WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET27ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าเปิดบวกแต่อาจขึ้นจำกัด เล็งแรงหนุนจากตลาดตปท.ที่สดใส

     นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเปิดในแดนบวกได้ แต่การปรับตัวขึ้นอาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา เนื่องจากเมื่อวานนี้ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นแรงจากแรงซื้อของหุ้นในกลุ่ม ICT

      อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงได้รับแรงหนุนจากตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรที่สดใสเป็นตัวชี้นำ แม้แต่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็อยู่ในแดนบวกราว 1% และราคาน้ำมันก็ยังรีบาวด์ต่อด้วย

      ดังนั้น แนวโน้มตลาดบ้านเรายังเป็นบวก อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังคงเฝ้ารอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในคืนนี้ ซึ่งถ้าวันนี้ดัชนีฯสามารถยืนได้ที่ 1,300 จุด ดัชนีฯก็มีโอกาสที่จะไปต่อ พร้อมให้แนวต้านที่ 1,320 จุด ส่วนแนวรับ 1,280 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(15 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,524.91 จุด พุ่งขึ้น 156.41 จุด(+0.90%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,995.36 จุด เพิ่มขึ้น 43.13 จุด(+0.87%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,043.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.47 จุด(+1.06%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 302.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 283.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 70.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.00 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(15 ธ.ค.58)1,300.51 จุด เพิ่มขึ้น 32.90 จุด(+2.60%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,374.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(15 ธ.ค.58) ปิดที่ 37.35 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 2.9%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(15 ธ.ค.58)ที่ 9.20 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.97 นลท.รอติดตามผลประชุมเฟด-แนวทางหลังขึ้นดบ.ครั้งแรก

     - ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2558 มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย(ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์) วงเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อระดมเงินมาใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ

    - การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ในระบบ 4จี ตามประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 895-915 MHz/940-960 MHz จำนวน 2 ชุด ชุดละ 2x10 MHz แบ่งเป็น ชุดที่ 1 ช่วงคลื่น 895-905 MHz/940-950 MHz จำนวน 10 MHz ชุดที่ 2 905-915 MHz/950-960 จำนวน 10 MHz ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เวลา 09.00 น. ยังมีการเคาะราคาสู้กันอย่างต่อเนื่อง

     - นายวรพร ตั้งสง่าศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค. 2558 และช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ซึ่งประชาชนมีความต้องการใช้ธนบัตรในระดับสูงกว่าปกตินั้น ธปท. ประมาณการว่า ธนาคารพาณิชย์จะมีการเบิกจ่ายธนบัตรจาก ธปท. ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเทศกาลปีใหม่ มูลค่าสุทธิประมาณ 1.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.5%

       - ชง 'อาคม' เร่งแก้ปัญหาสายการบินโลว์คอสต์ทุนต่างประเทศ จำหน่ายตั๋วโดยสารต่ำกว่าต้นทุน ทำตลาดป่วน จนกระทบสายการบินไทยและต่างชาติ ร้องให้บังคับใช้มาตรการกำหนดราคาจำหน่ายตั๋วโดยสารขั้นต่ำ ฝ่าฝืนลงโทษสูงสุดถอนใบอนุญาต ห่วงกระทบความเชื่อมั่นลงทุนไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

    - AMATAV (บมจ.อมตะ วีเอ็น)เทรดวันนี้วันแรก บนกระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าเหมาะสมปีหน้า 10.40 บาท (DCF) โดยมีราคาขาย IPO 7.50 บาท/หุ้น สำหรับกำไรสุทธิในปี 2015-16 คาดเติบโต 217% และ 20% ตามลำดับ

     AMATAV เป็น Holding company ที่ถือหุ้น 89.99% ในอมตะเวียดนามซึ่งทำนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในเวียดนาม มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในจังหวัดดองไนซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการปัจจุบัน มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่ดินในเวียดนามมานานกว่า 20 ปี รายได้หลักของบริษัทมาจากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป และค่าบริการสาธารณูปโภคแก่ผู้ซื้อที่ดินและผู้เช่าโรงงานสำเร็จรูป บริษัทมีแผนขยายอีก 2 โครงการคือ High Tech Industrial Park และ Service Township ซึ่งคาดรายได้เข้าในปี 2017-18

    - ECL(เคทีบี)จับกระแส ประชุม กนง.ในวันนี้ ถ้ามีการลดดอกเบี้ยจากปัจจุบันที่ 1.5% จะเป็นบวกกับกลุ่มที่ทำธุรกิจเช่าซื้อ  โดย ECL ทำธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 14.03 ล้านบาท  (+31.86% QoQ ; +3.46% YoY) ส่วนการร่วมทุนกับ บริษัท พรีเมี่ยมไฟแนนซ์ เซอร์วิส จำกัด หรือ PFS (บริษัทสินเชื่อรถยนต์และการรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์มือสอง มีขนาดสินทรัพย์ติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น) ที่จะเข้ามาถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 25% เพื่อเข้ามาสนับสนุนฐานเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ ขณะนี้อยู่ระหว่างการ Business Due Diligent คาดว่าจะทราบผลใน Q4/58 ซึ่งการเปลี่ยนโครงสร้างครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลประกอบการของบริษัทฯ ต้นปี 2559 คาด ECL จะเริ่มเดินหน้าธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์

     - CPF(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 25 บาท หลังจากราคาหุ้นลดลงต่อเนื่องมาที่ระดับ -0.5 SD ของ Average PER อีกทั้งธุรกิจกุ้งมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากต้นทุนคงที่ลดลงและปริมาณการผลิตกุ้งเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจไก่และหมูในประเทศคาดว่าจะมีผลประกอบการดีขึ้นจากราคาขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนกรณีความขัดแย้งระหว่างตุรกีและรัสเซียคาดว่ามีผลจำกัด กำไรในรัสเซียมีแนวโน้มเติบโตจากการรวม S&W เข้ามาเต็มปี ประกอบกับราคาหมูและไก่ในรัสเซียยังทรงตัวในระดับสูง

       - KTB(โกลเบล็ก)เป้า 21 บาท/หุ้น คาดกำไรปี 58 ที่ 2.9 หมื่นลบ. (-10%) จากเป้าสินเชื่อขยายตัวขึ้น 6-7% เน้นสินเชื่อ SME  เพื่อให้ NIM > 2.6%  , รักษา NPL อยู่ที่ระดับ 2.3% ,ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นเป็น 700 ลบ./เดือน  ฐานการเงินแข็งแกร่งจาก Coverage ratio เพิ่มขึ้นเป็น 132% และได้ประโยชน์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเนื่องจากมีสินเชื่อภาครัฐสัดส่วนสูงและการเปิดประมูลก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ อีกทั้ง AQ(เดิม KMC) ศาลฯสั่ง KMC จ่ายคืนหนี้ 1 หมื่นลบ.คืนให้ KTB

      - การประมูล 4G ยังเดินต่อ ล่าสุดก่อนหยุดพักช่วง 6.00น. ราคาอยู่ที่ใบอนุญาตละ 31,862 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของคลื่นเกือบเท่าตัว และตามข่าวระบุว่ามีผู้ใช้สิทธิ waive แล้ว 2 ครั้ง หากการประมูลลากยาวถึงเที่ยงวันนี้ ราคาประมูลจะไปถึง 3.5 หมื่นล้านบาทต่อใบอนุญาตซึ่งเป็นราคาที่ตลาดคาดไว้ และถ้าการแข่งขันยังไม่มีทีท่าชะลอความร้อนแรง หุ้นกลุ่มนี้อาจกลับมาสร้างความกังวลให้ตลาดและมีโอกาสเห็นแรงขายหลังราคาหุ้นปรับขึ้นราว 10% วานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังชอบ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 270 บาท) มากที่สุดไม่เปลี่ยนแปลง(ฟินันเซีย ไซรัส)

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ รับตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่ง

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทะยานขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งเกือบ 3%

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 1.3% สู่ระดับ 128.31 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,868.20 จุด เพิ่มขึ้น 302.30 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,522.09 จุด เพิ่มขึ้น 11.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,557.73 จุด เพิ่มขึ้น 283.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,144.03 จุด เพิ่มขึ้น 70.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,950.15 จุด เพิ่มขึ้น 17.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,833.15 จุด เพิ่มขึ้น 17.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,637.84 จุด เพิ่มขึ้น 15.00 จุด

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 143.73 จุด หลังร่วงหนักต่อเนื่อง

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากร่วงลงต่อเนื่องมา 8 วัน โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น

     ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 143.73 จุด หรือ 2.45% ที่ 6,017.79 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือนหลังจากที่แตะระดับปิดต่ำสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่หุ้นน้ำมันปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น

    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก โดยสนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย

   หุ้นบีจี พุ่งขึ้น 3.8% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ทะยาน 3% และหุ้นพีบี เพิ่มขึ้น 2.8%

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากหุ้นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตและหุ้นกลุ่ม โดยหุ้นเซนส์เบอรี ทะยานขึ้น 5.2% และหุ้นมอร์ริสันส์ พุ่ง 4.9% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ไต่ขึ้น 2.5% และหุ้นริโอ ทินโต ปรับขึ้น 1.8%

     ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างก็รอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเสร็จสิ้นในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดกันว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง หลังหุ้นพลังงานฟื้นตัว

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

     ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.9% ปิดที่ 359.58 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,614.40 จุด พุ่งขึ้น 141.33 จุด หรือ +3.16% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,450.38 จุด เพิ่มขึ้น 311.04 จุด หรือ +3.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,017.79 จุด เพิ่มขึ้น 143.73 จุด หรือ +2.45%

   ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยเฟดจะเปิดเผยการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ หุ้นโททาล และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 3%

    หุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น แม้บริษัทต้องเผชิญข่าวฉาวเกี่ยวกับกรณีโกงการตรวจจับมลพิษในไอเสียของรถยนต์ดีเซล

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 156.41 จุด รับหุ้นพลังงานดีดตัว

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเกือบ 3% ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,524.91 จุด พุ่งขึ้น 156.41 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,995.36 จุด เพิ่มขึ้น 43.13 จุด หรือ +0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,043.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.47 จุด หรือ +1.06%

   ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.8%

     หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะช่วยหนุนกำไรของภาคธนาคาร โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้นกว่า 3% ขณะที่หุ้นเรเจียนส์ ไฟแนนเชียล ดีดตัวขึ้น 3.6%

     หุ้นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอิลลูมินา อิงค์ และหุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแนล ปรับตัวขึ้นกว่า 6% ขณะที่หุ้นเซลจีน คอร์ป และหุ้นไบโอเจน อิงค์ พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับขึ้น 1.9%

    หุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นนิวส์ คอร์ป และหุ้นซีบีเอส คอร์ป ที่ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 1%

   สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในระหว่างวันนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง และหากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. เช่นเดียวกับเดือนต.ค.และก.ย.

    สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลง 1 จุด สู่ระดับ 61 ในเดือนธ.ค. แต่ยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี

   ขณะที่เฟดสาขานิวยอร์ครายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ ดัชนีขยับขึ้นสู่ระดับ -4.6 จาก -10.7 ในเดือนพ.ย. และ -11.4 ในเดือนต.ค.

   นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

       นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ธ.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,524.91 จุด                         เพิ่มขึ้น 156.41 จุด     +0.90%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,995.36 จุด                      เพิ่มขึ้น 43.13 จุด      +0.87%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,043.41 จุด                        เพิ่มขึ้น 21.47 จุด      +1.06%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,017.79 จุด                    เพิ่มขึ้น 143.73 จุด     +2.45%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,450.38 จุด                            เพิ่มขึ้น 311.04 จุด     +3.07%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,614.40 จุด                         เพิ่มขึ้น 141.33 จุด     +3.16%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,963.90 จุด      ลดลง 18.00 จุด       -0.36%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,909.60 จุด           ลดลง 19.00 จุด       -0.39%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,073.35 จุด                           เพิ่มขึ้น 33.19 จุด      +0.41%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,565.90 จุด                     ลดลง 317.52 จุด      -1.68%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,932.97 จุด                        เพิ่มขึ้น 5.15 จุด       +0.27%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,510.35 จุด                     ลดลง 10.31 จุด       -0.29%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,701.35 จุด             ลดลง 44.64 จุด       -0.66%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,274.37 จุด                              ลดลง 35.48 จุด       -0.17%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,409.17 จุด     เพิ่มขึ้น 34.98 จุด      +0.80%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,622.84 จุด                      ลดลง 7.12 จุด        -0.44%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,815.52 จุด                      เพิ่มขึ้น 0.48 จุด       +0.02%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,320.44 จุด                        เพิ่มขึ้น 170.09 จุด     +0.68%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเกือบ 3% ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

           ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,524.91 จุด พุ่งขึ้น 156.41 จุด หรือ +0.90% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,995.36 จุด เพิ่มขึ้น 43.13 จุด หรือ +0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,043.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.47 จุด หรือ +1.06%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

          ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.9% ปิดที่ 359.58 จุด

         ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,614.40 จุด พุ่งขึ้น 141.33 จุด หรือ +3.16% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,450.38 จุด เพิ่มขึ้น 311.04 จุด หรือ +3.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,017.79 จุด เพิ่มขึ้น 143.73 จุด หรือ +2.45%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากร่วงลงต่อเนื่องมา 8 วัน โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น

          ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 143.73 จุด หรือ 2.45% ที่ 6,017.79 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก โดยสนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 37.35 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 38.45 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ระดับ 1,061.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 7.5 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 13.77 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 5.6 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 855.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ก่อนการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าจะมีขึ้นในการประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0918 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5043 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5141 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.76 เยน จาก 120.83 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9903 ฟรังก์ จาก 0.9851 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7195 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7245 ดอลลาร์

           

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 484.00 จุด ลดลง 24.00 จุด, -4.72%

อินโฟเควสท์  

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!