WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET33ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดภูมิภาค หลังราคาน้ำมันร่วงต่ำสุดรอบ 7 ปี

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกันหมด ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 ปีอีกครั้ง และยังมีเรื่องการปรับพอร์ตหุ้นธ.กรุงเทพ(BBL) หลังจากที่จะถูกถอดออกจาก MSCI Emerging Market ซึ่งจะมีผลในวันนี้ โดยคาดว่าแรงขายจะยังมีอยู่

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อยู่ โดยเฟดจะมีการประชุมในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้

   พร้อมให้แนวรับ 1,250-1,260 จุด ส่วนแนวต้าน 1,290-1,295 จุด

    ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(11 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,265.21 จุด ลดลง 309.54 จุด(-1.76%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,933.47 จุด ลดลง 111.71 จุด(-2.21%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,012.37 จุด ลดลง 39.86 จุด(-1.94%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 343.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 31.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 400.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 57.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 22.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 14.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 10.82 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(11 ธ.ค.58)1,280.92 จุด ลดลง 16.90 จุด(-1.30%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,593.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(11 ธ.ค.58) ปิดที่ 35.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 3.1%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(11 ธ.ค.58)ที่ 9.34 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 36.12/14 แนวโน้มยังอ่อนค่า รอความชัดเจนเฟดกลางสัปดาห์นี้

    - กพท.ขีดเส้นใน มี.ค.59 สายการบิน 41 สายต้องยื่นเอกสารคู่มือ เพื่อเข้าคิวเริ่มตรวจมาตรฐานและออก AOC ใหม่ พร้อมเร่งจ้างผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษเสริมทีมตรวจสอบตามมาตรฐาน ICAO คาดเริ่มงานได้ปลาย ม.ค.59 อธิบดีมั่นใจ ส.ค.59 จะเริ่มทยอยออก AOC ได้

   - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการให้บริการเช็คทั่วประเทศ ณ สิ้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ทั้งระบบมีเช็คเรียกเก็บรวม 5.92 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน และมีมูลค่ารวม 3 ล้านล้านบาท ทรงตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเช็คทั้งระบบพบว่ามีเช็คคืนไม่มีเงินหรือเช็คเด้ง ปริมาณ ทั้งสิ้น 6.84 หมื่นใบ เพิ่มขึ้น 8,389 ใบ หรือ 14% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีมูลค่าเช็คเด้ง 9,410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,020 ล้านบาท หรือ 27.33% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยเช็คส่วนใหญ่ที่เด้งจะเป็นเช็คของรายย่อยๆ ที่มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท อยู่ถึง 99.4%

      - นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ หากเฟดมีมติให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์อาจจะเห็นเงินบาทปรับตัวลงไปแตะที่ระดับ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในช่วงใกล้สิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่เคลื่อนไหวระดับ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ บวกกับมีแนวโน้มที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์และราคาน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) ที่ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สะท้อนภาพเงินเหรียญสหรัฐจะแข็งค่าขึ้นอีก

     - "ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สื่อสากล ในฐานะผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 (มอเตอร์ เอ็กซ์โป) เปิดเผยว่า ยอดจองรถอเนกประสงค์ทั้ง เอสยูวีและพีพีวีภายในงานเติบโต กว่า 1 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็น 31% จากปีก่อนอยู่ที่ 15% ส่วนรถยนต์นั่งอยู่ที่ 44% จากปีก่อน 50% และรถกระบะอยู่ที่ 17% จาก ปีก่อน 15% ส่วนอื่น ๆ 8%

*หุ้นเด่นวันนี้

   - BDMS(ฟินันเซีย ไซรัส)แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี upside เพียง 6% จากราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 22.50 บาท แต่ก็เป็น upside ที่มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลซึ่งเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยแม้ในยามภาวะเศรษฐกิจซบเซา และ BDMS ยังเป็นหุ้นที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับประมาณการขึ้นมากกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม โดยคาดกำไรปี 2016 ของ BDMS โตสูงสุดในกลุ่มคือ 39% Y-Y จากทั้งรพ.เดิมและรพ.ใหม่ 14 แห่งที่ซื้อมาในช่วง 2 ปีก่อนเริ่มออกดอกผล

       - EPG(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 14.50 บาท เป็น 1 ในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนตัวลงของราคาน้ำมันเพราะจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลงตาม ในขณะที่บริษัทขายสินค้าภายใต้ ตราสินค้าของบริษัทเอง ทำให้มีการปรับราคาขายลงน้อยมาก ปัจจัยดังกล่าวจะยิ่งหนุนให้ผลการดำเนินงานยิ่งโดดเด่น นอกจากนี้ EPG ถือเป็น 1 ในบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ซึ่งพิสูจน์ได้จากการเติบโตของยอดขายและกำไรที่พุ่งขึ้นส่วนทางกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา จากปัจจัยดังกล่าวทำให้มีความมั่นใจในภาพการเติบโตระยะยาวของบริษัทอย่างมาก โดยคาดหมายการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิในช่วง 5 ปีข้างหน้าสูงถึงระดับ 36.5% ต่อปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะทยอยออกสู่ตลาดจะเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงกว่าระดับปัจจุบัน

       - AOT(โกลเบล็ก)เป้า Consensus เฉลี่ย 344 บาท  คาดรายได้และกำไรเติบโตขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยสสท.คาดนักท่องเที่ยวปี 2558  เพิ่มขึ้น 13% เป็น 28 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ส่วนโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ผ่าน EIA แล้วคาดเปิดประมูลได้ภายในปี 59 ช่วยหนุนต่อรายได้และกำไรในอนาคตเนื่องจากจะรองรับผู้โดยสารได้ 85 ล้านคน/ปี

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกราคาน้ำมันดิ่ง, คาดเฟดขึ้นดบ.

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 1.4% แตะ 127.69 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,887.09 จุด ลดลง 343.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,403.51 จุด ลดลง 31.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,063.28 จุด ลดลง 400.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,058.67 จุด ลดลง 57.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,926.36 จุด ลดลง 22.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,819.78 จุด ลดลง 14.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,629.32 จุด ลดลง 10.82 จุด

     ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าเฟดจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็ออกมาแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 135.27 จุด เหตุราคาน้ำมันร่วงฉุดหุ้นพลังงาน

    ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (11 ธ.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 135.27 จุด หรือ 2.22% ที่ระดับ 5,952.78 จุด หลุดระดับ 6,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา

    ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังราคาน้ำมันร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปีที่ตลาดนิวยอร์ก

     หุ้นกลุ่มพลังงานต่างก็ปรับตัวลดลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 4.8% หุ้นบีพีลดลง 3.7% และหุ้นบีจี กรุ๊ป ลดลง 5.1%

    หุ้นแองโกลอเมริกันลดลง 8.1% หลังจากบริษัทมูดี้ส์ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นของผู้ผลิตแร่เหล็กและพลาตินัมรายใหญ่ของอังกฤษ

     นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินในเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยมติที่ประชุมในวันพุธนี้

ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดปรับตัวลง ขณะนลท.จับตาการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า

     ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ปรับลดลง โดยนักลงทุนต่างจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% แตะ 361.91 จุด เมื่อเวลาประมาณ 15.40 น.ตามเวลาไทย

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,617.18 จุด ลดลง 17.88 จุด, -0.39% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดวันนี้ที่ 10,572.86 จุด ลดลง 26.07 จุด, -0.25%

    สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี

    อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนพ.ย.ของเยอรมนียังอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายระยะกลางของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตัวเลขเงินเฟ้อ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 309.54 จุด เหตุราคาน้ำมันร่วงแรง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ (11 ธ.ค.) เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีของสหรัฐ

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 309.54 จุด หรือ 1.76% ปิดที่ 17,265.21 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 39.86 จุด หรือ 1.94% ปิดที่ 2,012.37 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 111.71 จุด หรือ 2.21% ปิดที่ 4,933.47 จุด

      ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังจากราคาน้ำมันร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตัดสินใจคงอัตราการผลิตไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าอุปทานจะสูงเกินไป

     การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันส่งผลให้ราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทพลังงานปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน

     ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน

     ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน

     นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI จะทรงตัวในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.1%

     ในขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.

   ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวสหรัฐได้ทำการใช้จ่ายมากขึ้น หลังจากที่ยอดค้าปลีกแทบไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ผู้บริโภคทำการออมมากขึ้น

     อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ยังคงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%

      หุ้นดูปองท์ร่วงลง 5.5% ในขณะที่หุ้นดาวเคมิคอลลดลง 2.8% หลังจากทั้ง 2 บริษัทยืนยันการรวมกิจการเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ DowDupont ซึ่งจะมีมูลค่าการตลาดรวมกันที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์

   หุ้นอโดบี ซิสเท็มส์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 2.8% หลังบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด

    หุ้นโฮล ฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทไอทีจีระบุว่า ปัจจุบันโฮล ฟู้ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ มีผลประกอบการที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!