WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ามีโอกาสอ่อนลงเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาค-ช่วงไร้ปัจจัยใหม่

    นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบเฉลี่ยราว 0.1-0.3% เนื่องจากตลาดฯช่วงนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่ และเป็นช่วงของการรอการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/57

   อย่างไรก็ดี มองว่าน่าจะมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็กทำให้ดูเด่นในช่วงนี้ อย่างหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นที่ราคายัง Laggard นอกจากนี้สัปดาห์หน้าจะมีการประกาศเรื่องรถไฟรางคู่ ก็อาจจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามา

    ด้านปัจจัยจากนอกประเทศเวลานี้ก็ให้รอดูตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่จะประกาศในวันพฤหัสนี้ และรอดูรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ครั้งที่แล้ว ซึ่งจะรายงานออกมาในวันพุธ โดยให้ดูเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย

                พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด แนวต้าน 1,508-1,515 จุด

                ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(7 ก.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,024.21 จุด ลดลง 44.05 จุด(-0.26%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,977.65 จุด ลดลง 7.79 จุด(-0.39%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,451.53 จุด ลดลง 34.40 จุด(-0.77%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 75.17 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 14.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 5.02 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.98 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึน 1.39 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(7 ก.ค.) ที่ 1,503.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด(+0.49%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,778.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค.57

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(7 ก.ค.)ที่ 103.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 103.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

  - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(7 ก.ค.)ที่ 5.25 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 32.39/40 แกว่งแคบ-รอปัจจัยใหม่

    - ททท.ดันเป้าสูง 2.2 ล้านล้านบาทท่ามกลางปัจจัยลบ เผยแผนปรับการทำงานเร่งประเมินผลทุก 3 เดือน ยอมรับท้าทายสูง ระบุตลาดยุโรปยังเผชิญปัจจัยลบ รัสเซียยังเฝ้าระวังปัญหาอุบัติเหตุในไทยอัตราสูง ขณะที่เยอรมนีชี้ภาพลักษณ์การเมืองยังมีผลต่อลูกค้าตัดสินใจเลือกไทย ด้านตลาดในประเทศดึง 3 โครงการใหญ่ยื้อกำลังซื้อคนไทย 8 แสนล้านบาท

    - คสช.รื้อใหญ่กระทรวงพลังงาน สั่งย้ายรองปลัด-อธิบดี 3 กรมเข้ากรุผู้ตรวจฯ ที่เปิดให้เฉพาะตัว พร้อมโยก ผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงานเสียบรองปลัดแทน ขณะที่กระทรวงทรัพย์ เด้งอธิบดีป่าไม้-กรมทรัพยากรทางทะเลฯ ฮือฮาดึง "สุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" กลับรองปลัด หลังเพิ่มส่งไปนั่งเลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ แค่ 7 วัน

    - อธิบดีกรมสรรพากรที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งให้นโยบายผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วประเทศให้จัดเก็บภาษีอย่างเต็มที่ในช่วง 2 เดือนครึ่งก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2557 เพื่อให้การเร่งรัดการจัดเก็บรายได้ครั้งนี้ ทำให้ทั้งปีงบประมาณ 2557 มียอดต่ำกว่าเป้าแคบลง จากปัจจุบันที่ยังเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า 9 หมื่นล้านบาทเมื่อสิ้นเดือนมิ.ย. 2557

    - เอกชนมองปีหน้าเศรษฐกิจไทยสดใสนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าลงทุน ดันหุ้นไทยแตะ 1,700 จุด บลจ.กรุงศรีเผยสถาบันไทยจ่อลงทุนหุ้นเพิ่มอีก 5 หมื่นล้าน ในครึ่งปีหลัง ปรับพอร์ตเพิ่มน้ำหนักกลุ่มอสังหาฯ กว่า 10%

    - กรุงศรีฯคาดเศรษฐกิจครึ่งปีหลังโตได้ 3-4.5% มีการบริโภคที่เร่งตัวขึ้นเป็นแรงขับเคลื่อน ขณะที่การลงทุนเห็นภาพขยายตัวชัดในปีหน้า ส่งผลความต้องการสินเชื่อสภาพคล่อง ส่วนทั้งปีโตได้ 1.8-2.3%

    - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ได้มีผลให้ความเสี่ยงประเภทใดปรับสูงขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีการระมัดระวังในการดูแลความเสี่ยงอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การดูแลความเสี่ยง

*หุ้นเด่นวันนี้

    - EIC-W1(ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ. อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์(EIC))เทรดวันนี้วันแรก จำนวน99,999,972 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 30 พ.ค. 2557 หมดอายุวันที่ 29 พ.ค. 2560 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 28 พ.ย. 2557 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 29 พ.ค. 2560

     - PTTEP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 194 บาท ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นอีก 3% จากเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 107 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของ PTTEP มากที่สุด ทำให้ผลประกอบการปี 2557 น่าจะเติบโตได้ตามคาดการณ์ของเราที่ 15% YoY ส่วนในช่วงสั้นผลประกอบการ 2Q57 น่าจะฟื้นตัวและมีกำไร 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท จากการรับรู้ปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อ Hess รวมทั้งกำลังผลิตจากโครงการมอนทาราเพิ่มและราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ

    - EGCO (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 150 บาท มองบวกประกาศใช้เงินลงทุน 453 ล้านเหรียญ เข้าซื้อหุ้น 40.95% ในโครงการ Masinloc เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศฟิลิปปินส์ แม้การลงทุนจะมีมูลค่าสูงกว่าตลาดถึง 17% จากศักยภาพที่จะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในอนาคต ขณะที่การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้ EGCO มีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 5.7% เป็น 4.8 พันเมกะวัตต์ นอกจากนี้หากมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ EGCO จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมประมูลที่มีศักยภาพมากที่สุด หุ้นซื้อขายที่ PBV เพียง 0.94 เท่า ราคาหุ้นยังมี Upside จากมูลค่าเหมาะสมซึ่งยังไม่รวมการลงทุนในโครงการ Masinloc อีก 8 บาท

     - TKS(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"กำไร 2Q14 คาดเติบโตสูงถึง 59% Y-Y เพราะได้อานิสงส์จากงานพิมพ์ไปรษณียบัตรทายผลบอลโลก แต่ลดลง 27% Q-Q เพราะใน 1Q14 ได้งานพิมพ์ประเภท Advance & Security ของทางราชการค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ขณะที่งานดังกล่าวใน 2Q14 กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงปรับกำไรปีนี้ขึ้น 15% เป็น 330 ล้านบาท +41% Y-Y จากทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด และคาดกำไรในปี 2015 โต 15% Y-Y โดยปรับเป้าหมายปีนี้ขึ้นเป็น 12 บาทจากเดิม 9 บาท พร้อมมอง TKS เป็นทั้งหุ้นเติบโตสูงและจ่ายปันผลสูง

     - INTUCH(ฟินันเซีย ไซรัส)แนวโน้มกำไร 2Q14 จะลดลงตามบริษัทลูก แต่ยังแนะนำ"ซื้อ"เพราะเงินปันผล 6-7% ต่อปี แม้ว่า THCOM จะกำไรดีขึ้นแต่ชดเชยไม่ได้กับกำไรของ ADVANC ที่ลดลง ทำให้คาดกำไรสุทธิของ INTUCH -6% Q-Q, -2% Y-Y นอกจากนี้ ปรับกำไรปกติในปีนี้ลง 5% ตามกำไรของ ADVANC ที่ลดลง และปรับราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 100 บาทจากเดิม 102 บาท โดยคาดว่าจะจ่ายระหว่างกาล(งวดเม.ย.- ส.ค.)2.30 บาท/หุ้น (yield 3.2%)

ตลาดหุ้นเอเชียหดตัวลงเช้านี้ ขณะเงินเยนแข็งค่าต่อเนื่อง

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.4% เมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,304.27 จุด ลดลง 75.17 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,058.13 จุด ลดลง 1.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,555.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,515.18 จุด ลดลง 5.02 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,003.55 จุด ลดลง 1.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,288.59 จุด ลดลง 2.98 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,893.89 จุด เพิ่มขึน 1.39 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 42.54 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มเหมือง

    ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ได้ฉุดราคาโลหะและหุ้นกลุ่มเหมืองให้ร่วงลง

    ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 42.54 จุด หรือ 0.62% ที่ 6,823.51 จุด

    โกลด์แมน แซคส์ประเมินว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3 ปี 2558 จากเดิมที่คาดไว้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2559 หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลจ้างงานที่สดใสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    หุ้นอันโตฟากัสตา ซึ่งทำธุรกิจเหมืองแร่ทองแดงในชิลี ปรับลง 1.4% ขณะที่หุ้นแอฟริกัน บาร์ริค ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทอง ร่วงลง 2%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบจากแรงขายทำกำไร ตลาดจับตาผลประกอบการเอกชน

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากที่ตลาดได้พุ่งขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.9% ปิดที่ 344.8 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,405.76 จุด ลดลง 63.22 จุด, -1.41% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,906.07 จุด ลดลง 103.01 จุด, -1.03% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,823.51 จุด ลดลง 42.54 จุด, -0.62%

   นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดดีดตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีส่งสัญญาณว่า อีซีบีจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป และในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ อีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.15% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ระดับติดลบ 0.10%

    นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 1.8% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าระดับคาดการณ์ในผลสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์จากวอลสตรีท เจอร์นัล ที่อยู่ในระดับทรงตัว

    หุ้น Deutsche Boerse ร่วงลง 2.9% หลังจากเครดิต สวิส ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ underperform จากระดับ neutral

    อย่างไรก็ตาม หุ้น PostNL พุ่งขึ้น 19% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 260 ล้านยูโร หรืออาจจะสูงถึง 290 ล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 220 ล้านยูโร

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 44.05 จุด

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,024.21 จุด ลดลง 44.05 จุด หรือ -0.26% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,451.53 จุด ลดลง 34.40 จุด หรือ -0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,977.65 จุด ลดลง 7.79 จุด หรือ -0.39%

    นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทำสถิติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 288,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 215,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

   อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานสหรัฐทำให้นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนมองว่า อาจจะเป็นเหตุผลที่ให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 3 ปี 2558 แทนที่จะเป็นไตรมาส 4 ปี 2558 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลในตลาด

     นอกเหนือจากเจพีมอร์แกนแล้ว โกลด์แมน แซคส์ ยังได้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

    ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมของเฟดในวันพุธนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทเอกชนสหรัฐ

    สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 บางแห่งได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดยบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น มีอยู่ราว 63.6%

    สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 119.62 จาก 119.03 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเน้นย้ำถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐที่มีความแข็งแกร่งขึ้นในเดือนที่แล้ว

    หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้น Peabody Energy  ร่วงลง 3.7% ขณะที่หุ้น Chesapeake Energy ดิ่งลง 4.6%

    ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ ร่วงลง 4.4% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ปรับตัวลง 3.2%

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!