WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET13 copyภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้แกว่งตัวในลักษณะ Wait & See รอดูผลประชุม ECB และเฟด

      นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยในช่วงเช้าดัชนีฯคงจะปรับตัวลงก่อนและมีการรีบาวน์ในระหว่างทางได้ เนื่องจากตลาดฯคงจะเป็นลักษณะ Wait & See โดยต่างจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าจะมีสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินหรือไม่ ถ้ามีก็จะมาช่วยกระตุ้นตลาดฯได้ แต่ตอนนี้ก็เชื่อว่าจะไม่น่าจะมีอะไร

     นอกจากนี้ ต่างก็ยังรอการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า ดังนั้นวันนี้หุ้นขนาดเล็กก็คงจะเด่นกว่าหุ้นขนาดใหญ่ โดยอาจมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะมีผลกำไรออกมาดี

     ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,409 จุด ส่วนแนวต้าน 1,426 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(21 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,168.61 จุด ลดลง 48.50 จุด(-0.28%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,840.12 จุด ลดลง 40.85 จุด(-0.84%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,018.94 จุด ลดลง 11.83 จุด(-0.58%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 110.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 28.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 193.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 8.83 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 5.42 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(21 ต.ค.58)1,415.80 ลดลง 2.83 จุด(-0.20%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 30.07 จุด เมื่อวันที่ 21 ต.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(21 ต.ค.58) ปิดที่ 45.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.4%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(21 ต.ค.58)ที่ 5.73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิดวันนี้ 35.63 ยังอ่อนค่าต่อตามภูมิภาคตามแรงซื้อดอลล์-รอผล ECB วันนี้

      - นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในปี 2559 คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในระดับ 3.6-3.7% เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐด้วยการเติมเงินในระดับฐานรากผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน การเร่งลงทุนภาครัฐ การส่งออกไปสหรัฐเริ่มดีขึ้น การท่องเที่ยวที่เติบโตสูง ขณะที่ปีนี้มองว่าจะขยายตัวได้ 2.7% ตามเป้าที่กำหนดไว้

     - ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดว่า หลายประเทศในเอเชียกำลังเสี่ยงต่อภาวะตำแหน่งงานที่จะหายไป เนื่องจากพัฒนาการของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ (โรบอต) การพิมพ์ 3 มิติ และเครือข่าย คลาวด์ คอมพิวติ้ง จะเข้ามาแทนที่และแย่งงานของคนเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เสี่ยงมากสุดเป็นอันดับ 2

      - 'ออมสิน' สั่ง ร.ฟ.ท.เร่งเดินหน้ารถไฟทางคู่ระยะที่ 2 รวม 6 เส้นทาง วงเงิน 1 แสนล้านบาท เปิดทางเอกชนร่วมลงทุนเพื่อให้รวดเร็ว ประมูลปี'60 สร้าง 3 ปีเสร็จ พร้อมสนองนโยบายรัฐบาลหาพื้นที่สร้างที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย คาดเชียงรากน้อยเหมาะสมสุด สัปดาห์หน้าสรุปผลชัดเจน

     - นายสมบูรณ์ หอตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม เผยสถานการณ์การส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ของปีนี้ มีมูลค่า 35,776 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 1.8% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากตลาดหลักที่ ส่งออก อย่างสหภาพยุโรป อียู) ญี่ปุ่น ยังไม่ฟื้นตัวนักมีสัดส่วนตลาดรวมกัน 23% แม้ว่าตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสัดส่วนส่งออก 18.85% อาเซียนมีสัดส่วน 18.33% และจีนมีสัดส่วน 8.87% จะขยายตัวก็ยังดึงส่งออกไม่ได้นัก โดยสินค้าที่ส่งออกลดลง เช่น อุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ส่วนแนวโน้มการส่งออกทั้งปีนี้ของสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คาดมีมูลค่า 54,039 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 3% ตามเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลัก เช่น อียู ญี่ปุ่น ที่ยังไม่ฟื้นตัว

*หุ้นเด่นวันนี้

    - SYNTEC (เคเคเทรด)เป้า 4 บาท คาดผลประกอบการ 3Q58 เติบโตดี (+13%QoQ, +1% YoY), Valuation ไม่แพง ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 11 เท่า ถูกกว่าหุ้นรับเหมาฯขนาดใหญ่ที่เทรดบริเวณ 20-30 เท่า

    - AP(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 8 บาท ซื้อขายที่ระดับ PE ที่ต่ำสุดของกลุ่มฯ ที่ 6.7 เท่า และ PBV ที่ 1.0 เท่า ซึ่งเชื่อสมควรที่ราคาหุ้นจะได้รับการ re-rating จากการมียอด presales ที่โดดเด่น ซึ่งน่าจะทำให้ปีนี้มียอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าจะมี EPS เติบโตมากกว่ากลุ่มฯ ในปี 2016-17F ผลักดันโดยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน

     - SAT (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 20.40 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q15 โตแรง 1.5 เท่าทั้ง Q-Q และ Y-Y จากยอดส่งออกรถที่เติบโตแรงหลังผ่านช่วงเปลี่ยนรุ่นกระบะโตโยต้าจากวีโก้เป็นรีโว่แล้ว แม้กำไรทั้งปีน่าจะลดลง 7% Y-Y แต่คาดกำไรปี 2016 โต 20% Y-Y สวนทางอุตสาหกรรมที่ยังฟื้นไม่เต็มที่ ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE 2015-16 ที่ 12 และ 10 เท่า ถูกมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 15 เท่า ขณะที่การผลิตชิ้นส่วนรถแทรคเตอร์และรถบรรทุกที่มีต่อเนื่องต่อไปข้างหน้าเป็นตัวจำกัด downside ของธุรกิจของ SAT

      - BAY(แอพเพิล เวลธ์)"ซื้อ"ปรับเป้าขึ้นเป็น 39 บาท แม้สินเชื่อจะไม่ขยายตัวแต่รายได้ค่าธรรมเนียมยังคงเติบโตได้โดยไม่มีปัญหาการเพิ่ม Provision จาก NPL ที่เพิ่มขึ้นเทียบกับธนาคารอื่น ๆ ปรับประมาณกำไรสุทธิปี 58 ขึ้นจาก 1.6 หมื่นลบ. เป็น 1.8 หมื่นลบ.

      - KOOL(ทรีนีตี้)ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงเมื่อวานนี้จนทำให้ล่าสุดมีแนวโน้มที่จะเข้าข่ายเป็นหุ้นที่จะต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance ในช่วง 6 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งอาจจะส่งผล Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้นในช่วงสั้นได้ อย่างไรก็ดีหากราคาหุ้นปรับตัวลงเพียงเพราะปัจจัยดังกล่าว มองเป็นโอกาสที่ดีในการ ซื้อ" อีกครั้ง(ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท) เนื่องจากมองเป็นหุ้น High growth ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรโดดเด่นถึงปีละ 50% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรง

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดตลาดในแดนลบเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพและหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% แตะ 134.17 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,443.69 จุด ลดลง 110.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,292.29 จุด ลดลง 28.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,795.58 จุด ลดลง 193.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,600.40 จุด ลดลง 8.83 จุด

    ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,040.43 จุด ลดลง 2.55 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,026.40 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,701.69 จุด ลดลง 5.42 จุด

      ภาวะการซื้อขายในตลาดเอเชียได้รับแรงกดดันจากการปิดลบของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง 0.28% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 3.29 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ขยับขึ้นเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทเพียร์สัน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ 0.05% ที่ 6,348.42 จุด

     หุ้นเพียร์สันร่วงลง 16% หลังผู้ผลิตสื่อการศีกษารายใหญ่ปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 2558 ภายหลังจากที่ได้ตัดขายธุรกิจในเครือหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง PowerSchool, FT Group และ The Economist Group

      หุ้นเมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสวนสนุกและเจ้าของบริษัทไชน่า มีเดีย แคปิตอล ปิดบวก 4.7% หลังจากมีข่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อพัฒนา Legoland Park ในนครเซี่ยงไฮ้ และมองหาโอกาสในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในจีน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว ขณะตลาดจับตาประชุม ECB

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเครดิต สวิส หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่และวางแผนปรับลดพนักงาน

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 362.64 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,695.10 จุด เพิ่มขึ้น 21.29 จุด หรือ +0.46% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,238.10 จุด เพิ่มขึ้น 90.42 จุด หรือ +0.89% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,348.42 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ +0.05%

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุม ECB ในวันนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ECB จะไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB หลังการประชุม เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การขยายวงเงิน หรือขยายเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

     หุ้นเครดิต สวิส ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนปลดพนักงานอย่างน้อย 3,400 คนในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้าในอังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ ภายหลังจากเปิดเผยว่ากำไรสุทธิร่วงลงอย่างหนักในไตรมาส 3

     ทั้งนี้ เครดิต สวิสระบุว่า กำไรสุทธิร่วงลงสู่ระดับ 779 ล้านฟรังก์สวิส (815 ล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 3 จากระดับ 1.03 พันล้านฟรังก์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุจากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยด้านวาณิชธนกิจ นอกจากนี้ ทางบริษัทยังเปิดเผยแผนออกหุ้นเพิ่มทุน เพื่อให้บริษัทสามารถระดมเงินทุนมากกว่า 6 พันล้านฟรังก์

      หุ้นเพียร์สัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อการศึกษา ร่วงลง 16% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 2558

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 48.50 จุด จากแรงขายหุ้นพลังงาน

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงเจนเนอรัล มอเตอร์ (GM) และโบอิ้ง โค

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,168.61 จุด ลดลง 48.50 จุด หรือ -0.28% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,840.12 จุด ลดลง 40.85 จุด หรือ -0.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,018.94 จุด ลดลง 11.83 จุด หรือ -0.58%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากเกินคาด ทั้งนี้ หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ร่วงลง 6.5% หุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ดิ่งลง 6.6%

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อ่อนแรงลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 3.2% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ดิ่งลง 2.4% ก่อนที่ทางบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้

     หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพปรับตัวลง นำโดยหุ้นวาเลียนท์ ฟาร์มาซูติคัล ที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 19% หุ้นเซนท์ จูด เมดิคัล ร่วงลง 8.9% และหุ้นเอนโด อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 13%

     หุ้นยาฮูร่วงลง 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 15 เซนต์ ซึ่งปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่บริษัทมีกำไรต่อหุ้น 52 เซนต์

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กลดช่วงลบ ซึ่งช่วยให้ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีตัวอื่นๆปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทรายใหญ่ รวมถึงบริษัทโบอิ้ง โค โดยหุ้นโบอิ้งปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 25% สู่ระดับ 1.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.47 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.22 ดอลลาร์ต่อหุ้น

    หุ้น GM ทะยานขึ้น 5.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่สดใสในอเมริกาเหนือ

    ทั้งนี้ GM ระบุว่า กำไรสุทธิลดลง 1.4% ในไตรมาส 3 สู่ระดับ 1.36 พันล้านดอลลาร์ หรือ 84 เซนต์ต่อหุ้น เทียบกับระดับ 1.38 พันล้านดอลลาร์ หรือ 81 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายในการเรียกคืนรถยนต์ บริษัทจะมีกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 1.50 ดอลลาร์ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.18 ดอลลาร์

   นักลงทุนขานรับบริษัทเฟอร์รารี ที่เสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณชน (IPO) เมื่อวานนี้ โดยหุ้นเฟอร์รารีปิดตลาดที่ระดับ 55 ดอลลาร์ สูงกว่าราคา IPO ที่ระดับ 52 ดอลลาร์

     ทั้งนี้ การออกหุ้น IPO ของเฟอร์รารีช่วยให้เฟียต ไคร์สเลอร์ ออโตโมบิล (FCA) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟอร์รารี สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น 17.2 ล้านหุ้นได้ถึง 893 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ราคา IPO ดังกล่าว ยังทำให้เฟอร์รารีมีมูลค่าตลาดสูงถึง 9.8 พันล้านดอลลาร์

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 21ต.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,168.61 จุด                         ลดลง 48.50 จุด     -0.28%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,840.12 จุด                      ลดลง 40.85จุด     -0.84%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,018.94 จุด                       ลดลง 11.83จุด     -0.58%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,348.42 จุด                    เพิ่มขึ้น 3.29จุด     +0.05%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,238.10 จุด                           เพิ่มขึ้น 90.42จุด    +0.89%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,695.10 จุด                        เพิ่มขึ้น 21.29จุด    +0.46%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,286.50 จุด     เพิ่มขึ้น 14.90จุด    +0.28%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,248.30 จุด           เพิ่มขึ้น 12.70จุด    +0.24%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,609.23 จุด                           ลดลง 44.37 จุด     -0.51%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,554.28 จุด                     เพิ่มขึ้น 347.13จุด   +1.91%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,042.98 จุด                        เพิ่มขึ้น 3.62 จุด     +0.18%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,320.68 จุด                     ลดลง 104.65จุด    -3.06%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,092.90 จุด             เพิ่มขึ้น 32.05จุด    +0.45%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,605.23 จุด     เพิ่มขึ้น 19.41จุด    +0.42%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,025.70 จุด                      เพิ่มขึ้น 6.67จุด     +0.22%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,707.11 จุด                      เพิ่มขึ้น 2.08จุด     +0.12%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,287.66 จุด                        ลดลง 19.17จุด     -0.07%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงเจนเนอรัล มอเตอร์ (GM) และโบอิ้ง โค

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,168.61 จุด ลดลง 48.50 จุด หรือ -0.28%ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,840.12 จุด ลดลง 40.85 จุด หรือ -0.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่2,018.94 จุด ลดลง 11.83 จุด หรือ -0.58%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเครดิต สวิส หลังจากทางบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่และวางแผนปรับลดพนักงาน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 362.64 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,695.10 จุด เพิ่มขึ้น 21.29 จุด หรือ +0.46%ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,238.10 จุด เพิ่มขึ้น 90.42 จุด หรือ +0.89% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,348.42 จุด เพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ +0.05%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ขยับขึ้นเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทเพียร์สัน

          ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.29 จุด หรือ 0.05% ที่ 6,348.42 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 45.20ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 47.85ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 10 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันนี้ 

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 10.4ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ระดับ 1,167.10 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 20.7 เซนต์ ปิดที่ 15.71 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 13 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,007.10 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 17.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 677.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ เพื่อจับสัญญาณว่า ECB จะขยายวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

          ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1337 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.1339 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5440 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7259ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 119.95 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 119.92 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9591 ฟรังค์ จากระดับ 0.9565 ฟรังค์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 780.00 จุด เพิ่มขึ้น 18.00 จุด, +2.36%

                        อินโฟเควสท์    

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!