WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อตัวลงก่อนดีดตัว รับข่าวเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย

    นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดัชนีน่าจะย่อตัวลงมาก่อนดีดตัวขึ้น มาจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์น่าจะปรับตัวแข็งค่า กดดันสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งมองว่าดัชนีน่าจะย่อตัวลงมาก่อน ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งตัวสลับบวกลบ

      อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย. และปัจจัยในประเทศที่จะมีการประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติรถไฟทางคู่ในระยะต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,412 จุด ส่วนแนวต้าน 1,429-1,438 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(4 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,867.58 จุด ลดลง 50.57 จุด(-0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,142.48 จุด ลดลง 2.65 จุด(-0.05%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.31 จุด ลดลง 7.48 จุด(-0.35%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 102.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 8.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.47 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 11.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.19 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(4 พ.ย.58)1,423.42 จุด เพิ่มขึ้น 10.80 จุด(+0.76%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 92.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 พ.ย.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(4 พ.ย.58) ปิดที่ 46.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 3.3%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(4 พ.ย.58)ที่ 7.35 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 35.54/55 กลับมาอ่อนค่าหลังวานนี้ลงแรง คาดกรอบวันนี้ 35.50-35.60

                - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ จะประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในช่วงปีครึ่งจากนี้ไปในช่วงที่รัฐบาลนี้ยังอยู่ หากไม่ปรับตัวไทยจะต้องเผชิญการส่งออกติดลบลงเรื่อยๆ กำลังซื้อก็ถดถอย

                - นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยปี 2558 โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี(เทียร์ 2-3)ได้โดนควบรวมกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติที่มาลงทุนในไทย หรือปรับตัวไปทำธุรกิจอื่นถึง 500 ราย จาก 1,700 ราย หายไปเหลือ 1,200 ราย

                - พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)มีมติให้คงราคาก๊าซหุงต้ม(LPG)เดือน พ.ย.58 ไว้ที่ 22.29 บาท/กก.แม้ราคา แอลพีจีตลาดโลกจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตามเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน และให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยในอัตรา 0.6130 บาท/กก.จากเดิมที่จัดเก็บ 0.0827 บาท/กก. ซึ่งจะทำให้กองทุนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากเดิมเดือนละ 54 ล้านบาทเป็นเดือนละ 305 ล้านบาท

                - ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เปิดเผยว่า ได้ส่งรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)เพิ่มเติมในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูนราษฎร์บูรณะ ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.)พิจารณาแล้ว แต่ผลจากแนวเส้นทางเลี่ยงชุมชนระยะทาง 5 กม. ทำให้วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติในต้นปีหน้า

                - ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทีโอที เข้ายื่นฟ้องศาลปกครองกลางเพื่อฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เลขาธิการ กสทช.ตลอดจนกรรมการทุกคนรวมถึงอดีตคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ชุดก่อนที่จะมี กสทช.เพื่อขอให้ศาลพิจารณาชี้ขาดว่าสิทธิในการใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ของทีโอทีสิ้นสุดลงเมื่อใด

                - ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC SCB) ประเมินคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวานนี้ จากมุมมองเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน โดยครั้งนี้ กนง. กล่าวว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยการใช้จ่ายในประเทศปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน และการลงทุนของบางสาขาธุรกิจ ซึ่งแตกต่าง จากการประชุมวันที่ 16 กันยายนที่ กนง. แสดงความกังวลด้านรายได้ครัวเรือนและความเชื่อมั่นภาคเอกชน

*หุ้นเด่นวันนี้

                - AOT(โกลเบล็ก)เป้า Consensus เฉลี่ย 344 บาท คาดรายได้และกำไรเติบโตขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยสสท.คาดนักท่องเที่ยปี 2558 +13% เป็น 28 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน และโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 โดยผ่าน EIA แล้วคาดเปิดประมูลได้ภายในปี 59 ช่วยหนุนต่อรายได้และกำไรในอนาคตเนื่องจากจะรองรับผู้โดยสารได้ 85 ล้านคน/ปี ทั้งนี้ เดือนส.ค. ผู้ใช้สนามบินโตขึ้นราว 25%, ยอดผู้โดยสาร 10 เดือนแรกกว่า 89 ล้านคน

                - CK(ยูโอบี เคย์เฮียน) Mega projects เช่นรางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปีหน้า, การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL น่าจะอนุมัติเดือน พ.ย.นี้, นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการลูก บริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1 หมื่น 7 พันล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญา Q1 ปีหน้า อีกทั้ง Q3 & Q4 sale & earnings ไม่ค่อยดี โครงการ mega projects ประมูลชนะปีนี้เริ่มทำปีหน้า ช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK โดยราคาปัจจุบันให้ upside สูงกว่าคู่แข่งทั้ง ITD และ STEC

                - HMPRO(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 8.80 บาท เข้าสู่ฤดูกาลใช้สอยช่วงท้ายปี คาดเมกาโฮมกำไรเต็มปี 2559

                - TCAP (ทรีนีตี้)เป้าปี 59 ที่ 43 บาท อิง PBV 1 เท่า มองแนวโน้มการเติบโตของกำไร และการเพิ่มขึ้นของ NPL Coverage Ratio มีทิศทางที่สดใสมากกว่ากลุ่มฯ

                - CENTEL(ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 43 บาท คาดไตรมาส 3/58 กำไรกว่า 250 ล้านบาท(มากกว่าที่เราประเมินไว้เบื้องต้นที่ 192 ล้านบาท)เติบโต 49% yoy เป็นผลจากธุรกิจโรงแรมโตได้ดีจากทั้งอัตราการเข้าพักและรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก ขณะที่ธุรกิจอาหารทรงตัว ปัจจัยหนุนระยะสั้นยังมาจากหากซื้อสาขา KFC 120-150 แห่งจาก Yum สำเร็จ เชื่อบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 3 พันล้านบาทในปี FY16 (+13% จากประมาณการในปัจจุบันที่ 2.24 หมื่นล้านบาท) กำไรสุทธิจะเพิ่ม 14% เป็น 2.4 พันล้านบาท (1.79 บาท/หุ้น) จากปัจจุบันที่คาดไว้ 2.12 พันล้านบาท (1.57 บาท/หุ้น)

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ หลังเยนอ่อนค่าหนุนหุ้นญี่ปุ่นทะยาน

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากถ้อยแถลงของประธานเฟดได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบเยน ส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้น

      ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 134.92 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,029.44 จุด เพิ่มขึ้น 102.53 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,459.22 จุด ลดลง 0.42 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,045.10 จุด ลดลง 8.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,858.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,049.30 จุด ลดลง 3.47 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,029.44 จุด ลดลง 11.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,683.43 จุด ลดลง 2.19 จุด

      ทั้งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 29.27 จุด รับผลประกอบการเอกชนสดใส

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นเกลนคอร์ หลังบริษัทเปิดเผยข้อมูลที่เป็นบวกเกี่ยวกับภาระหนี้สินของบริษัท

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.27 จุด หรือ 0.46% ที่ 6,412.88 จุด

     หุ้นเกลนคอร์นำตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยพุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ระบุว่าบริษัทมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการปรับลดหนี้สินของบริษัท พร้อมกับยืนยันว่าธุรกิจการค้าของบริษัทมีผลประกอบการที่สอดคล้องกับการคาดการณ์

    หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ กรุ๊ป ซึ่งประกอบธุรกิจห้างซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 2.8% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มกำไรสำหรับตลอดทั้งปี

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจ บริษัทมาร์กิต อิโคโนมิคส์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคบริการของอังกฤษปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือนต.ค. จาก 53.3 ในเดือนก.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

   อย่างไรก็ดี ผลผลิตมีการขยายตัวต่ำสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เดือนพ.ค.2013 ขณะที่ธุรกิจใหม่ไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นจากเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 29 เดือน

 ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับ ECB ประกาศพร้อมกระตุ้นศก.ยูโรโซน

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศความพร้อมที่จะใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 380.28 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,948.29 จุด เพิ่มขึ้น 12.11 จุด หรือ +0.25% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,845.24 จุด ลดลง 105.91 จุด หรือ -0.97% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,412.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.27 จุด หรือ +0.46%

      ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากนายดรากีส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เยอรมนีเมื่อวานนี้ว่า ECB พร้อมที่จะใช้นโยบายสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนต่อไป

                ก่อนหน้านี้ นายดรากี ประกาศว่า ECB จะทำการทบทวนในเดือนธ.ค.เพื่อพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้ พ้อมกับกล่าวว่าจะยังคงตรึงวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และย้ำว่า ECB อาจตัดสินใจขยายเวลาการใช้มาตรการ QE ให้นานกว่าเดือนก.ย.2016 ที่กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของยูโรโซน และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2%

     หุ้น ING ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 2% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลกำไรสุทธิประจำไตรมาส 3/2558 เพิ่มขึ้น 15% แตะ 1.06 พันล้านยูโร (1.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนผลกำไรก่อนหักภาษีปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% แตะ 1.5 พันล้านยูโร

    หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งกว่าคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ด้วย

     อย่างไรก็ตาม หุ้นโฟล์คสวาเกน ร่วงลง 9.5% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยในรายงานครั้งล่าสุดว่า มีรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการปล่อยไอเสียจำนวน 800,000 คัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายจำนวน 2 พันล้านยูโร (2.2 พันล้านดอลลาร์)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 50.57 จุด หลัง เยลเลนส่งสัญญาณขึ้นดบ.เดือนหน้า

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,867.58 จุด ลดลง 50.57 จุด หรือ -0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,142.48 จุด ลดลง 2.65 จุด หรือ -0.05%  ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,102.31 จุด ลดลง 7.48 จุด หรือ -0.35%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากนางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.

    ทั้งนี้ นางเยลเลนระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวในอัตราที่เพียงพอต่อการสร้างความคืบหน้าในตลาดแรงงาน และช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง และหากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับให้การสนับสนุนการคาดการณ์ดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า แต่เรายังไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆในเรื่องนี้"

     อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลการสำรวจของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 182,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

        ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของ ISM เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.1% ในเดือนต.ค. จากระดับ 56.9% ในเดือนก.ย.

      หุ้นเฟซบุ๊กปรับตัวขึ้นกว่า 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

    หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดิ่งลงเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลงอย่างน้อย 1% ขณะที่หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 2%

    หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ร่วงลงรุนแรงกว่า 10% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2558 ขณะที่หุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ร่วงลง 2% และหุ้นเวียคอม ดิ่งลง 6.6%

    นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008

      สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นในไตรมาส 3/2558 ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และสินเชื่อผู้บริโภคเดือนก.ย.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 4พ.ย.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,867.58 จุด                         ลดลง 50.57จุด     -0.28%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,142.48 จุด                      ลดลง 2.65จุด      -0.05%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,102.31 จุด                       ลดลง 7.48จุด      -0.35%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,412.88 จุด                    เพิ่มขึ้น 29.27จุด    +0.46%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,845.24 จุด                           ลดลง105.91 จุด    -0.97%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,948.29 จุด                        เพิ่มขึ้น 12.11จุด    +0.25%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,857.02 จุด                           เพิ่มขึ้น143.83 จุด   +1.65%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,294.80 จุด     เพิ่มขึ้น 3.60จุด     +0.07%ง

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,242.30 จุด           เพิ่มขึ้น 3.10จุด     +0.06%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,926.91 จุด                     เพิ่มขึ้น243.67 จุด   +1.30%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,052.77 จุด                        เพิ่มขึ้น 4.37จุด     +0.21%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,459.64 จุด                     เพิ่มขึ้น142.94 จุด   +4.31%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,201.02 จุด             ลดลง 9.71จุด      -0.13%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,053.57 จุด                              เพิ่มขึ้น485.14 จุด   +2.15%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,612.57 จุด      เพิ่มขึ้น 79.48จุด    +1.75%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,685.62 จุด                      เพิ่มขึ้น 8.06จุด     +0.48%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,040.48 จุด                      เพิ่มขึ้น40.92 จุด    +1.36%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,552.92 จุด                        ลดลง 37.67จุด     -0.14%

           

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,867.58 จุด ลดลง 50.57 จุด หรือ -0.28%ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,142.48 จุด ลดลง 2.65 จุด หรือ -0.05%  ดัชนี S&P500 ปิดที่2,102.31 จุด ลดลง 7.48 จุด หรือ -0.35%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศความพร้อมที่จะใช้นโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 380.28 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,948.29 จุด เพิ่มขึ้น 12.11 จุด หรือ +0.25%ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,845.24 จุด ลดลง 105.91 จุด หรือ -0.97% ดัชนีFTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,412.88 จุด เพิ่มขึ้น 29.27 จุด หรือ +0.46%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นเกลนคอร์ หลังบริษัทเปิดเผยข้อมูลที่เป็นบวกเกี่ยวกับภาระหนี้สินของบริษัท

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.27 จุด หรือ 0.46% ที่ 6,412.88 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว   

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 46.32ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่48.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และหลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.9ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,106.2 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 18.1 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 15.058ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ 954.8ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 20.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 623.40ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐอาจจะช่วยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0856 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0963ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5376 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5434 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.57 เยน จาก 121.06 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9942 ฟรังก์ จาก 0.9906 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7150 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7199 ดอลลาร์

 

     ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 657.00 จุด ลดลง 23.00 จุด, -3.38%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!