- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 24 November 2015 10:32
- Hits: 4392
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนลงหลังปัจจัยนอกปท.เป็นลบ,จับตาตัวเลขส่งออกไทย
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงหรือทรงตัว เนื่องจากตลาดต่างประเทศอยู่ในเชิงลบ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้โดยรวมจะอยู่ในแดนลบ หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาบอกว่า ถ้าเศรษฐกิจไม่ได้แย่มาก การประชุมเฟดครั้งหน้าก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และราคาสินค้าโภคภัณฑ์(Commodity)ต่างปรับตัวลง รวมถึงราคาน้ำมันด้วยที่ปรับตัวลง อีกทั้งดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐฯเดือนพ.ย.ก็ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ยังไม่ได้ดีมาก
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของไทย ซึ่งตลาดฯกำลังจับตามองในเรื่องเศรษฐกิจในประเทศอยู่ โดยในวันนี้กระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขส่งออกในเดือนต.ค.ขณะที่ตลาดฯก็ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และหากดัชนีฯปรับตัวลงแรงก็จะมีแรงรับจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF),กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) อีกทั้งช่วงนี้จะเห็นว่าได้นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาซื้อบ้างเล็กน้อย ดังนั้นภาพรวมตลาดฯน่าจะเป็นลักษณะแกว่งแคบ
พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(23 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,792.68 จุด ลดลง 31.13 จุด(-0.17%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,102.48 จุด ลดลง 2.44 จุด(-0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,086.59 จุด ลดลง 2.58 จุด(-0.12%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 3.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 7.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 72.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 13.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 0.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.78 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(23 พ.ย.58)1,394.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.38 จุด(+0.03%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 840.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ย.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(23 พ.ย.58) ปิดที่ 41.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(23 พ.ย.58)ที่ 9.33 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.86/88 แนวโน้มอ่อนค่าระยะสั้นจากแรงซื้อดอลล์ช่วงปลายเดือน
- นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมทางหลวงได้ตั้งงบประมาณปี 2559-2560 เพื่อศึกษาโครงการเอกชนร่วมลงทุนภาครัฐ (พีพีพี) โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 2 เส้นทาง คือ 1.เส้นทางจากนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 120 กม. วงเงิน 8.06 หมื่นล้านบาท และ 2.เส้นทางหาดใหญ่-ชายแดนไทย มาเลเซีย ระยะทาง 55-60 กม. วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 110,600 ล้านบาท
- "สมชัย สัจจพงษ์"ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปภาษี เผยในวันนี้จะมีการประชุมร่วมกับกรมสรรพากร พิจารณาการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามแผนการปฏิรูปภาษีเพื่อลดภาระการเสียภาษีของผู้มีเงินได้ให้ลดลง ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน และต้องมีผลบังคับใช้ให้เร็วที่สุด
- แบงก์ชาติเผยภาคธุรกิจได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินลดลง 1.34 แสนล้านบาทในไตรมาส 3 ของปีนี้ เฉพาะธุรกิจการเงินและประกันภัยที่ขอกู้ไปปล่อยต่อยอดกู้หดถึง 2 แสนล้านบาท แต่ภาพรวมหลายธุรกิจยังคงได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 5.62 หมื่นล้านบาทเกิดจากธุรกิจจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นหลัก
- กสทช.ประกาศเอาจริง สั่งดาวเทียม-เคเบิลทีวีเรียงช่องทีวีดิจิตอลเลข 1-36 ตามประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ 2 ธันวาคมนี้ ลดความสับสนประชาชน ด้านผู้ประกอบการ 70% ส่วนใหญ่ระดับท้องถิ่นยันไม่พร้อม รอลุ้นมติศาลปกครอง
- สภาพัฒน์ เผยไตรมาส 3/58 จ้างงานภาคเกษตรลดลง หนี้ครัวเรือนยังพุ่ง ผิดนัดชำระบัตรเครดิตเพิ่ม ส่วนโรคไข้เลือดออกที่ระบาดเพิ่มขึ้นกว่า 3.7 เท่า เทียบเท่ากับช่วงเดียวกันปี 57 พร้อมจับตาวัยรุ่นติดเหล้าเพิ่ม ยอดขายแอลกอฮอล์สูงถึง 28,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.03%
*หุ้นเด่นวันนี้
- ERW(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.90 บาท เป็นหุ้นที่ยัง Laggard ในกลุ่มโรงแรม แนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวดีมาก หากในอนาคต ERW ขายสินทรัพย์เพิ่มเข้าไปใน REIT ก็จะเป็นแรงกระตุ้น (Catalyst) ราคาหุ้นได้อีก พร้อมคาดการณ์กำไร 4Q58 จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท เมื่อเข้าสู่ High Season เทียบกับ 3Q58 (q-o-q) ที่เป็น -20 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากการลอบวางระเบิดที่แยกเอราวัณ และสูงกว่าเทียบกับ y-o-y ที่เป็นกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท ทำให้ทั้งปี 58 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 193 ล้านบาท เทียบกับปี 57 ที่เป็นขาดทุนสุทธิ 112 ล้านบาท ส่วนปี 59 คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นได้อีก 55% เป็น 300 ล้านบาท
- MALEE(ไอร่า)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 41 บาท จากแนวโน้มการขยายตัวของยอดส่งออกในช่วง 3 ปีข้างหน้า ความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมน้ำผลไม้พร้อมดื่ม Premium UHT และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่โดดเด่นเฉลี่ย 4-5% รวมทั้งยังมีอัพไซด์จากประเด็นขยายตลาดในฟิลิปปินส์
- S(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 10.35 บาท จากการที่ S มีศักยภาพสูงในการรับรู้รายได้ในอนาคต ถึงแม้ว่าในปี 2558 คาดจะยังขาดทุนสุทธิอยู่ 180.78 ล้านบาท โดย ณ สิ้น 3Q58 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1.42 พันล้านบาท และยังคงขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 185.34 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ได้รับรู้และประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการรวมบริษัทกับทาง Nirvana ของโรงแรม Phi Phi ทำให้ S มี SG&A ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดีคาด S จะเริ่มส่งสัญญาณกลับตัวจากขาดทุนเป็นกำไรในปี 2559 ที่ประมาณ 930 ล้านบาท จากส่วนแบ่ง Equity sharing income ทั้งนี้ทาง S มีแผนการลงทุนที่ Aggressive โดยมีเป้าหมาย CAPEX 5 ปีต่อจากนี้ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี และยังเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย โดยที่ในปี 2559 คาดว่าจะเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ โดยคาดว่า S จะมีโรงแรม 65 แห่งให้บริการภายในปี 2562 และมีเป้าหมายรายได้รวมที่ 2 หมื่นล้านบาทต่อปีตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง, ข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา
ตลาดหุ้นเอเชียปรับลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มวัตถุดิบอ่อนตัวลงหลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% แตะ 134.16 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,875.99 จุด ลดลง 3.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,602.89 จุด ลดลง 7.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,593.09 จุด ลดลง 72.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,472.24 จุด ลดลง 13.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,004.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,902.71 จุด ลดลง 0.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,678.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.78 จุด
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนต.ค.ร่วงลง 3.4% สู่ระดับ 5.36 ล้านยูนิต ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองในเดือนต.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.4 ล้านยูนิต
ด้านมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 52.6 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.1 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ย.มีการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีในเดือนพ.ย. และปรับตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 29.14 จุด หลังหุ้นโลหะ,พลังงานร่วง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มโลหะและพลังงาน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 29.14 จุด หรือ 0.46% ที่ 6,305.49 จุด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลดลงเนื่องจากการปรับตัวลงของราคาทองแดง โลหะเงิน นิกเกิล ทองคำ และโลหะอื่นๆ ส่งผลให้หุ้นอันโตฟากัสตาซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองแดงรายใหญ่ลดลง 2.3% ในขณะที่หุ้นเกลนคอร์ ผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ลดลง 2.1%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มยุทโธปกรณ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยงบประมาณด้านการป้องกันประเทศมูลค่า 1.78 แสนล้านปอนด์ ไปจนถึงปีงบประมาณ 2568 เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากเหตุก่อการร้ายทั่วโลก
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ และหุ้น BAE Systems ปรับตัวขึ้น 3% และ 1% ตามลำดับ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงขายหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวลง อันเนื่องมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 380.37 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,889.12 จุด ลดลง 21.85 จุด หรือ -0.44% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,092.31 จุด ลดลง 27.52 จุด หรือ -0.25% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,305.49 จุด ลดลง 29.14 จุด หรือ -0.46%
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง โดยหุ้นอันโตฟากัสต้า ดิ่งลง 2.4% หุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 2.2% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 1.7%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้นโททาล ร่วงลง 1.1% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปรับลง 0.7%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากมาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนพ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 54.4 จากระดับ 53.9 ในเดือนต.ค. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 54 เดือน
สำหรับ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 52.8 ซึ่งสูงสุดในรอบ 19 เดือน จากระดับ 52.3 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 54.6 สูงสุดในรอบ 54 เดือน
ดัชนี ที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางธุรกิจมีการขยายตัว ส่วนตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 31.13 จุด วิตกข่าว ไฟเซอร์ ควบ อัลเลอร์แกน
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า ไฟเซอร์ทุ่มเงินมูลค่า 1.60 แสนล้านดอลลาร์เพื่อควบรวมกิจการกับบริษัท อัลเลอร์แกน พีแอลซี ของไอร์แลนด์ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,792.68 จุด ลดลง 31.13 จุด หรือ -0.17% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,102.48 จุด ลดลง 2.44 จุด หรือ -0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,086.59 จุด ลดลง 2.58 จุด หรือ -0.12%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ที่ร่วงลงไปกว่า 2.6% หลังจากไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ และอัลเลอร์แกน พีแอลซี บริษัทผู้ผลิตโบท็อกซ์จากไอร์แลนด์ ประกาศบรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการมูลค่า 1.60 แสนล้านดอลลาร์ในการก่อตั้งบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ทั้งนี้ บริษัทแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นจะเรียกว่า บริษัทไฟเซอร์ พีแอลซี โดยมีนายเอียน รีด ซีอีโอของไฟเซอร์ เป็นผู้นำบริษัท
ข่าวไฟเซอร์ควบรวมกิจการกับอัลเลอร์แกนส่งผลให้หุ้นอัลเลอร์แกนดิ่งลงกว่า 2% และยังก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักการเมือง โดยเฉพาะนางฮิลลารี คลินตัน ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในนามพรรคเดโมแครทซึ่งระบุว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ ไฟเซอร์มีจุดมุ่งหมายที่จะใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อหลบเลี่ยงภาษี และเธอจะพยายามทุกทางเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 1.3% หุ้นอิเล็กทรอนิก อาร์ทส์ ร่วงลง 4.8% หุ้นฮิวเล็ต-แพคการ์ด ร่วงลง 2.5% และหุ้นอนาล็อก ดีไวซ์ ดิ่งลง 4.4%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนต.ค.ร่วงลง 3.4% สู่ระดับ 5.36 ล้านยูนิต ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองในเดือนต.ค.ลดลงสู่ระดับ 5.4 ล้านยูนิต
ด้านมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 52.6 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.1 ในเดือนต.ค. บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ย.มีการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีในเดือนพ.ย. และปรับตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพีช่วงไตรมาส 3/2558, ราคาบ้านเดือนก.ย.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board และดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดสาขาริชมอนด์
อินโฟเควสท์