WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET30ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซต์เวย์ คาด LTF-RMF ประคองตลาดแม้ราคาน้ำมันร่วง

     นักวิเคราะห็์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะร่วงลงแรงเมื่อคืนนี้ แต่เชื่อว่าปัจจัยจากภายในประเทศ จากเม็ดเงิน LTF-RMF ที่น่าจะยังคงเข้ามาในตลาดหลังใกล้ปิดสิ้นปีนี้ รวมถึงยังคาดหวังการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี(window dressing) ด้วยซึ่งจะช่วยประคองตลาด แต่มูลค่าการซื้อขายวันนี้คงจะไม่มากนักหลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ โดยมองแนวรับบริเวณ 1,275 และ 1,280 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,287-1,290 จุด

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่ง sideways ในกรอบแคบ แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้จะยังคงกดดันต่อภาพรวมการลงทุน แต่เชื่อว่าจะยังคงมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)เข้ามาต่อเนื่อง สังเกตจากนักลงทุนสถาบันที่มีแรงซื้อสุทธิติดต่อกันเข้ามา 4-5 วัน ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงเม็ดเงินไหลเข้าได้ดี

      นอกจากนี้ ตลาดยังคาดหวังเรื่องการทำ window dressing ในช่วงปิดสิ้นปีด้วย ซึ่งน่าจะเป็นแรงประคองตลาด รวมถึงยังต้องติตดามตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยในเดือนพ.ย. แม้คาดว่าจะยังคงติดลบอยู่แต่ก็น่าจะอยู่ในระดับที่ลดลง อย่างไรก็ตามคาดว่ามูลค่าซื้อขายในวันนี้อาจจะยังไม่มากนัก เพราะเป็นช่วงเข้าใกล้วันหยุดเทศกาลปีใหม่

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,275 และ 1,280 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,287-1,290 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ธ.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,528.27 จุด ลดลง 23.90 จุด(-0.14%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,040.98 จุด ลดลง 7.51 จุด(-0.15%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.50 จุด ลดลง 4.49 จุด(-0.22%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.70 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 ธ.ค.58) 1,285.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด(+0.23%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 324.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 ธ.ค.58) ปิดที่ 36.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 3.4%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 ธ.ค.58)ที่ --- เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิดตลาดเช้า 36.08/10 แนวโน้มยังอ่อนค่า แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่

       - แบงก์ชาติเผยพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนสูงในยุคดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานผ่านการลงทุนตราสารหนี้-หุ้นในประเทศ และเห็นนักลงทุนสถาบันและกองทุนรวมไทยลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะลงทุนบราซิลที่มีความเสี่ยงเครดิตสูง ห่วงถ้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าจะกระทบพฤติกรรมนี้เพิ่มขึ้น

    - ธปท.รายงานจำนวนสาขาของธนาคารพาณิชย์และสาขาธนาคารต่างประเทศทั้งระบบ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ทั่วประเทศมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเพียง 100 แห่ง หรือ 1.4% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน จาก 6,925 แห่ง เพิ่มเป็น 7,022 แห่ง ซึ่งอัตราการเพิ่มของสาขาลดลงเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา ขณะที่คนแห่ใช้ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์มากขึ่น

     - สศค.ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 59 คาดจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 3.8% โดยต้องฝากความหวังไว้กับการเร่งการลงทุนของภาครัฐที่จะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะโครง การโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะมีการทยอยลงทุนตามแผนเร่งด่วน 1.79 ล้านล้านบาท ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป อาทิ รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ โครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 โครงการท่าเรือแหลมฉบัง เป็นต้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็จะยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังขยายตัวได้ดีในระดับ 2 หลัก

    - พาณิชย์เผยมูลค่าส่งออกเดือน พ.ย.ติดลบอีก 7.42% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 เหตุราคาน้ำมัน สินค้าที่เกี่ยวเนื่อง และสินค้าเกษตรร่วงหนัก ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่ลดลงหมด คาดทั้งปี ติดลบ 5.5% แต่ไม่ลบ 7% จากเป้าหมายติดลบ 3% ส่วนปี 59 มั่นใจเป้า 5% ทำได้ แต่ยังห่วงราคาน้ำมัน ปัจจัยบั่นทอนหนัก

     - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ร.ฟ.ท.เร่งศึกษาการลงทุนโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) กรุงเทพฯ-หัวหิน วงเงิน 94,673 ล้านบาท และสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง วงเงิน 152,528 ล้านบาท ให้อยู่ในหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 และโครงการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี ฟาสต์แทรกต์) ตามแผนปฏิบัติการลงทุนระยะเร่งด่วน พ.ศ.2559 “รูปแบบการร่วมทุนต้องรอให้คณะกรรมการพีพีพีกำหนดรายละเอียดก่อน เบื้องต้นจะเปิดให้เอกชนทั้งไทยและต่างประเทศร่วมลงทุนได้ ส่วนจะให้ความสำคัญกับใครก่อนหรือหลัง ตอบไม่ได้ ต้องดูเงื่อนไขการร่วมทุนของคณะกรรมการพีพีพี"

*หุ้นเด่นวันนี้

      -BH(บล.ฟินันเซีย ไซรัส) ให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 220 บาท โดยมองว่าแม้ราคาหุ้นจะต่ำกว่าเป้าหมายปีหน้าไม่ถึง 10% คำแนะนำจึงเป็นถือ แต่ราคาหุ้นที่ laggard ที่สุดในกลุ่มในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และน่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นเป้าหมายในการทำดัชนีสิ้นปี บวกกับผลประกอบการที่อยู่ในทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า จึงน่าจะเก็งกำไรระยะสั้นได้

     -SCC(บล.เออีซี) แนะ"ซื้อ"โดยมองว่าปี 59 คาดได้อานิสงส์จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ซึ่งจะหนุนอุปสงค์ปูนซีเมนต์ในประเทศ อีกทั้งมีแผนสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในต่างประเทศ ซึ่งคาดหนุนพื้นฐานธุรกิจในระยะยาว โดยปี 58 คาดกำไรโต 31.7% จากปีก่อน และในปี 59 โตต่อ 6.3% จากปีนี้ โดยราคาหุ้นยังมี Upside 27.6%

        -LIT(บล.เคทีบีฯ) ระบุว่าปี 2557-2559 บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 30% ในแง่ของกำไร รายได้ และพอร์ตสินเชื่อ โดยการขยายฐานลูกค้าและพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตขึ้น มีการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ รวมทั้งมีการบริหารต้นทุน เพื่อเพิ่ม Margin และความมั่นคงทางการเงิน และพัฒนาระบบ ปรับโครงสร้างให้รองรับการเติบโตในอนาคต ขณะที่ LIT ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ช่วยลดต้นทุน บวกกับสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารมีข้อจำกัดในการปล่อยกู้

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ หลังราคาน้ำมันร่วง

        ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานโลก หลังราคาน้ำมันร่วงลงอีกครั้ง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% แตะ 131.12 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,843.39 จุด ลดลง 29.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,528.40 จุด ลดลง 5.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,923.27 จุด เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,349.27 จุด ลดลง 9.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,956.49 จุด ลดลง 7.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,880.91 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,675.43 จุด เพิ่มขึ้น 4.70 จุด

      นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงนั้น ยังคงมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายงานว่า อิหร่านมีแนวโน้มที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นเหมืองแร่,หุ้นพลังงานร่วง

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากมีรายงานว่าผลกำไรในภาคอุตสาหกรรมของจีนชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2558

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 364.49 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,617.95 จุด ลดลง 45.23 จุด, -0.97% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 10,653.91 จุด ลดลง 73.73 จุด, -0.69% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 28 ธ.ค. เนื่องในวัน Boxing Day

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง นำโดยหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ดิ่งลงกว่า 5% หลังจากจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกระบุว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 1.4% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ลดลง 4.6% ในเดือนต.ค.

     ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นเกิน โดยอิหร่านมีแนวโน้มที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้า

      นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี 2558 ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันจันทร์ที่ 28 ธ.ค. เนื่องในวัน Boxing Day

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 23.90 จุด เหตุวิตกราคาน้ำมันร่วง

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (28 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานโลก และยังได้สกัดปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Amazon.com และหุ้นวอลท์ ดีสนีย์

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,528.27 จุด ลดลง 23.90 จุด หรือ -0.14% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,040.98 จุด ลดลง 7.51 จุด หรือ -0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,056.50 จุด ลดลง 4.49 จุด หรือ -0.22%

      ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนไหวในแดนลบจนกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 0.7% ขณะที่หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์

     นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงนั้น ยังคงมีสาเหตุมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายงานว่า อิหร่านมีแนวโน้มที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ขณะที่กลุ่มโอเปกก็แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้า

      การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อ่อนแรงลงด้วย โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 9.5% ขณะที่หุ้นโมซาอิค และหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง ต่างก็ร่วงลงไปกว่า 2.5%

     หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 0.6%

     หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.2% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ยอดขายไอโฟนอาจจะปรับตัวลงในปีหน้า

     ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันได้สกัดปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของ Amazon.com โดยหุ้น Amazon.com ที่ดีดตัวขึ้น 1.9% และยังช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีก (S&P 500 Retailing Index) ปรับตัวขึ้น 0.5% หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายของ Amazon.com เพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม

    ส่วนหุ้นวอลท์-ดีสนีย์ ปรับตัวขึ้น 1.31% หลังจากมีรายงานว่า ยอดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์เรื่อง Star Wars พุ่งขึ้นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันอังคาร สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนต.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ และ Conference Board จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.

      วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) จะปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

      วันพฤหัสบดีที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และเฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เดือนธ.ค. ส่วนในวันศุกร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!