปันผลที่จะตามมาทำให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะอยู่ในกรอบไม่กว้างมาก

      โดยมองแนวรับบริเวณ 1,294-1,290 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,313 และ 1,320 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 ก.พ.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,204.97 จุด จุด ร่วงลง 211.61 จุด (-1.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,363.14 จุด ลดลง 146.42 จุด (-3.25%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,880.05 จุด ลดลง 35.40 จุด (-1.85%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ทั้งตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ มีเพียงตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เปิดทำการ โดยดัชนี NIKKEI 225 เปิดวันนี้ ลดลง 198.68 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 ก.พ.59) 1,306.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด (+0.71%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 956.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.59

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 ก.พ.59) ปิดที่ 30.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 83 เซนต์ หรือ 2.6%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ก.พ.59) ที่ 6.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - บาทเปิด 35.53 คาดแกว่งแคบหลังหลายตลาดในเอเซียหยุดตรุษจีน

    - แบงก์ชาติเผยผู้ประกอบการห่วงอุปสงค์ในประเทศชะลอหลังเร่งใช้จ่ายไปก่อนหน้านี้ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับลดลงเดือนแรกของปีนี้ มองความต้องการตลาดในประเทศต่ำ เป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าความเชื่อมั่นกระเตื้อง คาดแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจออกมาดีในระยะต่อไป

    - บลจ.ตื่นรับมือมติบอร์ดซีพี ออลล์ เมินเสียงค้านปลดกรรมการไร้ธรรมาภิบาล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น "สยามแม็คโคร" เตรียมประชุมบอร์ดการลงทุนวันนี้ เพื่อกำหนดท่าที ระบุการตัดสินใจอยู่บนผลประโยชน์ผู้ถือหน่วยเป็นสำคัญ ด้าน "สมาคมบลจ." เตรียมหารือสมาชิก 18 ก.พ.นี้ "ปรับแผนลงทุน" หุ้น "ซีพี ออลล์-เครือซีพี"

     - ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีชาวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 3.40 แสนคน เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 22.0 เมื่อเทีบกับช่วงเดียวกันของปี ซึ่งจะช่วยหนุนให้ช่วงไตรมาส 1 ปี 2559 มีชาวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวน 2.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่เติบโตร้อยละ 93.3 โดยปลายทางยอดฮิตอันดับ 1 น่าจะยังคงเป็นกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่

     - ธปท.เผยว่าการเคลื่อนไหวของเงินบาทนับตั้งแต่ต้นปี ความผันผวนของค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นจากประมาณ 3.2% เป็น 4.8% โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินริงกิตมาเลเซียค่าความผันผวนเพิ่มจากประมาณ 9% เป็น 13% และเหรียญสิงโปร์ จาก 5.1% เป็น 8.7%

      - คลังเผยราคาน้ำมันต่ำกว่า 20 เหรียญ/บาร์เรล กระทบรายได้รัฐมากกว่าใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้นอีเพย์เมนต์เพิ่มฐานผู้เสียภาษีอีกกว่า 1 หมื่นราย ช่วยเพิ่มรายได้รัฐและเอกชนประหยัดเงินกว่า 2 แสนล้านบาท

       - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าทีมนำรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พร้อมทั้งบริษัทยานยนต์และชิ้นส่วน และภาคเอกชนที่เป็นเป้าหมายเดินทางไปพบปะและชักจูงนักลงทุนเกาหลี  ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.นี้ เพื่อร่วมปฏิรูปและพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตของไทยอีก 5-10 ปี โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์

     - อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ยอดการเปิดกิจการใหม่ในเดือนม.ค. 2559 มีจำนวน 282 โรงงาน ลดลง 13.49% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่มูลค่าการลงทุนมีมูลค่า 17,728 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.45% เมื่อเทียบกับปีก่อน จ้างงาน 6,937 คน เพิ่มขึ้น 9.74% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

*หุ้นเด่นวันนี้

     - BJC (บล.เคทีบีฯ) โดยมองประเด็นที่น่าสนใจคือ TCC Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ BJC เพิ่งสรุปเรื่องการซื้อหุ้น BIGC ในไทย จากกลุ่ม Casino โดย BJC ซึ่งมีแผนขยายธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต จากก่อนหน้านี้ BJC หันมารุกธุรกิจ Cloud โดยเปิดธุรกิจบริการ Cloud และบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2559 โตขึ้น 10% ซึ่งยังไม่รวมการทำธุรกิจร่วมกัน หลังจาก TCCH ผู้ถือหุ้นใหญ่ BJC ได้ซื้อเมโทร เวียดนาม เรียบร้อยแล้วเมื่อ ม.ค. 59  จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะฟื้นตัวจากปีก่อน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคได้ชัดเจนใน Q1/59 ขณะที่ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 32.00 บาท

      - BIGC (บล.เออีซี) แนะ"ถือ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 210 บาท โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ Casino Group ตกลงขายหุ้น BIGC ที่ถืออยู่ 58.56% ของทุนชำระแล้วให้แก่ TCC Group ของเสี่ยเจริญด้วยมูลค่า 1.22 แสนล้านบาท คิดเป็นหุ้นละ 252.88 บาท สูงกว่าราคาปิดวันศุกร์ 11.4% อย่างไรก็ดีหลังเปิดตลาดเช้านี้คาดราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้นมาสะท้อนราคาเสนอซื้อแล้ว จึงคงแนะนำเพียง ถือ เพื่อรอการทำ Tender Offer ของ TCC Group ที่จะต้องเข้าเสนอซื้อหุ้น BIGC ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นที่ราคาเดียวกัน

       - CPALL(บล.ธนชาต) ให้ราคาเป้าหมายที่ 52 บาท โดยมองว่าปัญหาธรรมาภิบาล (CG) ที่ยังค้างคาอาจส่งผลกระทบต่อการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ในเดือน ต.ค.นี้ ปรับ SSS เหลือ 3% ต่อปี แต่กำไรยังเติบโต 23-22% ในปี 59-60

      - ADVANC (บล.บัวหลวง) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 180 บาท โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 เพิ่มขึ้นอีก 3% มาอยู่ที่ 3.05 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อน EBITDA margin ของปี 2559 ที่เพิ่มสูงขึ้น จาก 33% ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33.8% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงจากประมาณการเดิม รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 6% มาอยู่ที่ 180 บาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังสูงน่าจูงใจถึง 6.2% ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิปี 2559 ของ ADVANC จะมีแนวโน้มลดลงอย่างมากก็ตาม และการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี 2559

ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

   ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแรงกว่าคาดการณ์

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,620.91 จุด ลดลง 198.68 จุด

     สำหรับ ตลาดหุ้นที่ปิดทำการในวันนี้ประกอบด้วยตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 50.70 จุด หลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐต่ำกว่าคาด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองนำตลาดร่วงลง

    ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 50.70 จุด หรือ 0.86% ที่ 5,848.06 จุด

  ตลาดมีการซื้อขายที่ผันผวนหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. จากระดับ 262,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง

   อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.0%

      นักลงทุนมีการตีความที่แตกต่างกันเกี่ยวกับข้อมูลจ้างงานสหรัฐ โดยบางรายมองว่ารายงานดังกล่าวอาจจะทำให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางวสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่บางส่วนเชื่อว่าข้อมูลดังกล่าวตอกย้ำถึงภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ

     หุ้นเหมืองปรับตัวลงตามราคาทองแดง โดยหุ้นริโอ ทินโต ร่วง 2.2% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับลง 0.5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกศก.สหรัฐหลังจ้างงานน้อยกว่าคาด

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 2.86 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 325.90 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ลดลง 27.86 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 4,200.67 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ร่วงลง 107.13 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 9,286.23 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน อ่อนแรงลง 50.70 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 5,848.06 จุด

     ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. จากระดับ 262,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง

     ขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.0%

    กระทรวงระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 7,000 ตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐที่ยังไม่มีความชัดเจน

    หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกัน โดยหุ้นริโอ ทินโต ร่วง กว่า 2% แต่หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 11%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 211.61 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) หลังจากตลาดประเมินว่าข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐแสดงให้เห็นถึงภาพรวมที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ ท่ามกลางราคาน้ำมันที่อ่อนแรง

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 211.61 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 16,204.97 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 35.40 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 1,880.05 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 146.42 จุด หรือ 3.25% ปิดที่ 4,363.14 จุด

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. จากระดับ 262,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง

    อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.0%

     กระทรวงระบุว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 7,000 ตำแหน่ง

     นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลจ้างงานที่มีการปรับตัวในทิศทางแตกต่างกันแทบไม่ได้สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ

    ทางด้านหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประเมินถึงการขยายตัวของการจ้างงานที่ชะลอลงมาหลายเดือนแล้ว ดังนั้น การชะลอตัวครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างความผ่อนคลายแก่เฟดมากกว่าที่ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจ

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากมีการเปิดเผยอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 8 ปี และการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด

      ส่วนดัชนี Nasdaq ร่วงหนักเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากมีแรงเทขายหลังจากมีการคาดการณ์ที่อ่อนแรงจากบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นลิงค์อิน ทรุดลงกว่า 40% หลังจากบริษัทเปิดเผยคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าคาด

     นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ร่วงลงต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ก็เป็นปัจจัยที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่อุปทานน้ำมันจำนวนมากยังคงถ่วงตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

     สำหรับ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 1.6% ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 3.1% และดัชนี Nasdaq ทรุดลง 5.4%

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.พ.2559

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,204.97 จุด ลดลง 211.61 จุด, -1.29%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,363.14 จุด ลดลง 146.42 จุด, -3.25%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,880.05 จุด ลดลง 35.40 จุด, -1.85%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,200.67 จุด ลดลง 27.86 จุด, -0.66%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,286.23 จุด ลดลง 107.13 จุด, -1.14%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,848.06 จุด ลดลง 50.70 จุด, -0.86%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 24,616.97 จุด เพิ่มขึ้น 278.54 จุด, +1.14%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,623.21 จุด เพิ่มขึ้น 64.72 จุด, +2.53%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,662.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.69 จุด, +0.34%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,798.95 จุด เพิ่มขึ้น 133.13จุด, +2.85%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 19,288.17 จุด เพิ่มขึ้น 105.08 จุด, +0.55%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,765.13 จุด เพิ่มขึ้น 112.30 จุด, +1.69%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,763.49 จุด ลดลง 17.53 จุด, -0.63%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,917.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.53 จุด, +0.08%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,819.59 จุด ลดลง 225.40 จุด, -1.32%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,976.20 จุด ลดลง 4.20 จุด, -0.08%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,025.60 จุด ลดลง 3.70 จุด, -0.07%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) หลังจากตลาดประเมินว่าข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐแสดงให้เห็นถึงภาพรวมที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดแรงงานสหรัฐ ท่ามกลางราคาน้ำมันที่อ่อนแรง

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วง 211.61 จุด หรือ 1.29% ปิดที่ 16,204.97 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 35.40 จุด หรือ 1.85% ปิดที่ 1,880.05 จุด และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง146.42 จุด หรือ 3.25% ปิดที่ 4,363.14 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 2.86 จุด หรือ 0.87% ปิดที่ 325.90 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ลดลง 27.86 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 4,200.67 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ร่วงลง 107.13 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 9,286.23 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน อ่อนแรงลง 50.70 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 5,848.06 จุด

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองนำตลาดร่วงลง

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 50.70 จุด หรือ 0.86% ที่ 5,848.06 จุด

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น20 เซนต์ หรือ 0.02% ที่ 1,157.70 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดปรับลง 7.2 เซนต์ ที่ 14.778 ดอลลาร์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดลดลง 2.6 ดอลลาร์ ที่ 903.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดอ่อนแรงลง 16.90 ดอลลาร์ ที่ 498.70ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ (5ก.พ.) เนื่องจากตลาดยังคงคาดว่าปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะสูงเกินความต้องการ

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดร่วงลง 83 เซนต์ หรือ 2.6% แตะที่ 30.89ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง40 เซนต์ หรือ 1.2% ที่ 34.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่าอัตราว่างงานของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1142 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1207ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4499 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4588 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 116.93 เยน จาก 116.75 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9918 ฟรังก์ จาก 0.9925 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7070ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7200 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 297.00 จุด ลดลง 1.00 จุด, -0.34%

                       

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!