WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET32ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนถึงปรับลง ผิดหวัง ECB กระตุ้นศก.น้อยกว่าคาด

     นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวผันผวน ถึงปรับลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ร่วงลง หลังผิดหวังกับผลประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ อีกทั้งตลาดยังกังวลต่อการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนนี้ที่อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงราคาหุ้นหลายตัวปิดปรับตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาดเมื่อวานนี้ อาจจะทำให้มีแรงขายออกมาถ่วงบรรยากาศการลงทุนได้ในวันนี้ด้วย โดยมองแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,325-1,330 และแนวต้านที่ 1,350-1,355 จุด

     นายอภิชาต ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในเช้านี้อาจจะมีความผันผวน ในทิศทางปรับลดลง หลังผิดหวังต่อการประชุม ECB ที่กระตุ้นเศรษฐกิจน้อยกว่าคาด เนื่องจากได้ขยายเวลาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ออกไปเพียง 6 เดือน เป็นสิ้นสุดเดือนมี.ค.60 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนก.ย.59 และไม่ได้ขยายวงเงิน QE เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน

      นอกจากนี้ ตลาดยังผิดหวังต่อการที่ ECB ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.05% แต่ไปปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ขณะที่ตลาดยังคงมีความกังวลต่อการที่เฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ด้วย

     สำหรับ ในประเทศก็ยังไม่มีปัจจัยหนุนมากนัก โดยตลาดไม่ได้ตอบรับการจัดงาน Thailand Focus 2015 มากนัก แม้ยังเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อยู่ แต่ก็เป็นการรอจังหวะในการเข้าลงทุน ขณะที่ราคาหุ้นหลายตัวได้ปรับตัวกระโดดขึ้นในช่วงท้ายตลาดเมื่อวานนี้ ก็อาจจะทำให้มีแรงขายออกมาบ้างในวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีมีความผันผวนถึงปรับลดลงได้ในวันนี้

พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,325-1,330 และแนวต้านที่ 1,350-1,355 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(3 ธ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,477.67 จุด ร่วงลง 252.01 จุด(-1.42%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,037.53 จุด ลดลง 85.69 จุด(-1.67%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,049.62 จุด ลดลง 29.89 จุด(-1.44%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 323.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 26.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 274.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 32.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 21.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 20.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.12 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(3 ธ.ค.58)1,340.62 จุด เพิ่มขึ้น 1.17 จุด(+0.09%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 420.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(3 ธ.ค.58) ปิดที่ 41.08 อลลาร์/บาร์เรลเพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.9%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(3 ธ.ค.58)ที่ 6.58 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.78/80 แข็งค่าตามยูโร หลัง ECB กระตุ้นศก.น้อยกว่าคาด

    - กระทรวงพลังงาน คาด ครม. 8 ธ.ค.นี้จะพิจารณาแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ ได้ ด้านกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน ERS แถลงจุดยืนหนุน ครม.ชี้ขาดเพื่อให้เร่งออกกฎหมายโดยเร็วหวัง เปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบ 21

    -  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเชิญสายการบินทั้ง 41 สายการบิน ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการบินพลเรือน (บพ.) มาประชุมร่วมกันในเวลา 14.30 น.ของวันนี้ ที่อาคารรับรองบ้านเกษะโกมล เพื่อเน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยการบินให้เป็นไปตามแผนการตรวจสอบ

    - มาริโอ ดรากี ผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศขยายเวลามาตรการผ่อนปรนทางการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี) ออกไปจนถึงอย่างน้อยในเดือน มี.ค. 2560 จากเดิมที่จะหมดอายุลงในเดือน ก.ย. 2559 หรือเท่ากับขยายวงเงินเพิ่มอีกราว 3.6 แสนล้านยูโร (เกือบ 14 ล้านล้านบาท) จากการซื้อสินทรัพย์เดือนละ 6 หมื่นล้านยูโรต่อไปอีก 6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปที่กำลังเสี่ยงกับภาวะเงินฝืด

   - นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองคณบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. 2558 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดรอบ 11 เดือน อยู่ที่ 74.6 โดยปรับขึ้นทุกรายการ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบันและอนาคต

     - นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า จากนโยบายความเข้มงวดในการทวงหนี้จะส่งผลให้ปริมาณรถยนต์ที่เข้าสู่ตลาดรถมือสองลดลง จึงคาดว่าในปี 2559 ราคารถยนต์มือสองในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้น จากเดิมลดลงกว่า 15-20% โดยได้รับผลกระทบจากโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก และเริ่มกลับมาปกติปีนี้

       - เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และนายหวังเสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ได้ลงนามกรอบความร่วมมือ (FOC) รถไฟไทย-จีน ซึ่งกำหนดแผนงานร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่การลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการเพื่อความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ครั้งที่ 9 ที่กรุงเทพฯ

       - ธปท.เผยสภาพคล่องแบงก์พาณิชย์ในระบบเพิ่ม ผลจากปริมาณสินเชื่อใหม่ลดลงมากกว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินฝาก คุมเข้มปล่อยกู้ภาคครัวเรือนต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล คาดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จะช่วยระบายที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท

     - 'ประสาร' เตรียมเสนอร่าง กม.พัฒนาระบบธรรมาภิบาลรัฐวิสาหกิจและแผนตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติต่อ ครม.ภายใน ธ.ค.นี้ ช้าสุดไม่เกิน ม.ค.59 ชี้ปัญหาสายการบินเกิดเพราะธรรมาภิบาลไม่ดีพอ ระบุหากไม่เอาจริงมีปัญหาต่อการลงทุน

*หุ้นเด่นวันนี้

       - EPG(ฟินันเซีย ไซรัส)ราคาหุ้นที่ร่วงแรงวันก่อนเปิดโอกาสในการสะสมอีกครั้ง, เป้าปีหน้า 15 บาท บนคาดการณ์กำไรที่จะทำ new high ต่อเนื่องใน 3Q16 (ต.ค.-ธ.ค. 2015) เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายปิดโรงงานที่จีนเหมือน 2Q16 และเป็น High Season ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นจากราคาเม็ดพลาสติกที่ถูกลงและการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และคาดกำไรสุทธิปี 2016 (สิ้นสุด มี.ค. 16) โตโดดเด่น 132% Y-Y และโตต่อเนื่องอีก 15% Y-Y ในปี 2017

      - CPN(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 65 บาท ช่วง 3Q58 ได้รับผลกระทบจากการปิดปรับปรุงสาขาปิ่นเกล้า ขอนแก่น และบางนาทำให้กำไรสุทธิที่ 1,816 ล้านบาท ลดลง 6%YoY และ 9%QoQ แต่รายได้เพิ่มขึ้นจากค่าเช่าพื้นที่และธุรกิจศูนย์อาหารจากสาขาเดิมและสาขาที่ใหม่(เปิดใหม่สาขาระยองและศาลายา และสาขาภูเก็ตเริ่มรวมในไตรมาสนี้) รวมทั้งธุรกิจโรงแรมที่มีอัตราเข้าพักสูงขึ้น โดยมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยปรับดีขึ้นต่อเนื่องสู่ 1,541 บาทต่อตร.ม.จาก 1,503 บาทต่อตร.ม.ใน 9M57 และบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่ง ในจังหวัดระยอง ขอนแก่น และเชียงใหม่ มูลค่าโครงการราว 1,600 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดขายในช่วงเดือน ม.ค.59 เริ่มก่อสร้างในช่วง 2Q59 และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 61

      - SAMTEL(เคทีบี)"ซื้อ"เป้า 20.40 บาท คาดกำไร 4Q58 โดดเด่นทำจุดสูงสุดของปี จากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 18% QoQ และ 42% YoY มาอยู่ที่ 2,071 ล้านบาท จากงาน Backlog และงานใหม่ที่คาดว่าจะเซ็นใน 4Q58  สำหรับปี 2559 คาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานใหม่มูลค่าราว 7,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับรายได้ปี 2559 ของ Backlog ที่คาดว่าจะอยู่ราว 5,554 ล้านบาทแล้ว ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ปี 2559 ของ SAMTEL น่าจะอยู่ที่ 7,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%YoY และมีกำไรสุทธิ 742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43%YoY เมื่อประเมินโดยอิง PE เฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี ที่ 17x

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุผิดหวังมาตรการ ECB

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเมื่อวานนั้น ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นได้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.7% แตะ 132.63 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,616.52 จุด ลดลง 323.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,558.15 จุด ลดลง 26.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,142.11 จุด ลดลง 274.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,423.70 จุด ลดลง 32.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,972.16 จุด ลดลง 21.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,863.32 จุด ลดลง 20.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,670.80 จุด ลดลง 3.12 จุด

    ทั้งนี้ ECB ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559

     อย่างไรก็ดี นักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ โดยก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ECB จะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ได้ประกาศเมื่อวานนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 145.93 จุด หลัง ECB กระตุ้นศก.น้อยกว่าคาด

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ไม่รุนแรงมากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้

     ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 145.93 จุด หรือ 2.27% ที่ 6,275.00 จุด

     ในการประชุมเมื่อวานนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

    ขณะเดียวกัน ECB ยังได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB

     อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ ECB น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการปรับลดลงสู่ระดับ -0.4%

       ทางด้านนายดรากี ประธาน ECB ได้ประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของ ECB

   ทั้งนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ECB ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เลือกที่จะขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แทนที่จะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือน

    หุ้นสปอร์ต ไดเรค อินเตอร์เนชันแนล ร่วงลงกว่า 5% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นบริษัท ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองก็ปรับตัวลง ซึ่งรวมถึงหุ้นแองโกล อเมริกัน, หุ้นริโอ ทินโต และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง เหตุนักลงทุนผิดหวังมาตรการ ECB

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและขยายระยะเวลาในการทำ QE ซึ่งนักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นได้

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.1% ปิดที่ 372.11 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,730.21 จุด ร่วงลง 175.55 จุด หรือ -3.58% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,789.24 จุด ดิ่งลง 400.78 จุด หรือ -3.58% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,275.00 จุด ลดลง 145.93 จุด หรือ -2.27%

     ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจาก ECB ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ขณะเดียวกันนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของ ECB

     อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ โดยก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ECB จะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ได้ประกาศเมื่อวานนี้

    นอกจากนี้ ECB ประกาศปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในยูโรโซนในปี 2016 สู่ระดับ 1.0% จากเดิมที่ 1.1% ซึ่งมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนก.ย. และยังได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2017 สู่ระดับ 1.6% จากเดิมที่ 1.7%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 252.01 จุด เหตุตลาดผิดหวังมาตรการ ECB

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 250 จุดเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดิ่งลงหนักสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเมื่อวานนั้น ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนอีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้

   ดัช นีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,477.67 จุด ร่วงลง 252.01 จุด หรือ -1.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,037.53 จุด ลดลง 85.69 จุด หรือ -1.67% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,049.62 จุด ลดลง 29.89 จุด หรือ -1.44%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจาก ECB ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559

   นักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ โดยก่อนหน้านี้ตลาดคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ECB จะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ได้ประกาศเมื่อวานนี้

    ขณะเดียวกัน ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากนางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสสหรัฐว่า เธอมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐกำลังปรับตัวดีขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

     นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซายังส่งผลกดดันบรรยากาศการซื้อขายให้ซบเซาลงด้วย โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลไทย มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับ 56.1 ในเดือนพ.ย. ลดลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 56.5

    ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่าภาคบริการของสหรัฐชะลอตัวในเดือนพ.ย. จากกิจกรรมทางธุรกิจที่ลดลง โดยดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ 55.9 ในเดือนพ.ย. ลดลงจากระดับ 59.1 ในเดือนต.ค.

     หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 12% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ต่างก็ร่วงลงกว่า 6.1%

  หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพยังคงร่วงลงต่อเนื่อง โดยหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคัล และหุ้นเซลจีน คอร์ป ปรับตัวลงกว่า 4.3% ขณะที่หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค และหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ดิ่งลงกว่า 2.2%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลงกว่า 1.5% ขณะที่หุ้นยาฮูดิ่งลง 3.7% และหุ้นคอร์นิง อิงค์ ร่วงลง 4.9%

    นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นข้อมูลที่จะบ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้านี้หรือไม่ ขณะที่ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง โดยลดลงจากระดับ 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่า อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.0%

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!