WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET31ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าผันผวนลดลง,น้ำมันฟื้นประคองหุ้นพลังงาน-จับตาประมูล 4G

     นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ จะมีความผันผวนลดลง หลังดัชนีหุ้นไทยร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัวจะช่วยประคองการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานให้สามารถยืนทรงตัวได้ ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่คาดว่าจะพิจารณาการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Thailand Future Fund)ในวันนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด แต่ยังต้องจับตาการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ด้วย โดยมองแนวรับบริเวณ 1,260 และ 1,250 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,292 และ 1,300 จุด

     นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้จะมีความผันผวนและอยู่ในกรอบที่แคบลง หลังดัชนีปรับตัวลดลงมาติดต่อกัน ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นได้หลังราคาน้ำมันกระตุกขึ้นบ้าง แต่ตลาดยังคงติดตามความชัดเจนในการประชุมเฟดระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค.ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

    ส่วนปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการประชุมครม. ที่คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างให้สามารถทรงตัวได้ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นก็น่าจะทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานไม่ปรับลดลงและสามารถประคองตัวได้ รวมถึงยังต้องติดตามการเคลื่อนไหวของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ถึงการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHz ในวันนี้ หลังก่อนหน้านั้นตลาดมีความกังวลเรื่องราคาใบอนุญาตที่สูงขึ้นจะกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ

     ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในวันนี้จะมีไม่มากเหมือนเมื่อวานนี้ที่มีการขายสุทธิในระดับมากกว่า 3 พันล้านบาท หลังมองว่าการปรับพอร์ตสำหรับหุ้นธ.กรุงเทพ(BBL) น่าจะหมดลงแล้ว ประกอบกับการปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ทำให้ downside จำกัด โดยมองแนวรับจะอยู่ที่บริเวณ 1,260 และ 1,250 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,292 และ 1,300

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(14 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,368.50 จุด พุ่งขึ้น 103.29 จุด (+0.60%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,952.23 จุด เพิ่มขึ้น 18.76 จุด (+0.38%) ,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด (+0.48%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 14.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 2.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 94.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 34.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.00 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 6.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.14 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(14 ธ.ค.58) 1,267.61 จุด ลดลง 13.31 จุด(-1.04%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,236.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(14 ธ.ค.58) ปิดที่ 36.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.9%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(14 ธ.ค.58)ที่ 10.18 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 36.08/10 แนวโน้มอ่อนค่า จากแรงกดดันดอลล์แข็งรับเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย

    - ธปท.ได้ทำหนังสือชี้แจงกรณีการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ธปท. เพื่อขยายขอบเขตการลงทุนของเงินสำรองระหว่างประเทศให้รวมตราสารทุน หรือการลงทุนในหุ้น ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว แต่มีความห่วงใยว่าจะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงหรือการนำเงินไปตั้งกองทุนเพื่อการลงทุน เช่น กองทุนเพื่อความมั่งคั่งนั้น เพื่อให้เข้าใจถูกต้อง ธปท.ขอชี้แจงว่า การเสนอเพิ่มประเภทสินทรัพย์ให้รวมถึงตราสารทุน เป็นการขยายขอบเขตการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศให้ครอบคลุมหลักทรัพย์ที่กว้างขึ้นกว่าในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และการบริหารความเสี่ยงของเงินสำรองระหว่างประเทศ ไม่ใช่เสนอจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์อื่น

     - นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการภารกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีหนังสือถึงบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สิ้นสุดลงวันที่ 30 ก.ย.ถือว่าสิทธิการใช้คลื่นได้สิ้นสุดลงตามแผนแม่บทคลื่นความถี่ให้ กสทช.นำไปจัดสรรใหม่ หรือปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ทำให้ข้อกังวลการประมูลคลื่นความถี่ ทำให้ข้อกังวลการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ วันที่ 15 ธ.ค.นี้ กสทช.สามารถดำเนินการได้

     - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศสนใจเข้าร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายแล้ว 78 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้สามารถเข้าไปลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหลังจากการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 5 จะมีการประชุมคณะกรรมการย่อยของทั้ง 2 ประเทศเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่เมียนมา ก่อนจะประชุมคณะกรรมการชุดดังกล่าวเป็นครั้งที่ 6 ต่อไป

      - "เจบิค" ร่วมลงทุนใน "เอสพีวี" ไทย-เมียนมา หวังพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจทวายหนุนพัฒนาเต็มพื้นที่รวม 270 ตารางกิโลเมตร ทั้งท่าเรือน้ำลึก-นิคมอุตสาหกรรม ขณะที่ญี่ปุ่นขอทบทวนแผนแม่บทลงทุนใหม่ คาดแล้วเสร็จ ม.ค.59

    - นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในปี 2559-2560 รฟม.จะเปิดประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 8 โครงการ รวมระยะทาง 148.3 กม. วงเงินก่อสร้าง 4.64 แสนล้านบาท และจะคัดเลือกเอกชนมาเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อท่าพระ ให้ได้ภายในปี 2559

      - นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 ธ.ค. 2558 คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณา พ.ร.บ.กองทุนเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และมีผลบังคับใช้ในไม่ช้านี้

*หุ้นเด่นวันนี้

     - TU(เคทีบีฯ)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 22.40 บาท/หุ้น โดยมองการประกาศยกเลิกเข้าซื้อกิจการบัมเบิ้ลบี เป็นบวกต่อ TU เนื่องจากประเด็นการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวสร้าง sentiment เชิงลบต่อ TU มาตลอดทั้งปี ขณะที่คาดกำไรในไตรมาส4/58 จะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากการอ่อนตัวของราคาทูน่าตามฤดูกาลและฐานของการควบรวมกิจการที่รับเข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยคาดกำไรปีนี้ยังเติบโตได้โดดเด่นอยู่ที่ระดับ 15% YoY จากการดำเนินธุรกิจหลักที่ยังแข็งแกร่งและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ปีหน้ากำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นกว่า 25.5% YoY

      - TISCO(ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 42.70 บาท โดยมองสินเชื่อเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยเพิ่ม 0.14% M-M การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่ม Utility ส่วนสินเชื่อที่ให้กับผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ยังหดตัวและฉุดการเติบโตของสินเชื่อรวม โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q15 น่าจะทรงตัว Q-Q ที่ 800 ล้านบาท เพราะน่าจะยังตั้งสำรองฯมากกว่าระดับปกติต่อ แต่เชื่อว่าไม่กระทบการจ่ายปันผลซึ่งคาด 2 บาทต่อหุ้น (จ่ายปีละครั้ง) คิดเป็น Yield 5%

    - BBL (เคจีไอฯ)ให้เป้าพื้นฐาน 195 บาท โดยมองราคาหุ้นปรับลงจนเข้าเขต "Oversold" (เปิดแก๊ปหลุดกรอบ Bollinger band และ RSI 20) แนะนำ ซื้อเก็งกำไร" ต่อจากวานนี้ ประเมินแนวรับ 144 บาท (สำหรับนักเก็งกำไรสั้น ถ้าต่ำกว่า 144 บาท แนะนำ Stop loss) แนวต้านแรก 150 บาท และถัดไปที่ 154 บาท และ Valuation ถูก PBV 0.78 เท่า ขณะที่คาด ROE >10%

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ จากคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% แตะ 127.85 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,869.04 จุด ลดลง 14.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,518.13 จุด ลดลง 2.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,215.54 จุด ลดลง 94.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,074.48 จุด เพิ่มขึ้น 34.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,935.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.00 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,808.63 จุด ลดลง 6.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,631.10 จุด เพิ่มขึ้น 1.14 จุด

     นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

       การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานลดต่ำลง และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 78.72 จุด จากแรงเทขายหุ้นพลังงาน

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวในระดับต่ำ

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 78.72 จุด หรือ 1.32% ที่ 5,874.06 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555 และทำสถิติปรับตัวลดลงติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดในรอบ 10 วันนันตั้งแต่เดือนส.ค.

     ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดตลาด หลังจากที่ร่วงหลุดระดับ 6,000 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ในเวลาต่อมา การปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานอันเนื่องมาจากการร่วงลงของราคาน้ำมันและโลหะนั้น ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงและฉุดดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงด้วย

      หุ้นกลุ่มบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ต่างก็ปรับตัวลดลง หลังจากที่ราคาน้ำมันลดลงไปสู่ระดับต่ำกว่า 35 ดอลลาร์/บาร์เรล นำโดยหุ้นบีพีร่วงลง 2.6% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 2.2%

      หุ้นบีจี กรุ๊ป ลดลง 0.7% หลังจากจีนอนุมัติการซื้อกิจกิจการบริษัทบีจี บาย อาร์ ในวงเงิน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถเดินหน้ารวมกิจการกันได้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นเหมืองแร่,หุ้นพลังงานร่วง

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากราคาหุ้นเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 349.54 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,473.07 จุด ลดลง 76.49 จุด หรือ -1.68% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,139.34 จุด ลดลง 200.72 จุด หรือ -1.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,874.06 จุด ลดลง 78.72 จุด หรือ -1.32%

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเกลนคอร์ และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ร่วงลงราว 6.3% ขณะที่หุ้นทุลโลว์ ออยล์ และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 3.5%

     หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทจะปลดพนักงานออกจำนวน 2,800 คน หลังการควบกิจการกับบีจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของอังกฤษ ในปีหน้า โดยการประกาศปลดพนักงานในครั้งนี้ มีขึ้นในวันเดียวกับที่ทางการจีนอนุมัติการควบรวมกิจการของเชลล์และบีจีอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังจากที่บราซิล สหภาพยุโรป สหรัฐ และออสเตรเลียให้การอนุมัติก่อนหน้านี้

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.ย.

   นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ในวันพุธนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

ดาวโจนส์พลิกร่วงหลังเปิดบวก หุ้นพลังงานฉุดตลาด ขณะกังวลเฟดขึ้นดบ.

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ แต่ร่วงลงในเวลาต่อมา โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลง ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

      ณ เวลา 21.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,222.45 จุด ลบ 43.02 จุด หรือ 0.25%

      หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง หลังราคาสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 35 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดที่อาจย่ำแย่ลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงเดินหน้าการผลิตเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด

หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด

     นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0-0.25%

    การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานลดต่ำลง และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด

      กระแสคาดการณ์ดังกล่าวมีน้ำหนักมากขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 211,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง

     ส่วนในการประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 27-28 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมเฟดได้ส่งสัญญาณเรื่องการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 ธ.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,368.50 จุด                       เพิ่มขึ้น 103.29 จุด     +0.60%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,952.23 จุด                  เพิ่มขึ้น 18.76 จุด      +0.38%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,021.94 จุด                   เพิ่มขึ้น 9.57 จุด       +0.48%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,874.06 จุด                ลดลง 78.72 จุด       -1.32%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,139.34 จุด                        ลดลง 200.72 จุด      -1.94%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,473.07 จุด                     ลดลง 76.49 จุด       -1.68%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,981.90 จุด   ลดลง 96.70 จุด       -1.90%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 4,928.60 จุด         ลดลง 100.90 จุด      -2.01%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,040.16 จุด                         ลดลง 75.73 จุด       -0.93%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,883.42 จุด                  ลดลง 347.06 จุด      -1.80%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,927.82 จุด                      ลดลง 20.80 จุด       -1.07%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,520.67 จุด                  เพิ่มขึ้น 86.09 จุด      +2.51%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,745.99 จุด          เพิ่มขึ้น 10.98 จุด      +0.16%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,309.85 จุด                            ลดลง 154.20 จุด      -0.72%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,374.19 จุด   ลดลง 19.33 จุด       -0.44%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,815.04 จุด                   ลดลง 19.59 จุด       -0.69%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,629.96 จุด                   ลดลง 10.18 จุด       -0.62%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,150.35 จุด                    เพิ่มขึ้น 105.92 จุด     +0.42%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติราคาพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด หลังจากเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,368.50 จุด พุ่งขึ้น 103.29 จุด หรือ +0.60% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,952.23 จุด เพิ่มขึ้น 18.76 จุด หรือ +0.38% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,021.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด หรือ +0.48%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) ทำสถิติปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากราคาหุ้นเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธนี้

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 349.54 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,473.07 จุด ลดลง 76.49 จุด หรือ -1.68% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,139.34 จุด ลดลง 200.72 จุด หรือ -1.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,874.06 จุด ลดลง 78.72 จุด หรือ -1.32%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวในระดับต่ำ

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 78.72 จุด หรือ 1.32% ที่ 5,874.06 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555 และทำสถิติปรับตัวลดลงติดต่อกันที่ยาวนานที่สุดในรอบ 10 วันนันตั้งแต่เดือนส.ค.

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงหลุดระดับ 35 ดอลลาร์/บาร์เรลในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 36.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 37.92 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 12.3 ดอลลาร์ หรือ 1.14% ปิดที่ระดับ 1,063.40 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 18.9 เซนต์ หรือ 1.36% ปิดที่ 13.695 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ 850.20 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.90 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 548.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) หลังจากที่อ่อนค่าลงในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1000 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0994 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5141 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5229 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.83 เยน จาก 120.78 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9851 ฟรังก์ จาก 0.9820 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7245 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7191 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 508.00 จุด ลดลง 14.00 จุด, -2.68% 

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!