WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET25ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวด์หลังร่วงแรง แต่ปัจจัยภายนอกยังกดดัน

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสกฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่รีบาวด์ด้วยสัญญาณทางเทคนิคหลังจากวานนี้ปรับตัวลงไปแรง ขณะที่เช้านี้มีปัจจัยหนุนบ้างจาก Sentiment ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียบางตลาดเริ่มเห็นแกว่งตัวขึ้นมาในแดนบวกได้บ้างแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะเปิดทำการมาในแดนลบ

     อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปัจจัยภายนอกยังคงกดดัน โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงลงภายหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมาไม่ดี รวมทั้งยังกังวลความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับประเทศตะวันออกกลาง อีกทั้งเศรษฐกิจโลกก็ยังคงอ่อนแอ

     ด้านปัจจัยพื้นฐานของบ้านเรามีแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐฯและการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังเป็นบวกต่อตลาดฯ เพียงแต่ทิศทางราคาน้ำมันดิบ และกระแสเงินทุนไหลออก อาจจะทำให้ตลาดฯ ยังไปได้ไม่ดีนัก

พร้อมให้แนวต้านวันนี้ที่ 1,280 จุด และแนวรับ 1,250 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(4 ม.ค.59) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,148.94 จุด ร่วงลง 276.09 จุด(-1.58%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,903.09 จุด ดิ่งลง 104.32 จุด(-2.08%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.66 จุด ลดลง 31.28 จุด(-1.53%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 52.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 99.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 8.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.66 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 9.50 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(4 ม.ค.59)1,263.41 จุด ลดลง 24.61 จุด(-1.91%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,204.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ม.ค.59

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(4 ม.ค.59) ปิดที่ 36.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับลง 28 เซนต์ หรือ 0.8%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(4 ม.ค.59)ที่ 8.95 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 36.13/15 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบ 36.10-36.30

     - กรมสรรพากรเล็งลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 35% เหลือ 30% พร้อมขยายเพดานยกเว้นเป็น 3 หมื่นบาท ส่วนแผนดึงผู้ประกอบการ SME เข้าระบบ เปิดลงทะเบียน 15 ม.ค.59 ถึง 15 มี.ค.59 ลั่นไม่ใช่นิรโทษฯ แต่เพื่อให้จัดทำบัญชีและงบการเงินเพียงเล่มเดียว หวังผู้ประกอบการเข้าระบบ 30% หรือ 1 แสนราย

     - กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(เงินเฟ้อ)ทั่วไปเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ที่ 105.74 ลดลงจากเดือน พ.ย.ถึง 0.39% และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.85% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2558 เมื่อเทียบกับปี 2557 ค่าดัชนีลดลงถึง 0.90% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ที่มีการใช้นโยบายประชานิยมในการลดค่าครองชีพต่างๆ และช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

     - รมว.อุตสาหกรรม เผยกำลังเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ นักลงทุนอย่างเร่งด่วนในปี 2559 เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาในเดือน ม.ค.นี้ เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงงาน พ.ศ.2535 ที่ต้องปรับปรุงเพื่อยกเลิกโรงงานบางประเภท การกำหนดแรงม้าเครื่องจักรให้มากขึ้น รวมถึงให้กิจการที่เข้าข่ายเป็นโรงงานบางประเภทสามารถตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงแรม หรือสถานศึกษาได้

       - แบงก์ชาติปรับลดวงเงินขั้นต่ำ พันธบัตร ธปท. ขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน หวังเปิดทางแผนระดมทุนของภาครัฐออกมามากในอนาคต ย้ำส่วนใหญ่ยังคงเป็นการออกพันธบัตร เพื่อทดแทนรุ่นเก่าครบกำหนด เผยไม่มีแผนออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท.รุ่นใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

     - BEM(โกลเบล็ก)เป็นบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง BECL และ BMCL เริ่มซื้อขายวันนี้ ราคาเหมาะสมตาม consensus 5.70-6.50 บาท BEM ดำเนินธุรกิจ 1) ทางด่วน 2 เส้นทางคือ ทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางประอิน-ปากเกร็ด ระยะทาง 70.5 กิโลเมตร 2)รถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง-บางซื่อระยะทาง 20 กิโลเมตร โดยมีโอกาสเติบโตในอนาคตจากโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 1)ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกระยะทาง 16.7 กิโลเมตร 2)รับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางใหญ่-บางซื่อ)ระยะทาง 23 กิโลเมตร

       ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BEM เรียงตามลำดับคือ บมจ.ช.การช่าง(CK) 27.59% รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) 8.22% ธนาคารกรุงไทย(KTB) 6.85% ไฮกรีตโปรดักส์ 4.3% และธนาคารกรุงเทพ(BBL) 2.83% ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเป็น CK ทำให้นโยบายในการบริหารไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

      - CK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)เป้า 33 บาท ได้รับประโยชน์จากการควบรวมเป็น BEM เพราะเดิมต้องรับรู้ผลขาดทุนใน BMCL(ในปีงวด 9 M15 รับรู้ผลขาดทุนเข้ามา 151 ล้านบาท จากที่ BMCL ขาดทุนสุทธิ 426 ล้านบาท และ CK ถือหุ้นอยู่ 35.47%)แต่เมื่อควบรวมแล้วจะพลิกเป็นรับรู้ผลกำไรแทน โดย CK ถือหุ้น BEM เท่ากับ 27% ให้เป็นหุ้น Dark Horse ของ ม.ค.59 ด้วย

      - EPG(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 17 บาท สะท้อนคาดการณ์อัตราการเติบโต CAGR ที่แข็งแกร่งคือ 3 ปีที่ระดับสูงเป็น 25% และคิดเป็น PEG ที่ 1 เท่า ข่าวดี คือ ได้รับการจัดเข้าไปอยู่ใน SET 100 เริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปี 59 คาดตลาดฯจะให้ความสนใจมากขึ้น ขณะที่แนวโน้มอัตราการเติบโต CAGR ที่แข็งแกร่งคือ 3 ปีที่ระดับสูงเป็น 25% สืบเนื่องจากการที่บริษัทเป็นผู้ชำนาญงานด้าน polymerization และกระบวนการผลิตที่มีความยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลงแตะ 128.49 จุด เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,398.76 จุด ลดลง 52.22 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,196.65 จุด ลดลง 99.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,318.69 จุด ลดลง 8.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,105.00 จุด ลดลง 9.26 จุด

   ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,911.93 จุด ลดลง 6.83 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,836.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.83 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,655.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.66 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,823.92 จุด ลดลง 9.50 จุด

      ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินในเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 48.2 จาก 48.6 ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วงลง 148.89 จุด วิตกตลาดหุ้นจีนดิ่งหนัก

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันทำการวันแรกของปี 2559 เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนได้กระตุ้นแรงเทขายตลอดทั้งตลาดหุ้นยุโรป

    ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 148.89 จุด หรือ 2.39% แตะที่ 6,093.43 จุด ทำสถิติปรับตัวลดลงสูงที่สุดในวันแรกของการซื้อขายนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2543 และทำสถิติปรับตัวลดลงสูงที่สุดในการซื้อขายในระหว่างวันในรอบ 3 เดือน

    ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินในเดือนธ.ค. ลดลงสู่ระดับ 48.2 จาก 48.6 ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง

     การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนได้ฉุดตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ยังทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนตัดสินใจใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ หลังจากที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วงลงรุนแรงถึง 7%

     หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย โดยหุ้นบีพีลดลง 1.8% หุ้นรอยัลดัทช์เชลล์ลดลง 0.3%

    หุ้นไชร์ลดลง 5.2% เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า บริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษใกล้ที่จะปิดธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Baxalta Inc. ซึ่งเป็นคู่แข่งในสหรัฐ

       หุ้นแรนโกลด์ รีซอร์สเซส พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทรัพย์สินที่มีความปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกหุ้นจีนทรุด ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงหนัก

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากตลาดหุ้นจีนทรุดฮวบลงเมื่อวานนี้ จนส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.5%  ปิดที่ 356.66 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,522.45 จุด ลดลง 114.61 จุด หรือ -2.47% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,283.44 จุด ร่วงลง 459.57 จุด หรือ -4.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,093.43 จุด ลดลง 148.89 จุด หรือ -2.39%

    ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินในเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 48.2 จาก 48.6 ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง

     การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนได้ฉุดตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ยังทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนตัดสินใจใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ หลังจากที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วงลงรุนแรงถึง 7%

      ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสองมหาอำนาจในตะวันออกกลาง หลังจากที่ทางการซาอุดิอาระเบียสั่งประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักการศาสนาชื่อดังชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554

       เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีสถานทูตและสถานกงสุลของซาอุดิอาระเบียในกรุงเตหะราน จนเป็นเหตุให้ซาอุดิอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน

      ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลงเกือบ 460 จุด หลังจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และขยับขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าระดับ 0.4% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

       หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วงลง 5.1% หุ้นคอนติเนนตัล เอจี ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิลส์ ร่วงลง 4.9%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 276.09 จุด วิตกศก.จีน,สถานการณ์ตอ.กลาง

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันทำการวันแรกของปี 2559 หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจจะฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และพากันหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้น

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,148.94 จุด ร่วงลง 276.09 จุด หรือ -1.58% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,903.09 จุด ดิ่งลง 104.32 จุด หรือ -2.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.66 จุด ลดลง 31.28 จุด หรือ -1.53%

    ภาวะการซื้อขายวันแรกของปี 2559 เป็นไปอย่างตื่นตระหนก หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซินในเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 48.2 จาก 48.6 ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง

    ข้อมูลภาคการผลิตที่ย่ำแย่ของจีนยังได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ อีกทั้งยังทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนตัดสินใจใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ หลังจากที่ตลาดร่วงลงรุนแรงถึง 7%

     นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสองมหาอำนาจในตะวันออกกลาง หลังจากที่ทางการซาอุดิอาระเบียสั่งประหารชีวิตนักโทษคดีก่อการร้าย 47 ราย รวมถึง นิมร์ อัลนิมร์ นักการศาสนาชื่อดังชาวชีอะห์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อปี 2554

     เหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดผลกระทบในด้านลบมากมาย รวมถึงการที่กลุ่มผู้ประท้วงชาวอิหร่านได้ก่อเหตุโจมตีสถานทูตและสถานกงสุลของซาอุดิอาระเบียในกรุงเตหะราน จนเป็นเหตุให้ซาอุดิอาระเบียประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน

     ด้านรัฐบาลซูดานได้ประกาศขับนักการทูตอิหร่านออกจากประเทศในวันนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ซาอุดิอาระเบีย และบาห์เรนประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต

     นอกเหนือจากความตึงเครียดทางการเมืองแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ รวมถึงรายงานของมาร์กิตซึ่งระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 51.2 ในเดือนธ.ค. ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 51.3 และต่ำลงจากจากระดับ 52.8 ในเดือนพ.ย.

     ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างร่วงลง 0.4% ในเดือนพ.ย. 2558 ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2557

     หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 2.6% ขณะที่หุ้นแมคกรอว์ ฮิลล์ ไฟแนนเชียล และหุ้นฮันทิงตัน บองซ์แชร์ ร่วงลงกว่า 3.2%

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลด้านตลาดแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพรุ่งนี้เวลา 20.15 น.ตามเวลาไทย ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐในเดือนธ.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดีเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และในวันศุกร์เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!