WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET30ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในแดนบวก รับราคาน้ำมันขึ้น-LTF หนุน

  นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ และคาดว่าส่วนใหญ่จะแกว่งตัวในแดนบวก เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ อีกทั้งยังมีเม็ดเงินของกองทุน LTF ไหลเข้ามาต่อเนื่อง

     ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเปิดตลาดภาคเช้าส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยราว 0.1-0.2% รับปัจจัยบวกราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้น

พร้อมให้แนวต้าน 1,287-1,290 จุด แนวรับ 1,275-1,280 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ธ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.98 จุด เพิ่มขึ้น 192.71 จุด(+1.10%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,107.94 จุด เพิ่มขึ้น 66.95 จุด(+1.33%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,078.36 จุด เพิ่มขึ้น 21.86 จุด(+1.06%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 88.60 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 94.97 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.72 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.59 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ธ.ค.58) 1,283.78 จุด ลดลง 2.09 จุด(-0.16%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,561.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(29 ธ.ค.58) ปิดที่ 37.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.9%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ธ.ค.58)ที่  8.79  เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิดตลาดเช้า 36.09/11 คาดแกว่งแคบ 36.05-36.15 ธุรกรรมเบาบางช่วงสิ้นปี

      - คณะรัฐมนตรีอนุมัติเป้าหมายนโยบายการเงินปี 59 เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 2.5% บวกลบ 1.5% ด้านรมว.คลังเผยแบงก์ชาติจะใช้เครื่องมือในการทำนโยบายการเงินที่มีอยู่เพื่อช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโต

        - รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการทางด้านภาษีเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาอยู่ในระบบภาษีอย่างถูกต้องด้วยการมาลงทะเบียนกับกรมสรรพากร ซึ่งกระทรวงการคลังจะออกกฎหมายขึ้นมารองรับ โดยให้สิทธิกับผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทะเบียนภายใน 2 เดือนตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ จะไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยกำหนดให้ผู้ที่เข้ามาจดทะเบียนต้องเป็นกลุ่มที่มียอดขายต่ำกว่า 500 ล้านบาท ครอบคลุม 95% ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งประเทศ ส่วนกลุ่มที่เป็นเอสเอ็มอีที่ทุนจดทะเบียนต่ำกว่า 5 ล้านบาท มียอดขายไม่เกิน 30 ล้านบาท หากเข้ามาลงทะเบียนจะได้รับสิทธิพิเศษ คือ ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลปีแรก ปีที่ 2 เสียแค่ 10% และในปีต่อไปเก็บตามอัตราปกติ 20%

       - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจภาคการเงินการธนาคารในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน เกิดภาวะเงินฝืดหรือมีปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงินมากที่สุด เห็นได้จากมียอดรวมการกู้เงินมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกภาค นอกจากนี้ยังมียอดการกู้มากกว่าการฝากเงินด้วย

      - ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเตรียมปล่อยสินเชื่อใหม่โตปีละ 7% ต่อเนื่อง 5 ปี มุ่งส่งเสริมทำเกษตรยั่งยืน คาดโตถึง 5% ต่อปี ปล่อย 4 แพ็คเกจช่วยเกษตรกรรับมือภัยแล้ง ประเมินลากยาวถึงก.ค.59

      - 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ แนะจับตาหลังมาตรการอุ้มอสังหาริมทรัพย์ภาครัฐหมดเม.ย.59 หวั่นลูกค้าอาจเบี้ยวโอนสูง หลังพบสัญญาณแล้วถึง 10% เหตุซื้อเพื่อเก็งกำไร มั่นใจปีหน้าตลาดทั่วประเทศโตได้ 10% มูลค่ากว่า 5.5 แสนล้านบาท

        - สศอ.มึนดัชนี MPI พลาดเป้า ทั้งปีติดลบ 0.5 ถึงบวก 0.5% อ้างปัจจัยหลักจากประมาณการใหม่ คาดปี 2559 ขยายตัว 2-3% หลังได้อานิสงส์มาตรการรัฐ เผยอุตสาหกรรมยานยนต์ดาวเด่นปีหน้า

      - "ค้าปลีก" รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นจับจ่าย ลดหย่อนภาษีเมื่อซื้อสินค้าและบริการไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท หลังลูกค้าแห่ซื้อสินค้าโดยเฉพาะกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก "เซ็นทรัล" ระบุคนเข้าห้างเพิ่ม 30-40% "บิ๊กซี" แจงลูกค้าใช้บริการเพิ่ม 10% ส่วน "โลตัส" ชี้จ่ายต่อบิลสูงขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

      - LPH(บล.ดีบีเอสฯ)แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 7.03 บาท โดยคาดกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 4/58 จะดีที่สุดในรอบปีนี้เป็น 37 ล้านบาท เพราะในช่วงไตรมาส 4 เป็นไฮซีซั่นที่มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษามาก และเริ่มเห็นผลดีจากการเปิดให้บริการศูนย์รักษาเฉพาะทาง 5 ศูนย์ คือ ตา ทางเดินอาหาร กระดูก-ข้อ สมอง และผิวหนัง จะเป็นบริการที่มี value addedสูง ค่ารักษาต่อครั้งจะมากขึ้น เช่นเดียวกับอัตรากำไรที่จะได้รับก็ดีขึ้น ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 สูงเป็น 142 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 42% จากปีนี้ โดยสมมุติฐานที่ดีขึ้นจากปี 58 คือ อัตรากำไรขั้นต้นและการประหยัดดอกเบี้ยจ่าย แม้รายได้จากการให้บริการเพิ่มเพียง 15% จากปีนี้

        - TACC (บล.ฟินันเซีย ไซรัส) โดยมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 59 ขึ้นจากเดิมจากการที่ TACC ได้สิทธิเป็น Fixed Supplier โถกดเครื่องดื่มตัวที่ 3 ในร้าน 7-11 เพิ่มขึ้นจาก 2 โถกดเดิม ทำให้บริษัทกลายเป็น Supplier หลัก 3 ใน 4 โถกดของร้าน 7-11 ทั่วประเทศ ล่าสุดได้เริ่มส่งสินค้าสำหรับโถกด 3 ไปแล้วกว่า 5,700 สาขา และคาดเพิ่มเป็น 7,000 สาขาในปี 59 ซึ่งน่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นปีละ 300 ล้านบาท นอกเหนือจากการเพิ่มสินค้าใหม่เครื่องกดเครื่องดื่มร้อนแบบอัตโนมัติที่ตั้งเป้ากระจายไปในร้านสะดวกซื้อให้ครบ 1,500 แห่งภายในปี 60 รายได้ปี 59 จากเดิมที่คาดว่าจะโต 17% จากปีนี้ อาจเพิ่มขึ้นเป็น 40-43% จากปีน้ ส่วนกำไรเป็นไปได้ว่าอาจโตถึง 60-70% จากปีนี้ สูงกว่าเดิมที่คาดโต 30% จากปีนี้ เพราะต้นทุนคงที่ไม่เพิ่ม หากอิง PE 30 เท่าเท่ากับกลุ่มเครื่องดื่มที่เข้ามาเทรดในตลาดในปีแรก จะได้เป้าหมายเป็น 6 บาทจากเดิมที่ 4.25 บาท

        - THAI(บล.ดีบีเอสฯ)แนะ"ถือ"ให้ราคาพื้นฐาน 9 บาท โดยมองว่าการแม้ว่าทางบริษัทพยายามที่จะปรับปรุงให้การดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไรในปีหน้า แต่อุปสรรคคือ การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมการบิน รวมทั้งไทยต้องผ่านการตรวจสอบจาก ICAO ก่อน จึงจะมีภาพพจน์ที่ดีต่อการให้บริการการบินกับผู้เดินทาง ขณะที่ผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนนโยบายบัญชี การตีราคาสินทรัพย์มีมูลค่าเพิ่ม 8.7 พันล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 6.9 พันล้านบาท แสดงว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเพิ่ม 3.17 บาท จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/58 ที่ 9.22 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 34% อย่างไรก็ตามรายการนี้ไม่ได้บันทึกผ่านงบกำไรขาดทุน กำไรจึงไม่เพิ่มขึ้น แต่มีข้อดีอีกหนึ่งประการคือ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ลดลง จึงทำให้ความเสี่ยงทางการเงินต่ำลงไปด้วย

ตลาดหุ้นเอเชียปรับขึ้นเช้านี้ หลังหุ้นสหรัฐ,ยุโรปพุ่งหนุนหุ้นกลุ่มการเงิน

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินอย่างคึกคัก หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้

        ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับขึ้น 0.4% สู่ระดับ 132.31 จุด เมื่อเวลาประมาณ 10.10 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,094.59 จุด เพิ่มขึ้น 94.97 จุด, +0.43% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,566.73 จุด เพิ่มขึ้น 2.99 จุด, +0.08% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,686.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด, +0.09% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,313.37 จุด เพิ่มขึ้น 19.46 จุด, +0.24%

     ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,894.31 จุด เพิ่มขึ้น 6.09 จุด, +0.21% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,973.03 จุด เพิ่มขึ้น 6.72 จุด, +0.34% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,070.83 จุด เพิ่มขึ้น 88.60 จุด, +0.47%

       บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้าวันนี้ได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค.

    ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 92.6 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงได้ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 59.93 จุด หลังหุ้นก่อสร้างพุ่งรับอานิสงส์น้ำท่วม

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากที่หยุดยาวช่วงคริสต์มาส โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้าน แม้ว่าหุ้นเหมืองที่ร่วงหนักได้สกัดการปรับตัวขาขึ้นของตลาด

     ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 59.93 จุด หรือ 0.96% ที่ 6,314.57 จุด

      ตลาดปรับตัวขึ้น หลังจากหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านปรับตัวสดใส เนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในทางภาคเหนือของอังกฤษ ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายกว่า 5 พันล้านปอนด์

     นักวิเคราะห์มองว่า เป็นเรื่องปกติที่เหตุภัยพิบัติมักจะส่งผลดีต่อตลาด โดยในครั้งนี้หุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์คือหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย โดยหุ้นเฟอร์ซิมมอน ดีดขึ้น 3.4% และหุ้นเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิงส์ ปรับขึ้น 2.7%

     อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองยังคงย่ำแย่ แม้ราคาโลหะฟื้นตัวขึ้นบ้าง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 6.3% ขณะที่หุ้นริโอ ทินโต ปรับลง 1.4% และหุ้นอันโตฟากัสตา อ่อนแรงลง 0.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่

     ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% ปิดที่ 369.68 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,701.36 จุด เพิ่มขึ้น 83.41 จุด หรือ +1.81% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,860.14 จุด พุ่งขึ้น 206.23 จุด หรือ +1.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,314.57 จุด เพิ่มขึ้น 59.93 จุด หรือ +0.96%

      นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย

     อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2

     หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นเบเยอร์ เอจี และหุ้น K+S AG ที่ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.1%

     หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคอล และหุ้นมอร์โฟซิส เอจี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.4%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 192.71 จุด หลังราคาน้ำมันฟื้นหนุนหุ้นพลังงาน

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างคึกคักเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค.

       ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.98 จุด พุ่งขึ้น 192.71 จุด หรือ +1.10% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,107.94 จุด เพิ่มขึ้น 66.95 จุด หรือ +1.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,078.36 จุด เพิ่มขึ้น 21.86 จุด หรือ +1.06%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย

    ทั้งนี้ หุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 4.7% และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ปรับขึ้น 4.6%

     ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นอัลฟาเบธ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Stifel คาดการณ์ว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ จะสามารถทำยอดขายผลิตภัณฑ์ไอโฟนได้ประมาณ 75 ล้านเครื่องในไตรมาสของปีงบการเงิน 2559

     หุ้นกลุ่มธนาคารปรับฐานขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นยูเอส แบงก์คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.1%

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของ Conference Board ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 92.6 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงได้ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด

     ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่ากว่าเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 4.9% ในเดือนก.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ช่วยหนุนตลาดที่อยู่อาศัยให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย

     นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ อาจเป็นเพราะภาวะ "Santa Claus Rally" หรือภาวะการซื้อขายที่คึกคักในช่วง 5-7 วันสุดท้ายของเดือนธ.ค. โดยข้อมูลสถิติระบุว่า นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2471 เป็นต้นมานั้น ดัชนี S&P 500 มักจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3% ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 29ธ.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,720.98 จุด                         เพิ่มขึ้น 192.71จุด     +1.10%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,107.94 จุด                     เพิ่มขึ้น 66.95จุด      +1.33%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,078.36 จุด                       เพิ่มขึ้น 21.86จุด      +1.06%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,314.57 จุด                   เพิ่มขึ้น 59.93จุด      +0.96%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,860.14 จุด                          เพิ่มขึ้น 206.23จุด     +1.94%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,701.36 จุด                        เพิ่มขึ้น 83.41จุด      +1.81%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,315.60 จุด     เพิ่มขึ้น 59.50จุด      +1.13%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,267.30 จุด           เพิ่มขึ้น 59.70จุด      +1.15%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,293.91 จุด                           ลดลง 64.58จุด       -0.77%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,982.23 จุด                     เพิ่มขึ้น108.88 จุด     +0.58%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,966.31 จุด                        เพิ่มขึ้น 2.25จุด       +0.11%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,563.74 จุด                     เพิ่มขึ้น 29.96จุด      +0.85%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,952.08 จุด             ลดลง 31.53จุด       -0.45%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,999.62 จุด                              เพิ่มขึ้น 80.00จุด      +0.36%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,569.36 จุด     เพิ่มขึ้น 12.00จุด      +0.26%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,888.22 จุด                      เพิ่มขึ้น 12.90จุด      +0.45%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,685.36 จุด                      เพิ่มขึ้น 14.63จุด      +0.88%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,079.48 จุด                        เพิ่มขึ้น 45.35จุด      +0.17%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างคึกคักเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค.

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.98 จุด พุ่งขึ้น 192.71 จุด หรือ +1.10%ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,107.94 จุด เพิ่มขึ้น 66.95 จุด หรือ +1.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่2,078.36 จุด เพิ่มขึ้น 21.86 จุด หรือ +1.06%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่

          ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% ปิดที่ 369.68 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,701.36 จุด เพิ่มขึ้น 83.41 จุด หรือ +1.81%ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,860.14 จุด พุ่งขึ้น 206.23 จุด หรือ +1.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,314.57 จุด เพิ่มขึ้น 59.93 จุด หรือ +0.96%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากที่หยุดยาวช่วงคริสต์มาส โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้าน แม้ว่าหุ้นเหมืองที่ร่วงหนักได้สกัดการปรับตัวขาขึ้นของตลาด

          ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 59.93 จุด หรือ 0.96% ที่ 6,314.57 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.)  เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 37.87ดอลลาร์/บาร์เรล  

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 37.79ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย 

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 30เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,068.00 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.4 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 13.928ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 10.4 ดอลลาร์ หรือ 1.18% ปิดที่ 891.20ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 556.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบยูโรและสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ท่ามกลางการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะที่ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินยูโร

          ค่าเงินยูโรออนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0939 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0976ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4829 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4884 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.38 เยน จาก 120.35 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9913 ฟรังก์ จาก 0.9878 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7302 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7253 ดอลลาร์             

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!