WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET59ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบตามตปท. คาดหวังเม็ดเงิน LTF-RMF ประคองตลาด

    นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ซึมตัวขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตลาดยังคาดหวังเม็ดเงินจาก LTF และ RMF ที่จะเข้ามาในตลาด รวมถึงการจัดตั้ง Thailand Future Fund เพื่อเป็นช่องทางระดมทุนสำหรับใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลเตรียมนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ตลอดจนจับตากระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกและนำเข้าเดือนต.ค. โดยให้แนวต้านบริเวณ 1,400-1,405 และแนวรับบริเวณ 1,380-1,384 จุด

    นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่าตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะเคลื่อนไหวในลักษณะของการซึมตัวขึ้น จากปริมาณการซื้อขายโดยรวมที่เข้ามาในช่วงนี้อยู่ในระดับที่ไม่มากนักราว 3 หมื่นล้านบาท/วัน ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายของตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ โดยตลาดสหรัฐ ปิดเมื่อวันศุกร์ แม้ดัชนีดาวโจนส์จะปรับตัวขึ้นมาก แต่ดัชนี S&P500 ปรับขึ้นไม่มากนัก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกในกรอบที่ไม่โดดเด่น ซึ่งภาพรวมยังคงเป็นความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่คาดว่าจะมึขึ้นในเร็วๆนี้

      ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะยังทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นรายกลุ่ม หรือรายตัว โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตาการประกาศตัวเลขส่งออกและนำเข้าในเดือนต.ค. ซึ่งคาดว่าจะยังมีทิศทางที่ชะลอตัวอยู่ รวมถึงการจัดตั้ง Thailand Future Fund มูลค่า 1 แสนล้านบาท ที่คาดว่าจะมีการนำเสนอต่อครม.ภายใน 2 สัปดาห์ ตลอดจนการสรุปตัวเลขของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) ที่มีเข้ามาในงาน Set in the City 2015 ที่ผ่านมา ขณะที่ยังต้องจับตาแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มมีเข้ามาบ้าง

    พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,380-1,384 และแนวต้านที่ 1,400-1,405 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      -ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(20 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,823.81 จุด เพิ่มขึ้น 91.06 จุด(+0.51%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,104.92 จุด เพิ่มขึ้น 31.28 จุด(+0.62%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,089.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.93 จุด(+0.38%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 5.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 5.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.30 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.06 จุด

      - ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(20 พ.ย.58)1,393.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.87 จุด(+0.64%)

     - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 388.63 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 พ.ย.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(20 พ.ย.58) ปิดที่ 40.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.37%

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(20 พ.ย.58)ที่ 9.63 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.80/82 คาดแกว่งแคบ-ไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบ 35.70-35.90

     - ธปท.เผยยอดเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 4.89 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ เฉพาะธุรกิจการผลิตเพิ่มขึ้น 3.66 หมื่นล้านบาท เติบโตถึง 48.58% พบลูกหนี้รายใหม่และลูกหนี้รีเอ็นทรีก่อตัวในธุรกิจผลิตมากที่สุด ขณะที่ธุรกิจอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลจะหันใช้สารพัดวิธีให้หนี้ลด แต่ไม่ได้ผล

      - "พาณิชย์" เตรียมเชิญทูต กงสุล หอการค้าต่างประเทศ นักธุรกิจต่างชาติ เปิดตัวเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล หวังให้ช่วยโปรโมตดึงนักธุรกิจเข้ามาลงทุน เผยหากใครสนใจ พร้อมจัดวันเดย์ ทริป พาลงดูพื้นที่จริง เล็งทำคู่มือแนะนำ และขอทูตพาณิชย์ช่วยโปรโมตดึงลงทุน เผยปี 59 ใช้สะเดาโมเดล จัดคณะรัฐและเอกชนลงพื้นที่แก้ปัญหาอุปสรรคอีกหลายจังหวัด

     - นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ และ 900 เมกะเฮิรตซ์ จะถูกรวมเป็นรายได้ของรัฐประจำปี 2559 ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมาย และจะมีผลต่อการประเมินเพื่อจัดทำงบประมาณปี 2560 ที่ไม่จำเป็นต้องทำงบประมาณขาดดุลสูงกว่าปี 2559 ที่ 3.9 แสนล้านบาท

       - นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบธนาคารไทยก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีหน้า เนื่องจากหนี้เสียจะมีระยะเวลาเหลื่อมกับภาวะเศรษฐกิจประมาณ 12-18 เดือน เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นหนี้เสียก็จะยังคงขยายตัวสูงซึ่งเป็นผลกระทบมาจากช่วงก่อนหน้า

    - นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เตรียมเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้ทั้งของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลตามนโยบายรัฐบาล ต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในต้นปีหน้า โดยจะเสนอ 3-4 แนวทางให้พิจารณา ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน รวมถึงจะเพิ่มการหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายส่วนตัวจาก 40% ของเงินได้ หรือปีละ 6 หมื่นบาท  เป็นปีละ 1.2 แสนบาท ทั้งแบบเหมาจ่ายและนำใบเสร็จจากร้านขายสินค้ามาแสดงในการยื่นแบบเสียภาษี จะทำให้คนมีรายได้เดือนละ 2 หมื่นบาท ไม่มีภาระภาษี ส่วนการหักลดหย่อนดอกเบี้ยการผ่อนบ้านหลังแรก จากที่กำหนดไว้ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ก็จะเสนอเพิ่มเป็น 5 ล้านบาท

      - กอช.เตรียมตั้งอนุกรรมการลงทุนและเสนอกรอบนำเงินออมเข้าลงทุนเดือน ธ.ค.นี้ เผยสนกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ระบุ ยอดเงินออมแตะ 600 ล้านบาท สมาชิก 3.69 แสนรายเป้าหมายสมาชิกปีนี้ 6 แสนราย "ทีดีอาร์ไอ" ห่วงระบบบำนาญไทยยังไม่พร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ ระบุคนชรา 4 ใน 5 พึ่งพารายได้จากลูกหลาย อัต กอช.ดูแลประชาชนในระบบบำเหน็จบำนาญได้ไม่ทั่วถึง

*หุ้นเด่นวันนี้

      -CI(เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท/หุ้น โดยมองว่าไตรมาส 4/58 บริษัทจะมีกำไรเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการ ISSY Condo Suksawat และ โครงการทิวทะเล 2 ซึ่งจะทำให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไรจากปีก่อนได้ มากไปกว่านั้น คาดปี 59 บริษัทยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและโดดเด่นจากการรับรู้รายได้จาก backlog ที่มีจำนวนกว่า 3 พันล้านบาท และแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ นอกจากนี้ การขายธุรกิจโรงแรมเข้ากอง REIT ยังช่วยให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 234% ประเมินราคาพื้นฐานปี 2559 ที่ 3.60 บาท (upside 37%)

       -CK(ยูโอบีฯ) มองมีปัจจัยหนนุจาก Mega projects เช่นทางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปีหน้า ,การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL น่าจะอนุมัติเร็วๆนี้ นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการลูก บริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1.7 หมื่นล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญาไตรมาส 1/59 ขณะที่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4  sale & earnings ไม่ค่อยดี ส่วนโครงการ mega projects ประมูลชนะปีนี้เริ่มทำปีหน้า ดังนั้น ช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK โดยราคาปัจจุบันให้ upside สูงกว่าคู่แข่งทั้ง ITD และ STEC

      -TOP(ไอร่า) ให้ราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 78 บาท โดยคาดผลการดำเนินงานของ TOP จะออกมาโดดเด่น ในช่วง ไตรมาส 4/58 จากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง โดยล่าสุดค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7-9 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากค่าเฉลี่ย 6.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เมื่อไตรมาส 3/58 หลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และฤดูหนาวในช่วงปลายปี ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจะส่งผลให้มีขาดทุนจากกสต็อกน้ำมันบ้าง ประมาณ 1,500 - 1,800 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/58 ซึ่งไม่มากนัก เมื่อเทียบกับ 4,654 ล้านบาท เมื่อไตรมาส 3/58 ที่ผ่านมา และคาดขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น  ขณะที่คาดผลการดำเนินงานในปี 59 จะไม่มีผลกระทบจากขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก และจะมีกำไรจากโรงไฟฟ้า SPP และโครงการ LAB เข้ามาเสริม คาดกำไรสุทธิ 13,310 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ซึมซับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

      ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,630.87 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,760.05 จุด เพิ่มขึ้น 5.33 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,480.59 จุด เพิ่มขึ้น 15.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,995.92 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,924.10 จุด เพิ่มขึ้น 6.19 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.59 จุด ลดลง 0.30 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน

    ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

      นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่กรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำ และการจ้างงานจะยังคงมีเสถียรภาพ

    นายดัดลีย์ ยังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่จะคาดว่าภาวะเงินเฟ้อและการจ้างงานจะสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดในไม่ช้า ซึ่งจะทำให้กรรมการเฟดเริ่มคิดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น

     ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า สหรัฐจะกลับไปสู่ยุคที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมแต่ละครั้ง

      นายบูลลาร์ด กล่าวว่า หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกแล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละครั้ง นอกจากนั้นยังกล่าวเสริมว่า เฟดจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบาย โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ

 ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดขยับขึ้น 4.70 จุด บวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 5

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) โดยปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้

    ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 4.70 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 6,334.63 จุด

     หุ้นอิมพีเรียล โทแบคโค กรุ๊ป พีแอลซี เจ้าของบุหรี่แบรนด์ดังอย่างวินสตันและดาวิดอฟ ทะยาน 1.8% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลง โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พีแอลซี ร่วงลง 2% หุ้นบีพี พีแอลซี ลดลง 1% และหุ้นบีจี กรุ๊ป พีแอลซี ร่วง 1.9%

     ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า  เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังประธาน ECB ส่งสัญญาณกระตุ้นศก.

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.2% ปิดที่ 381.79 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 4.13 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 4,910.97 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเพิ่มขึ้น 34.39 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 11,119.83 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 4.70 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 6,334.63 จุด

   นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวสุนทรพจน์ที่แฟรงก์เฟิร์ตว่า ECB จะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็น เพื่อที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า นโยบายของ ECB ยังไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้

     นายดรากียังได้กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ ECB ซึ่งอยู่ในระดับติดลบด้วยเช่นกัน ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า ECB อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก นอกจากนี้ ประธาน ECB ยังได้เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของโครงการซื้อพันธบัตรของ ECB ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจจะมีการขยายวงเงินในการซื้อพันธบัตร

     ทั้งนี้ นักลงทุนต่างจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายดรากี เพื่อประเมินว่า ECB จะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มากขึ้นหรือไม่ในการประชุมวันที่ 3 ธ.ค.นี้

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 91.06 จุด หลังนลท.ซึมซับถ้อยแถลงจนท.เฟดเรื่องขึ้นดบ.

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ในวันศุกร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐ

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,823.81 จุด ดัชนี S&P500 บวก 7.93 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,089.17 จุด และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 31.28 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 5,104.92 จุด

     นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่กรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำ และการจ้างงานจะยังคงมีเสถียรภาพ

     นายดัดลีย์ยังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่จะคาดว่าภาวะเงินเฟ้อและการจ้างงานจะสอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดในไม่ช้า ซึ่งจะทำให้กรรมการเฟดเริ่มคิดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น

     ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า สหรัฐจะกลับไปสู่ยุคที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมแต่ละครั้ง

     นายบูลลาร์ดกล่าวว่า หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกแล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละครั้ง นอกจากนั้นยังกล่าวเสริมว่า เฟดจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบาย โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ

      ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า  เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!