WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET5 copyภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตลาดภูมิภาค เหตุ MSCI ปรับน้ำหนักลงทุนใหม่

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ โดยเฉพาะตลาดเกาหลี และตลาดไต้หวัน ติดลบมากกว่าตลาดอื่น เนื่องจากมีปัจจัยหลักจากเรื่อง MSCI ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนใหม่ไปทั่วทั้งภูมิภาค ยกเว้นจีน

     นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวลง อีกทั้งตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยหนุนอะไรเข้ามา อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ โดยตลาดฯคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน

พร้อมให้แนรับ 1,350-1,355 จุด ส่วนแนวต้าน 1,375-1,380 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(27 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,798.49 จุด ลดลง 14.90 จุด(-0.08%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.52 จุด เพิ่มขึ้น 11.38 จุด(+0.22%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,090.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด(+0.06%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 93.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 58.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.18 จุด

      ด้านตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันระลึกถึงบิดาแห่งการปฏิวัติฟิลิปปินส์

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 พ.ย.58)1,363.13 จุด ลดลง 2.68 จุด(-0.20%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 460.28 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ย.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 พ.ย.58) ปิดที่ 47.71 อลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 3.1%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 พ.ย.58)ที่ 10.09 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.90/92 แนวโน้มระยะสั้นยังอ่อนค่าจากคาดเฟดเล็งขึ้นดอกเบี้ย

       - อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จะเปลี่ยนจากเก็บภาษีตามความจุกระบอกสูบ มาเป็นการเก็บภาษีตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะส่งผลให้การเสียภาษีรถยนต์ใหม่มีทั้งลดลง เท่าเดิม และเพิ่มขึ้น โดยรถยนต์ที่จะต้องเสียภาษีเพิ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถกระบะและรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เฉลี่ย 8,000-2 แสนบาทเศษ

     - รองอธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นพ้องให้กรมทางหลวงพิจารณาปรับขึ้นค่าผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์ขึ้นมา จากปัจจุบันที่จัดเก็บกิโลเมตรละ 1 บาท ในเส้นทางที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน คือ สาย 7 เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี และสาย 9 เส้นทางบางปะอิน-บางพลี

    - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 59 จะเริ่มเจรจาแบบทวิภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน ในการเปิดเสรีภาคธนาคารผ่านกำหนดมาตรฐานธนาคารพาณิชย์ในอาเซียน (Qualified ASEAN Banks : QABs) โดยคาดว่าภายในปี 2560 จะสามารถเจรจากับธนาคารกลางของประเทศอาเซียนได้ประมาณ 2-3 ประเทศ

       - "สมคิด" นำเอกชน 20 ราย หารือนายกรัฐมนตรี 3 ธ.ค.นี้ ถกนโยบายประชารัฐ หวังใช้ไตรภาคีหนุนประเทศพัฒนายั่งยืน สั่งพาณิชย์-บีโอไอผลักดันเอกชนไทยสู่อาเซียน ขณะที่ภาคเอกชนมองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดกลางปีหน้า

*หุ้นเด่นวันนี้

      - KTC(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 122 บาท คาด ROE สูงและมีกำไรเติบโตในปี FY16-17F มองดำเนินกลยุทธ์ถูกต้องและน่าจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายการมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในธุรกิจบัตรเครดิตภายใน 2 ปี แม้ราคาหุ้นปรับลดลงมากว่า 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตามภาวะตลาด เป็นจังหวะเหมาะลงทุน โดยแนวโน้มธุรกิจในปี FY16 ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจบัตรเครดิตเป็น 15% ทั้งด้านยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและยอดสินเชื่อภายในสองปีข้างหน้าจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 10.5% และ 12.5% ตามลำดับ โดยเชื่อว่าขณะนี้เป็นจังหวะที่ดีในการชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งที่ลดการทำตลาดสำหรับธุรกิจบัตรเครดิตช่วงที่การบริโภคชะลอตัว

      - BDMS(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 24 บาท คาดโรงพยาบาลที่จะเข้ามาใหม่จะสามารถคืนทุนที่ระดับ EBITDA ในปีหน้า โดย BDMS คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 12-13% ในปี 2016 ซึ่งเท่ากับที่เราคาดการณ์ไว้

     - ASEFA(ยูโอบี เคย์เฮียน)ได้ประโยชน์จากการเติบโตของกำไรและรายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3-4 ปีนี้ และได้ประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศและนโยบายการลงทุนของรัฐบาล ส่วนกำไรปีหน้ามีแนวโน้มโต ไม่ต่ำกว่า 20% yoy โดยจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและมีแรงหนุนจากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงประมาณ 200 ล้านบาท และงาน government data center ในระยะยาวอีกด้วย

     - HFT(เคทีบี)ปี 58 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยกำไรสุทธิงวด 9M58 อยู่ที่ 313.80 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิปี 57 ทั้งปีที่ทำได้ 290.77 ล้านบาท คาดว่าปัจจัยหลักหนุนผลประกอบการปีนี้ได้แก่ ราคายางปรับตัวลดลง จากความกังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยและบาทอ่อน จึงมีแนวโน้มว่าเงินปันผลของปีนี้น่าจะสูงกว่าปี 57 ที่จ่าย 0.15 บาท/หุ้น บวกกับในปี 59 เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อยอดขายของบริษัทฯให้เติบโตขึ้น

    - AOT(เคทีบี)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 350 บาท จากภาพรวมการท่องเที่ยวคงสดใสในระยะยาว คาดงวดปี 59(ต.ค.58-ก.ย.59)กำไรเติบโตแข็งแกร่งและดีกว่าคาดจากการขยาย Capacity สนามบิน ได้แก่ ดอนเมืองเปิด Terminal 2 ธ.ค.58 ทำให้สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากเดิม 18.5 ล้านคน/ปี เป็น 30 ล้านคน/ปี (ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคน/ปี) โดยคาดว่าจะทำให้จำนวนผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมืองในงบการเงินงวดปี 59 จะเติบโตขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่า 20%

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคร่วง

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มวัสดุและสินค้าอุปโภคบริโภค

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วง 0.3% แตะ 132.82 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,857.38 จุด ลดลง 26.56 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,433.86 จุด ลดลง 2.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,974.81 จุด ลดลง 93.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,339.83 จุด ลดลง 58.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,022.38 จุด ลดลง 6.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,871.05 จุด เพิ่มขึ้น 11.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,675.41 จุด ลดลง 7.18 จุด ด้านตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันระลึกถึงบิดาแห่งการปฏิวัติฟิลิปปินส์

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเหมืองแร่ร่วง ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 17.98 จุด

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง หลังจากมีรายงานว่าผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนต.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงในไตรมาส 3

     ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,375.15 จุด ลดลง 17.98 จุด หรือ -0.28%

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 0.7% ในไตรมาส 2 โดยการชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากการค้าที่อ่อนแออันเนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา และบ่งชี้ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนในเดือนต.ค. ดิ่งลง 4.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ลดลงเพียง 0.1% ในเดือนก.ย.

    ทั้งนี้ หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 8.2% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 3.1%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่าผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่

     ดัชนี Stoxx Europe ปรับลง 0.2% ปิดที่ 383.67 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,930.14 จุด ลดลง 15.88 จุด หรือ -0.32% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,293.76 จุด ลดลง 27.01 จุด หรือ -0.24% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,375.15 จุด ลดลง 17.98 จุด หรือ -0.28%

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดอ่อนแรงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนในเดือนต.ค. ดิ่งลง 4.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ลดลงเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ส่วนในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทอุตสาหกรรมของจีนมีผลกำไรร่วงลง 2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.87 ล้านล้านหยวน หลังจากที่ปรับตัวลง 1.7% ในช่วง 9 เดือนแรก

    เจ้าหน้าที่ NBS กล่าวว่า ยอดขายที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งผลกำไรที่ตกต่ำลงในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่และวัตถุดิบ เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่หดตัวลงในเดือนที่แล้ว

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 8.2% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 3.1%

     นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่ ECB ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนเมื่อเดือนที่แล้ว

     ทั้งนี้ ในการประชุม ECB เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า  ECB จะทำการทบทวนในเดือนธ.ค.เพื่อพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 14.90 จุด หลังหุ้นพลังงาน,ค้าปลีกร่วง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (27 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ขณะที่วอลุ่มการซื้อขายมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากตลาดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในช่วงเทศกาลวันหยุดเนื่องในวันของคุณพระเจ้า

   ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,798.49 จุด ลดลง 14.90 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.52 จุด เพิ่มขึ้น 11.38 จุด หรือ +0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 2,090.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.06%

   ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับลงไม่ถึง 0.1% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 0.4%

 หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงกว่า 6.5%

     หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นแก๊ป อิงค์ ร่วงลงไปกว่า 9% หุ้นซิกเน็ท จิวเวลเลอร์ หุ้นเกมสต็อป และหุ้นเบสท์บาย ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.4%

   ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอิลลูมินา และหุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแรล ปรับตัวขึ้นกว่า 2.1% ขณะที่หุ้นทาเน็ท เฮลธ์แคร์ ปรับขึ้นอย่างน้อย 0.8%

   นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ แต่ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจาก Adobe Digital Index เปิดเผยตัวเลขเบื้องต้นว่า ยอดการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

  นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่ ECB ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนเมื่อเดือนที่แล้ว

   นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 4 ธ.ค. หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!