WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET15 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นข้อมูลภาคการผลิตทั่วโลกดี,หวังรัฐต่ออายุ LTF

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดมีโอกาสบวกขึ้นต่อ หลังข้อมูลภาคการผลิตทั่วโลกดีกว่าคาด เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ และตัวเลข PMI ของยุโรป แต่จีนถึงแม้ตัวเลข PMI หลักที่เป็นทางการทรงตัว แต่ PMI มีโอกาสดีขึ้นสะท้อนอุตสาหกรรมขนาดกลาง ขนาดเล็ก ซึ่งก็จะสะท้อนภาคเศรษฐจีนได้ดีกว่า

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากในประเทศ ที่กระทรวงการคลังจะเสนอครม.เพื่อพิจารณาต่ออายุสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบรรยากาศการลงทุน และช่วยหนุนแนวโน้มการลงทุนโดยเฉพาะจากนี้จนถึงปลายปี และให้มีความต่อเนื่องไปอีกหลายปีด้วย

    พร้อมให้แนวรับ 1,405 และ 1,400 จุด แนวต้าน 1,420-1,430 จุด

     "หลังดัชนียืนเหนือ 1,400 จุด ได้ โอกาสของการเทรดดิ้งระยะสั้นในกรอบ 1,400-1,430 จุด โดยให้หาจังหวะซื้อเมื่อลงมาแนวรับ และขายทำกำไรที่แนวต้าน แต่ตราบใดที่ดัชนียังไม่ทะลุ 1,430 จุด ให้เทรดในกรอบนี้ไปก่อน กลุ่มที่จะปรับขึ้นมาใหม่ได้น่าจะเป็นหุ้นใหญ่ที่ได้รับผลจาก เม็ดเงิน LTF และ RMF เช่น กลุ่มแบงก์ และนิคมฯ ซึ่งกระทรวงการคลังอาจมีการชงกระตุ้นการลงทุนด้วย"นายอภิชาติ กล่าว

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

       - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 พ.ย.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.76 จุด พุ่งขึ้น 165.22 จุด (+0.94%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.15 จุด เพิ่มขึ้น 73.40 จุด (+1.45%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,104.05 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด (+1.19%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 233.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 27.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.00 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 28.44 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 7.36 จุด,ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง และดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ไม่เปลี่ยนแปลง

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (3 พ.ย.) เนื่องในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 พ.ย.58)1,413.34 จุด เพิ่มขึ้น 18.40 จุด(+1.32%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 295.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 พ.ย.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 พ.ย.58) ปิดที่ 46.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 45 เซนต์ หรือ 1%

        - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 พ.ย.58)ที่ 7.08 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 35.53/55 ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร-เงินเฟ้อสหรัฐฯ

     - คลังชงครม.วันนี้ ใช้ "พีพีพีฟาสต์แทรค" ร่นระยะเวลาพิจารณาเมกะโปรเจคเหลือ 9 เดือน รองรับร่วมลงทุนรถไฟไทย-ญี่ปุ่น พร้อมนำร่องรถไฟฟ้า 7 เส้นทาง ขณะคมนาคมเร่งศึกษาอีก 20 โครงการ

    - สรท. ระบุ หากไทยตกขบวนทีพีพี ศักยภาพแข่งขันทรุด เผยข้อกำหนด "โลคอล คอนเทนต์" ใช้ชิ้นส่วนในประเทศสมาชิกไม่ต่ำกว่า 55% กระทบผู้ผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ไทยรุนแรง ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม ลดคำสั่งซื้อ เผย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้เตรียมเข้าร่วมทุบ ส่งออกไทยถดถอย "พาณิชย์" เตรียมเสนอ ข้อมูลให้ "สมคิด" วันที่5 พ.ย.นี้ ชี้ต้องศึกษารอบด้าน

      - บอร์ดกทค.สั่งเลื่อนประมูล 4จีคลื่น 900 กลับไปยังกรอบเดิม15 ธ.ค.นี้ "ฐากร" อ้างต้องรอบด้าน พร้อมรับฟังข้อเสนอทีดีอาร์ไอ เว้นช่วงประมูล เสนอครม.รับทราบวันนี้เผยเบื้องหลังเลื่อนประมูลคลื่น 900 หวังสร้าง การแข่งขันดึงเงินเข้ารัฐเพิ่มคลังลดค่าธรรมเนียม50% จูงใจเอกชนเขตศก.พิเศษ

     - "คลัง" เสนอครม.วันนี้ ลดค่าธรรมเนียม เขตเศรษฐกิจพิเศษ 50% พร้อมให้เก็บค่าเช่าตาม "ธนารักษ์" เสนอ  เตรียมพื้นที่ 2 หมื่นไร่รองรับนโยบายบ้านคนจน ในจำนวนนี้ไม่มีพื้นที่ในเขตกรุงเทพ

*หุ้นเด่นวันนี้

      - กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง(กรุงศรี)"ซื้อ"CK (เป้า 30) ITD (เป้า 8.30) STEC (เป้า 30) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอลดขั้นตอน PPP ให้สั้นลงเข้าครม.วันนี้ เชื่อเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มรับเหมา วันนี้กระทรวการคลังจะเสนอวิธีการในการย่นระยะเวลา PPP ให้สั้นลง เนื่องจากกระบวนการขั้นตอนทำงานของการลงทุนรัฐร่วมกับเอกชน (PPP) ยังเกิดความล่าช้า โดยจะนำเสนอครม.วันนี้เชื่อว่าหากครม.มีมติผ่านก็จะส่งผลดีต่อโครงการภาครัฐที่รอดำเนินการอยู่สามารถเดินหน้าประมูลและก่อสร้างได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

     - KBANK(ทรีนิตี้)"ซื้อ"เป้า 207 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารได้ชี้แจงถึงภาพรวมธุรกิจของธนาคารในปี 58-59 ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องอาจกดดันให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโตน้อยลง ปีหน้าอาจโตไม่เกิน 10% จากฐานรายได้ปีนี้สูงขึ้นด้วย ขณะที่ลูกค้า SME ขนาดเล็กประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องมากขึ้น ธนาคารคาด NPL ณ สิ้นปี 58 และ 59 อาจปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% และ 3.5% ตามลำดับ จาก 3Q58 อยู่ที่ 2.62% ทำให้ธนาคารปรับเพิ่มแนวโน้มสำรองหนี้สูญ คิดเป็น Credit Cost ที่ 170 bps จากในช่วง 9M58 ตั้งสำรองคิดเป็น Credit Cost ที่ราว 151 bps ด้วยแนวโน้มดังกล่าว เชื่อว่ากำไร 4Q58 จะอ่อนตัวลงแรง เนื่องจากสำรองในช่วง 4Q58 อาจพุ่งขึ้นไปถึง 9.3 พันล้านบาท (233 bps)

   - AAV(ฟินันเซียไซรัส)"ซื้อ"เป้า6บาท หากไม่รวมขาดทุนจาก FX ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิ -63% Q-Q เราคาดกำไรปกติ 3Q15 ทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนที่ 287 ล้านบาทซึ่งพลิกจากขาดทุนใน 3Q14 จากการเติบโตของผู้โดยสารและค่าโดยสารเฉลี่ยที่เราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% Y-Y แนวโน้มกำไรจะยิ่งดีขึ้นในอีก 2 ไตรมาสข้างหน้าตามฤดูกาล เป้าหมายปีนี้ 6 บาท เราอยู่ระหว่างปรับราคาเป้าหมายปีหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเวลาประมาณ 9.50 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,330.32 จุด เพิ่มขึ้น 5.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,603.15 จุด เพิ่มขึ้น 233.11 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,643.21 จุด เพิ่มขึ้น 28.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,042.60 จุด เพิ่มขึ้น 7.36 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,001.72 จุด เพิ่มขึ้น 27.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,665.07 จุด เพิ่มขึ้น 1.00 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันวัฒนธรรมแห่งชาติ

      ตลาดหุ้นในเอเชียดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 54.1 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.0 ของตัวเลขเบื้องต้น โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว

     ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวได้ดีกว่าระดับ 53.1 ของเดือนก.ย. และยังแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53.0 ในเดือนต.ค.

                ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีครึ่งในเดือนก.ย. โดยพุ่งขึ้น 0.6% สู่ระดับ 1.09 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2008 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 0.71 จุด รับภาคการผลิตอังกฤษขยายตัว

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เนื่องจากปัจจัยหนุนจากกิจกรรมภาคการผลิตของอังกฤษได้ช่วยสกัดแรงลบจากภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.71 จุด หรือ 0.01% ที่ 6,361.80 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาด หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน เพิ่มขึ้นแตะ 48.3 ในเดือนต.ค. จาก 47.2 ในเดือนก.ย.

     ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว แต่หากดัชนีสูงกว่า 50 จะบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า

      อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับปัจจัยหนุนในช่วงหลังหลังมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของอังกฤษพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ 55.5 ในเดือนต.ค. จากระดับ 51.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นหนึ่งในสถิติการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในประวิติศาสตร์ของการบันทึกสถิติเป็นระยะเวลา 24 ปี

       หุ้นเอชเอสบีซีลดลง 0.8% หลังจากเอชเอสบีซี ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารมีรายได้ลดลง 4% สู่ระดับ 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3

    หุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคัลส์ ร่วงลง 5.2% หลังบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ปรับลดคาการณ์อัตราการขยายตัวของธุรกิจลงเนื่องจากยอดขายยารักษาโรคข้อต่ออักเสบขยายตัวต่ำเกินคาด

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับ PMI ภาคการผลิตยูโรโซนขยายตัว

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากผลสำรวจของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของยุโรป

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.3% ปิดที่ 376.75 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,916.21 จุด เพิ่มขึ้น 18.55 จุด หรือ +0.38% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,950.67 จุด พุ่งขึ้น 100.53 จุด หรือ +0.93% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,361.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.71 จุด หรือ +0.01%

     ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคการผลิตจีน หลังจากดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน เพิ่มขึ้นแตะ 48.3 ในเดือนต.ค. จาก 47.2 ในเดือนก.ย. แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนี (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 52.3 ในเดือนต.ค. ระดับ 52.0 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่ได้มีการประเมินไว้เบื้องต้น

     มาร์กิตเปิดเผยว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ PMI ยูโรโซนขยายตัวนั้นมาจาก PMI เยอรมนี ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับยอดผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่

      หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6.6% ขานรับผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่หุ้นอัลฟา แบงก์ และหุ้นยูโรแบงก์ เออร์กาเซียส์ ซึ่งเป็นธนาคารของกรีซ ต่างก็ทะยานขึ้น 29% หลังจากรัฐบาลประกาศแผนให้ความช่วยเหลือภาคธนาคาร

     อย่างไรก็ตาม หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ปรับตัวลง 0.8% หลังจากเอชเอสบีซี ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ธนาคารมีรายได้ลดลง 4% สู่ระดับ 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3

     นอกจากนี้ เอชเอสบีซียังได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กร โดยมุ่งความสนใจมายังภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสร้างผลกำไรแก่ธนาคารคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่ามีจำนวนพนักงานเพียง 1 ใน 3 ของทั้งหมด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 165.22 จุด รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งนำโดยเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,828.76 จุด พุ่งขึ้น 165.22 จุด หรือ +0.94% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.15 จุด เพิ่มขึ้น 73.40 จุด หรือ +1.45% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,104.05 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด หรือ +1.19%

     ดัชนี ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 54.1 ในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.0 ของตัวเลขเบื้องต้น โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว

      ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวได้ดีกว่าระดับ 53.1 ของเดือนก.ย. และยังแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 53.0 ในเดือนต.ค.

      ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีครึ่งในเดือนก.ย. โดยพุ่งขึ้น 0.6% สู่ระดับ 1.09 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2008 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.

      หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเชฟรอนปรับขึ้น 4.5% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 17% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานที่คำนวณในดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 2.4%

     หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.7% หุ้น AbbVie ทะยานขึ้น 6.4% ส่วนหุ้น Dyax พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 28.4% หลังจากบริษัทไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษประกาศเข้าซื้อกิจการ Dyax มูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์

      หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 32% หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 24% หุ้นอเมซอนทะยานขึ้น 35% และหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 12.9%

     หุ้นวีซาร่วงลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาส 3 ปีนี้

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนต.ค.สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย. ส่วนวันพรุ่งนี้ ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค., และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการบริการเดือนต.ค.

     สำหรับ วันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และประสิทธิภาพการผลิต-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเบื้องต้นในไตรมาส 3/2558 ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และสินเชื่อผู้บริโภคเดือนก.ย.

                        อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!