- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 23 December 2015 12:20
- Hits: 2744
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวน์ตามตปท.ราคาน้ำมันนิ่ง-รับรู้ปัจจัยลบ ICTมากแล้ว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวน์ขึ้นได้ เนื่องจากมองว่าตลาดได้สนองตอบต่อปัจจัยลบของหุ้นในกลุ่ม ICT ไปมากแล้ว และราคาน้ำมันดิบก็เริ่มนิ่งด้วยทำให้ไม่ไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นบวก
อย่างไรก็ดี ช่วงนี้แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯในการจับจ่ายใช้สอย อาทิ หุ้นในกลุ่มค้าปลีก และหุ้นในกลุ่ม ICT บางตัวที่เริ่มเห็น Dividend yield ที่สูงขึ้นมา
พร้อมให้แนวรับ 1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,280 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(22 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,417.27 จุด พุ่งขึ้น 165.65 จุด(+0.96%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,001.11 จุด เพิ่มขึ้น 32.19 จุด(+0.65%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,038.97 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด(+0.88%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 39.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.08 จุด
ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา องค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(22 ธ.ค.58) 1,261.66 จุด ลดลง 2.78 จุด(-0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,951.46 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(22 ธ.ค.58) ปิดที่ 36.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(22 ธ.ค.58)ที่ 8.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.06/08 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 36.00-36.20
- การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ให้ ครม.พิจารณา คือ การยกเว้นภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือ ค่าบริการในระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค. 2558 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท
- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทยในเดือน พ.ย. 2558 จำนวน 1,200 ราย ใน 44 กลุ่มอุตสาหกรรม ว่า ดัชนีความเชื่อมั่น ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 85.8 จากเดือน ต.ค.ที่ระดับ 84.7 ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2558
- นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ว่าการ ธปท. และธนาคารกลางมาเลเซีย ได้ข้อสรุปในรายละเอียดการจัดตั้งกลไกส่งเสริมการใช้เงินสกุลริงกิตและเงินบาท รวมทั้งการผ่อนปรนระเบียบการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารพาณิชย์ ที่จะให้บริการเงินสกุลริงกิตและเงินบาท เพื่อให้สามารถบริการลูกค้าได้คล่องตัวมากขึ้น
- "สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์" รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เดือนพฤศจิกายน 2558 การผลิตรถยนต์ภาพรวมมี 163,170 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 3.25% ทำให้ช่วง 11 เดือน 2558 มีจำนวน 1,760,310 คัน เพิ่มขึ้น 1.97% การผลิตที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายรถยนต์ภายในประเทศมีจำนวน 76,421 คัน เพิ่มขึ้น 4.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 31 เดือน จากการที่ประชาชนเร่งซื้อรถกระบะดัดแปลง(พีพีวี) จนกำลังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพราะกลัวว่าจะมีราคาสูงขึ้นจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ที่คิดตามอัตราภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2559 โดยช่วง 11 เดือน มียอดขาย 698,163 คัน ลดลงจากปีก่อน 11.9% ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังระบุว่าเอกชนใช้เรื่องการปรับภาษีกระตุ้นให้ประชาชนซื้อรถนั้น ยอมรับว่าจริง แต่เน้นโปรโมตรถที่จะปรับราคา
*หุ้นเด่นวันนี้
- MIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซีอินดัสเตรียล เริ่มเทรดวันนี้วันแรก ในหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ MIT ลงทุน 100% ในหุ้นสามัญของบจ.เอพียูเค (APUK) ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและอาคารประเภทคลังสินค้าที่ใช้ประโยชน์เป็นศูนย์ข้อมูล(Data Centre) รวมถึงส่วนควบและงานระบบต่างๆ โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวม 1,342 ตร.ม. และทรัพย์สินตั้งอยู่ที่เขตชาร์ลตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีบลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ และบลจ.วรรณ เป็นทรัสตี(ราคา IPO 10 บาท)
- THCOM(โกลเบล็ก)เป้า 48 บาท คาดกำไรปี 58 ที่ 2 พันลบ. (+27%YoY) จากการรับรู้รายได้ดาวเทียมไทยคม 6 และ 7 เต็มปี รวมถึงความต้องการใช้บริการที่ยังคงเพิ่มขึ้น(ไทยคม 7 มียอดพรีเซล 100%) และเตรียมยิง TC8 ในช่วงกลางปี 59 ส่วนธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตคาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ด้านผู้ใช้บริการโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย HSPA และ CDMA Fixed Wireless
- กลุ่มค้าปลีก(เคจีไอ)จากข่าวที่ประชุมครม.วันที่ 22 ธ.ค. กระทรวงการคลังเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีคือ การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการจ่ายซื้อสินค้า/บริการ ในช่วงวันที่ 25-31 ธ.ค.58 ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท จึงประเมินจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก อาทิ ROBINS และรวมถึง COM7 (ได้ Sentiment เรื่องการเปลี่ยนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรับ 4G ด้วย) แนะ"เก็งกำไร" ROBINS* แนวรับ 40.5 บาท แนวต้าน ?44 บาท ส่วน COM7 แนวรับ 4.46 บาท แนวต้าน 5.1 บาท (ทะลุได้ทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 5.7 บาท)
- ADVANC(ฟินันเซีย ไซรัส)บรรลุข้อตกลงกับ TOT ในการนำคลื่น 2100MHz จำนวน 15MHz ของ TOT มาให้บริการ ปริมาณคลื่นความถี่ของ ADVANC จะเพิ่มเป็น 45MHz จากที่มีอยู่ 30MHz และจะเช่าเสาของ TOT ทำให้ประหยัดการลงทุนสร้างเสาเองได้บางส่วนแต่ต้องจ่ายค่าเช่าคลื่นให้ TOT เพิ่มขึ้น โดยยังคงมุมมองเดิมคือเชื่อว่า ADVANC จะสามารถรักษาความเป็นเบอร์ 1 ได้ในระยะยาว แต่การแข่งขันที่รุนแรงและไม่มีรูปแบบเพราะคู่แข่งเพิ่มขึ้น จะทำให้การเติบโตของกำไรพักตัวชั่วคราวใน 1-2 ปีข้างหน้า ความน่าสนใจซื้อเหลือเพียง Dividend yield ที่คาดสูงถึง 7-8% พร้อมคงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 230 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ-ราคาน้ำมันดีดตัว
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด รวมทั้งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 เช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน หลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 130.61 จุด เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.ตามเวลาฮ่องกง
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,653.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,869.40 จุด เพิ่มขึ้น 39.38 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,296.58 จุด เพิ่มขึ้น 3.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,994.20 จุด เพิ่มขึ้น 1.64 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,859.14 จุด เพิ่มขึ้น 6.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,641.18 จุด ลดลง 2.08 จุด ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา องค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก
ส่วนยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของตัวเลขจีดีพีนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อต่ำก็เป็นปัจจัยหนุนการใช้จ่ายเช่นกัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นพลังงานพุ่ง หนุนฟุตซี่ปิดบวก 48.26 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยเฉพาะหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ๋
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 48.26 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 6,083.10 จุด
หุ้นพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลงเมื่อวันก่อน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 2.9% และหุ้นบีจีกรุ๊ป เพิ่มขึ้น 3.3%
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ผู้ประกอบการเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษเพิ่มขึ้น 1.6% หลังระบุว่า บริษัทจะเปิดเผยผลการสอบสวนหาสาเหตุของเขื่อนระเบิดในบราซิลเมื่อเดือนที่ผ่านมา
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ และหุ้นเน็กซ์ ปรับตัวลง 1.1% และ 0.4% ตามลำคับ หลังจากที่บริษัทโนมูระปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของทั้งสองบริษัท
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุนักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนคริสต์มาส
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆที่จะเข้ามากระตุ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายลงก่อนที่ถึงวันหยุดเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 356.87 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,567.60 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด หรือ +0.05% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,488.75 จุด ลดลง 9.02 จุด หรือ -0.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.26 จุด หรือ +0.80%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยหุ้นบีจี กรุ๊ป และหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้นกว่า 1% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นริโอทินโต และหุ้นเกลนคอร์ ต่างก็ปรับขึ้นอย่างน้อย 1.9%
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเครดิต อากริโคล ที่พุ่งขึ้นกว่า 2.4% หลังจากมีรายงานว่า ฐานเงินทุนของเครดิต อากริโคล อยู่ในระดับสูงกว่าข้อกำหนดของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)
ส่วนดัชนี IBEX 35 ตลาดหุ้นสเปนดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่แน่นอนในสเปน โดยพรรคประชาชน (PP) ของนายมาเรียโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปนยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้พรรค PP ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งก็ตาม
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 165.65 จุด รับ GDP สหรัฐโตเกินคาด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด รวมทั้งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 เช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,417.27 จุด พุ่งขึ้น 165.65 จุด หรือ +0.96% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,001.11 จุด เพิ่มขึ้น 32.19 จุด หรือ +0.65% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,038.97 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด หรือ +0.88%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพี ขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ ขยายตัว 2.0% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก
ส่วนยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของตัวเลขจีดีพีนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อต่ำก็เป็นปัจจัยหนุนการใช้จ่ายเช่นกัน
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 4 ในขณะที่เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 2.1% ในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากแรงซื้อเก็งกำไร
หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภค กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเชฟรอนดีดตัวขึ้น 1.15% ส่วนหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม และหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิง พุ่งขึ้นกว่า 4.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้นกว่า 4.8% หุ้นยูไนเต็ด เรนทัลส์ ปรับขึ้น 4.3%
หุ้นวอล-มาร์ท พุ่งขึ้น 1.7% ขานรับรายงานที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ทะยานขึ้น 3.42% หลังจากออโตโมทีฟ นิวส์รายงานว่า ฟอร์ดกำลังเจรจากับกูเกิล อิงค์ เพื่อติดตั้งระบบ self-driving ในรถยนต์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์