WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET8 copyภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวน์หลังน้ำมันพุ่ง-เหตุรุนแรงในฝรั่งเศสแค่ช่วงสั้น

   นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์ต่อ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นทั่วหน้า และตลาดต่างประเทศก็ถือว่าแกร่งกว่าที่คาดไว้ จากที่มีแรงช้อนซื้อเข้ามา คงเป็นผลจากที่มองว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในฝรั่งเศสน่าจะกระทบแค่ระยะสั้นเท่านั้น  นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็รีบาวน์ขึ้นด้วย

      ส่วนปัจจัยในประเทศจะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของไทยออกมาดีกว่าคาด อย่างตัวเลข GDP ของไทยงวดไตรมาส 3/58 ที่ออกมาดีกว่าคาดเติบโตถึง 2.9% จากที่ตลาดคาดโต 2.6% ทำให้นักลงทุนมีมุมมองด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

     อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจากฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ โดยฝั่งยุโรปเป็นตัวเลขผลสำรวจภาวะธุรกิจ ส่วนฝั่งสหรัฐฯให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

   พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,395 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(16 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,483.01 จุด พุ่งขึ้น 237.77 จุด(+1.38%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,984.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.74 จุด(+1.15%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,053.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.15 จุด(+1.49%)

        - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 247.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 23.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 304.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 73.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 24.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.65 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.28 จุด

        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(16 พ.ย.58)1,388.62 จุด เพิ่มขึ้น 6.16 จุด(+0.45%)

       - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,266.84 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 พ.ย.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 พ.ย.58) ปิดที่ 41.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 2.3%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 พ.ย.58)ที่ 9.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.96/98 แกว่งแคบในทิศทางอ่อนค่า มองกรอบ 35.85-36.05

     - "ปรเมธี วิมลศิริ"เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เผยเศรษฐกิจไทยปี 2559 จะขยายตัว 3-4% จาก 2.9% ในปีนี้ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การอ่อนค่าของเงินหยวนและเงินสกุลสำคัญๆ ในประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และภัยแล้งในประเทศ

    - นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มนักท่องเที่ยวตลาดยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร จะเดินทางมาท่องเที่ยวและพำนักระยะยาวในประเทศไทย ในช่วงเดือนพ.ย.58-ก.พ.59 เพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน ภายหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีส ของฝรั่งเศส

     - ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 16 พ.ย.มีมติอนุมัติมาตรการเร่งรัดการลงทุนเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2557-30 มิ.ย. 2559 ทั้งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ทั่วไป ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนเพิ่มเติม ให้สามารถได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 1-4 ปี แต่ไม่เกิน 8 ปี ตามเงื่อนไขของบีโอไอที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี

      - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการเรียกเก็บเงินตามเช็คล่าสุด ณ สิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ทั้งระบบทั่วประเทศมีปริมาณเช็คเรียกเก็บรวมทั้งสิ้น 5.5 ล้านใบ มีมูลค่ารวม 2.95 ล้านล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน 9.2% และ 11% ตามลำดับ

       - สคร.กำหนดกรอบศึกษา 'ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์' เสร็จธันวาคมนี้ จัดตั้งกองทุนได้ปีหน้า ดูรูปแบบจาก 'เกาหลีใต้-ฟิลิปปินส์' ประยุกต์ใช้เป็นแบบไทย ระดมทุนเงินจากเอกชนใช้เป็นทุนในโครงสร้างพื้นฐานประเทศ หวังลดภาระหนี้สาธารณะ

*หุ้นเด่นวันนี้

   - ASK(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 22 บาท กำไร 3Q15 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 177 ล้านบาท +3.7% Q-Q, +3.8% Y-Y จากการบริหาร Spread ได้ดีเยี่ยมผ่านการลดต้นทุนการเงินและการเพิ่ม Yield ของพอร์ตสินเชื่อ แนวโน้มกำไร 4Q15 น่าจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องเพราะเป็น high season แม้สินเชื่อปีนี้ไม่โตแต่ชดเชยได้จาก Spread ที่ดีขึ้น ทำให้คาดกำไรสุทธิปีนี้ +4% Y-Y และคาดจ่ายปันผล 1.35 บาท/หุ้น Yield 6.7%

   - SIRI(ไอร่า)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 2.10 บาท รายงานผลกำไรสุทธิ 3Q58 จำนวน 1,061 ล้านบาท เติบโต 18%QoQ และ 34%YoY จากยอดโอนโครงการที่เติบโตมากถึง 7%QoQ และ 43%YoY พร้อมคาดรายได้ปี 59 เติบโตต่อเนื่องที่ 35,964 ล้านบาท เติบโต 5.4% จาก Backlog รอโอนปี 59 จำนวน 11,032 ล้านบาท และการขายโอนโครงการคอนโดฯสร้างเสร็จก่อนขายที่จะเปิดตัวในปี 59

     - THCOM(ยูโอบี เคย์เฮียน)"ทยอยสะสม"ถ้าราคาต่ำกว่า 30 บาท รอไปเล็งขายอีกทีใกล้ ๆ 40 บาท ได้ปัจจัยหนุนระยะยาวจาก Earning ที่โตขึ้นเรื่อยๆ หนุนจาก THCOM7 ที่ utilization จะเต็ม 100% ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนปีหน้าก็จะรับรู้รายได้เต็ม ๆ ปี และ THCOM8 ยิงสู่ท้องฟ้ากลางปี 59 และปลายปี 59 utilization จะโตเต็มใกล้ 100% รวมทั้งปัจจุบันเป็นหุ้นที่มี upside สูงที่สุดในกลุ่มสื่อสาร

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ หลังนักลงทุนคลายวิตกเหตุโจมตีปารีส

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินเยน ขณะเดียวกันนักลงทุนก็เริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีปารีสเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

     ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.6% แตะ 131.31 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,641.67 จุด เพิ่มขึ้น 247.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,629.98 จุด เพิ่มขึ้น 23.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,315.18 จุด เพิ่มขึ้น 304.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,369.14 จุด เพิ่มขึ้น 73.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,967.36 จุด เพิ่มขึ้น 24.34 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,934.38 จุด เพิ่มขึ้น 18.65 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,661.28 จุด เพิ่มขึ้น 5.28 จุด

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงหนุนจากการปิดพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของภาคเอกชน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 28.10 จุด จากแรงซื้อหุ้นยุทโธปกรณ์

  ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มยุทโธปกรณ์ด้านการป้องกันประเทศ ในขณะที่หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวปรับตัวลง หลังจากเหตุก่อการร้ายในฝรั่งเศสส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

  ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 28.10 จุด หรือ 0.46% ที่ 6,146.38 จุด

  หุ้นกลุ่มผู้รับสัมปทานยุทโธปกรณ์ด้านการป้องกันประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์เพิ่มขึ้น 2.8% หุ้นบีเออี ซิสเท็มส์ เพิ่มขึ้น 2.5% และหุ้นเม็กกิทท์ เพิ่มขึ้น 1.2% หลังรัฐบาลฝรั่งเศสเปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายของรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรียเพื่อตอบโต้เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสหลังจาก IS ประกาศความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    แต่อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวปรับตัวลดลงหลังจากนายมานูเอล แวลล์ส นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสกล่าวว่า ข้อมูลข่าวกรองบ่งชี้ว่า กลุ่ม IS อาจจะก่อเหตุโจมตีครั้งใหม่ในฝรั่งเศสหรือในประเทศอื่นๆของยุโรป โดย หุ้น TUI AG ลดลง 4.1% และหุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล คอนโซลิเดดเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ร่วงลง 2.8%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก จากแรงซื้อเก็งกำไร,หุ้นพลังงานพุ่ง

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และแรงช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดร่วงลงในช่วงเปิดทำการ อันเนื่องมาจากเหตุวินาศกรรรมในกรุงปารีส

    ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 370.64 จุด

    ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ระดับ 10,713.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด หรือ +0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,146.38 จุด เพิ่มขึ้น 28.10 จุด หรือ +0.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,804.31 จุด ลดลง 3.64 จุด หรือ -0.08%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากตลาดเปิดร่วงลงเมื่อวานนี้ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส

    สำหรับ สถานการณ์ล่าสุดในฝรั่งเศสนั้น นายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ต่อชาวฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ว่า ฝรั่งเศสจะขยายเวลาการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินออกไปเป็น 3 เดือนนับตั้งแต่วันพุธนี้ และจะมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกกว่า 5,000 อัตราในช่วงเวลา 2 ปี

       นายออลลองด์กล่าวว่า เขาจะจัดการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียภายในเวลาอีกไม่กี่วันข้างหน้า นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่า เหตุโจมตีกรุงปารีสเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีการวางแผนในซีเรีย และรวมตัวกันในเบลเยียม และเหตุวินาศกรรมดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจาก 19 ชาติ

     หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจเดินทาง โดยหุ้นแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม ร่วงลง 5.7% หุ้นแอโรพอร์ทส์ เดอ ปารีส ดิ่งลง 3.7%

    นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 27-28 ต.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปในวันนี้ด้วย โดยในเวลา 16.30 น.ตามเวลาไทย ทางการอังกฤษจะเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อเดือนต.ค. และในเวลา 17.00 น.ตามเวลาไทย สถาบัน ZEW จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนีเดือนพ.ย.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 237.77 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกว่า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของภาคเอกชน

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,483.01 จุด พุ่งขึ้น 237.77 จุด หรือ +1.38% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,984.62 จุด เพิ่มขึ้น 56.74 จุด หรือ +1.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,053.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.15 จุด หรือ +1.49%

        ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดในแดนลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากเหตุการณ์โจมตีกรุงปารีสซึ่งคร่าชีวิตประชาชนจำนวนมาก และจากความวิตกกังวลที่กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (IS) ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเตือนประเทศที่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่ม IS ในซีเรียว่า ประเทศเหล่านี้จะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับฝรั่งเศส

   อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ตลาดดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกและสามารถปิดตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสจะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของภาคเอกชน

   หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นปิดพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.58% และหุ้นเชฟรอนทะยานขึ้น 4.38%

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ไม่ได้เทขายหุ้นหลังจากที่เกิดเหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส

    อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินและหุ้นกลุ่มธุรกิจเดินทางทางเรือ ต่างก็ปรับตัวลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า เหตุวินาศกรรมในปารีสอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.43% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ดิ่งลง 1.22% และหุ้นเดลตา แอร์ไลน ร่วงลง 2.16% ส่วนหุ้นในกลุ่มธุรกิจทางเรือนั้น หุ้นคาร์นิวัล ร่วงลง 1.53% และหุ้นเอ็กซ์พีเดีย ปรับตัวลง 2.13%

    หุ้นสตาร์วูด โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เวิล์ดไวด์ ร่วงลง 3.63% หลังจากมีรายงาว่า แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทุ่มเงิน 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าซื้อสตาร์วูด ส่งผลให้แมริออทขึ้นแท่นเป็นบริษัทในธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

    ทั้งนี้ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงดังกล่าว จะเชื่อมโยงโรงแรมในเครือของสตาร์วูด ซึ่งได้แก่ เชอราตัน, เวสติน และเซนต์เรจิส เข้ากับโรงแรมในเครือของแมริออท ซึ่งได้แก่ คอร์ทยาร์ด, ริทซ์-คาร์ลตัน และแฟร์ฟิลด์ อินน์

    นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 27-28 ต.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย เฟดสาขานิวยอร์ครายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) อยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการขยายตัวที่อ่อนแอในต่างประเทศ

    ทั้งนี้ ดัชนีขยับขึ้นสู่ระดับ -10.7 จาก -11.4 ในเดือนต.ค.  อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ในรอบ 8 เดือน หลังจากทรุดตัวในเดือนส.ค. แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!