WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET47ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบถึงปรับขึ้นคาดหวังเงินไหลเข้าหุนน,จับตา ECB

     นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวแคบถึงปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังเรื่องเงินทุนไหลเข้า หลังคาดธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ยังต้องจับตาประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)วันพรุ่งนี้อาจมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ ให้แนวรับบริเวณ 1,410 และแนวต้านที่ 1,425-1,430 จุด

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideways ถึง Sideways-up เนื่องจากยังคาดหวังว่าจะมีเงินทุนไหลเข้า หลังจากที่คาดว่าสหรัฐฯจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และยังคาดหวังว่าการประชุม ECB ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค.อาจจะมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่

     นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่จะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/58 ออกมา และยังคาดการว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4/58 จะฟื้นดีขึ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,410 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425-1,430 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(20 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,217.11 จุด เพิ่มขึ้น 13.43 จุด(-0.08%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,880.97 จุด ลดลง 24.50 จุด(-0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,030.77 จุด ลดลง 2.89 จุด(-0.14%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 39.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 15.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.67 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(20 ต.ค.58) 1,418.63 จุด ลดลง 1.72 จุด(-0.12%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 516.89 จุด เมื่อวันที่ 20 ต.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(20 ต.ค.58) ปิดที่ 45.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.34 ดอลลาร์ หรือ 0.7%

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(20 ต.ค.58)ที่ 6.03 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิดวันนี้ 35.37/39 แข็งค่าเล็กน้อย คาดกรอบวันนี้ 35.30-35.50

    - แบงก์ใหญ่ไตรมาส 3 กำไรลด "กรุงเทพ ร่วง 5% "กสิกรไทย" สำรองเพิ่ม 1,470 ล้าน กดกำไรลด 19% เอ็นพีแอลที่เพิ่มเป็น 2.62% ด้านสินเชื่อและเงินฝากยังโตกว่า 3% ด้านเคเคชี้แม้สินเชื่อลดแต่รายได้ดอกเบี้ยยังเพิ่ม 8%

      - นายกฯ สั่งศึกษาผลกระทบทีพีพีลงลึกรายสินค้า ชี้ต้องวางบทบาทเหมาะสมในเวทีโลก ด้าน "พาณิชย์" รายงาน ครม.ระบุกระทบจิตวิทยาระยะสั้น ชี้ไทยมีข้อตกลงเอฟทีเอ 9 ชาติสมาชิก แนะเร่งเจรจาอาเซียน+6 แทน คาดเห็นผลเป็นรูปธรรมในปี 2560

     - สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มอัตราการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เดินทางผ่านบริษัททัวร์ หรือพักในโรงแรมที่ถูกกฎหมายเพิ่มจากปีละ 1.5 หมื่นบาท เป็น 3-5 หมื่นบาท เพื่อให้ครอบคลุมคนมีรายได้เดือนละ 6 หมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งเป็น กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

      - คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้เพิ่มมาตรการภาษีส่งเสริม การตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) โดยให้การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% มีความครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมยกเว้นเฉพาะรายรับจากการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการบริหารเงิน

     - "จักรทิพย์" ยังอุบรายละเอียดผู้ต้องหามาตรา 112 คาดว่าเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์ แย้มมีทั้งพลเรือนร่วมกระทำความผิดกับตำรวจแต่ไม่บอกจำนวน รอเผยโฉมวันส่งศาลทหาร ประกาศสอบสวนถึงใครฟันหมดไม่ละเว้น ส่วนตำรวจสอบสวนกลางที่ถูกย้าย 8 คนยังไม่ชัวร์ว่าเกี่ยวข้อง ต้องรอผลการตรวจสอบของคณะทำงานก่อน

       - นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า วันที่ 26 ตุลาคม จะเริ่มพิจารณาเรื่องระบบเลือกตั้งและระบบรัฐสภาว่า ควรจะเป็นในรูปแบบใด มีกี่สภา โดยจะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นเพื่อให้ได้แนวคิดในเบื้องต้น จะเน้นว่าต้องสามารถคำนวณได้ง่ายแบบไทยๆ ไม่เอาแบบสัดส่วนผสมที่คำนวณยาก

*หุ้นเด่นวันนี้

      - KBANK(ทรีนีตี้)แนะ"ซื้อ"เป้าหมาย 205 บาท แม้จะมีแรงกดดันจาก NPL ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ผลกระทบน้อยกว่าธนาคารที่ต้องสำรอง NPL รายใหญ่มาก ขณะที่ NPL Coverage Ratio ที่ 136% แม้จะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ตอนนี้ต่ำลงมาก

   - BBL(ทรีนีตี้)แนะ"ซื้อ"เป้าหมาย 185 บาท กำไรจากการขาย NPA ช่วยลดผลจากสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นซื้อขายกันที่ Forward PBV เพียง 0.9 เท่า มองว่าเป็นระดับที่มี Downside ต่ำ ขณะที่พื้นฐานของธนาคารยังแกร่ง โดยเฉพาะในด้านของ NPL Coverage Ratio ที่สูงสุดในกลุ่มที่ 172.6% แม้จะลดลงมามากจากระดับที่สูงกว่า 200% เมื่อกลางปีก่อนก็ตาม

    - SCB(ดีบีเอสฯ)แนะ"ซื้อ"เป้าหมาย 165.00 บาท รายงานกำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 9.0 พันล้านบาท (-32%YoY และ -32%QoQ) ต่ำกว่าคาด เนื่องจากตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้น 1.1 หมื่นล้านบาทรองรับหนี้ SSI ที่กลายเป็น NPL คาดยังจะตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงเพื่อขยาย Coverage Ratio ที่ลดลงไปมาก ราคาพื้นฐานเทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 1.8 เท่า  ความเสี่ยงหลัก คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจยาวนานจนกระทบคุณภาพสินทรัพย์และกำไร รวมถึงโครงการลงทุนภาครัฐที่ล่าช้ากว่าคาด

     - SC(เคทีบี)แนะ"ซื้อ"ปรับราคาเป้าหมายปี 59 เป็น 4 บาท จาก 4.10 บาท เนื่องจากปรับลดคาดการณ์กำไรลง โดยเรายังคงประเมินราคาเหมาะสมด้วย PER ราว 9 เท่า ปัจจุบันราคาหุ้นยังเทรดระดับ PER ปี 58 เพียง 7.4 เท่า และปี 59 เพียง 6.7 เท่า ส่วนอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังเด่นราว 5.4% คาดกำไร 3Q58 ชะลอตัว แต่จะกลับมาเด่นใน 4Q58

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ ในขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาและหุ้นกลุ่มการเงินอ่อนแรงลง

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% แตะ 133.59 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,167.64 จุด ลดลง 39.51 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,428.56 จุด เพิ่มขึ้น 3.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,668.08 จุด เพิ่มขึ้น 14.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,039.25 จุด ลดลง 0.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,034.70 จุด เพิ่มขึ้น 15.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,700.36 จุด ลดลง 4.67 จุด ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการเนื่องในเทศกาลชงโหย่ง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 7.20 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองและกลุ่มพลังงาน จากความวิตกต่อเนื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว

     ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 7.20 จุด หรือ 0.11% ที่ 6,345.13 จุด

     หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงได้รับแรงกดดัน หลังจากที่เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวที่ชะลอลงในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์จากจีน

     สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อต้นสัปดาห์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี

     นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ODI) โดยบริษัทนอกภาคการเงิน ปรับตัวขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งชะลอลงจากอัตราการขยายตัว 7 % ในเดือนส.ค.

     หุ้นกลุ่มเหมืองอ่อนแรงลง ซึ่งรวมถึง หุ้นริโอ ทินโต และหุ้นอันโตฟากัสตา ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมัน อย่าง รอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีพี ก็ปรับตัวลงเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

    ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 นอกจากนนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้

      ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 362.67 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,673.81 จุด ลดลง 30.26 จุด หรือ -0.64% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,147.68 จุด ลดลง 16.63 จุด หรือ -0.16% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,345.13 จุด ลดลง 7.20 จุด หรือ -0.11%

      หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลงหลังจากมีรายงานว่า GDP ไตรมาส 3 ของจีนขยายตัวเพียง 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ร่วงลง 3.9% หุ้นบีพี ขยับลง 0.9% หุ้นอาร์เซลอร์ มิททัล ร่วงลง 2.89%

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่าบริษัท ทาทา สตีล เตรียมประกาศลดจำนวนพนักงานลง 1,200 รายที่ทำงานในเมืองสคุนโทร์ปและลานาร์คเชียร์ ภายหลังจากที่บริษัทต้องเผชิญกับสถานการณ์ราคาสินค้าที่ร่วงลงและเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น

     นักลงทุนจับตาดูการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ซึงจะมีขึ้นภายหลังการประชุม

   ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า ที่ประชุม ECB อาจจะส่งสัญญาณเรื่องการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สประเมินว่า ECB อาจจะใช้มาตรผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม ก่อนช่วงสิ้นปีนี้

 ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 13.43 จุด หลัง IBM เผยรายได้ย่ำแย่

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) เปิดเผยรายได้ที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 14 ไตรมาส อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,217.11 จุด ลดลง 13.43 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,880.97 จุด ลดลง 24.50 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,030.77 จุด ลดลง 2.89 จุด หรือ -0.14%

     ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังต่อผลประกอบการ IBM โดยหุ้น IBM ปิดตลาดร่วงลง 5.75% หลังจากบริษัทรายงานตัวเลขรายได้ลดลงเป็นไตรมาสที่ 14 ติดต่อกัน เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และเกิดจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขรายได้ในปีที่แล้วซึ่งรวมถึงรายได้จากธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ระบบอินเทล ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทได้ขายกิจการออกไปแล้ว

      ทั้งนี้ รายได้ของ IBM ลดลง 14% สู่ระดับ 1.929 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.960 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนในปีงบการเงินปัจจุบัน IBM คาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ในช่วง 14.75-15.75 ดอลลาร์ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 15.75-16.50 ดอลลาร์

     อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P500 ขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.21 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.15 ล้านยูนิต

    หุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชันส์ ปรับขึ้น 1.21% หลังจากเวอไรซอนเปิดเผยตัวเลขกำไรที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการควบกิจการกับเอโอแอล อิงค์ และจำนวนฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้น

     ทั้งนี้ เวอไรซอนเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 4.04 พันล้านดอลลาร์ หรือ 99 เซนต์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 3.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 89 เซนต์ต่อหุ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

     หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.88% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศแผนซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์

    หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 1.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่หุ้นโดเวอร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 6.6% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท

   สำหรับ การกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ตลาดจับตาดูนั้น นางเยลเลนได้กล่าวถึงบทบาทที่สำคัญของสำนักงานสถิติแรงงาน ในการให้ข้อมูลที่เที่ยงตรง และน่าเชื่อถือต่อสาธารณชน อย่างไรก็ดี นางเยลเลนไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หรือนโยบายการเงินในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้

   นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ อาทิ โบอิ้ง, โคคา-โคลา, ไบโอเจน และเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ซึ่งจะมีการรายงานในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่า ผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 จะปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 โดยคาดว่าบริษัทพลังงานและบริษัทผลิตวัตถุดิบ จะมีผลประกอบการที่ย่ำแย่ลงอย่างมาก

   นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ต.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,217.11 จุด                         ลดลง 13.43 จุด      -0.08%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,880.97 จุด                     ลดลง 24.50 จุด      -0.50%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,030.77 จุด                       ลดลง 2.89 จุด       -0.14%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,345.13 จุด                   ลดลง 7.20 จุด       -0.11%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,147.68 จุด                           ลดลง 16.63 จุด      -0.16%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,673.81 จุด                        ลดลง 30.26 จุด      -0.64%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,271.60 จุด     ลดลง 33.00 จุด      -0.62%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,235.60 จุด           ลดลง 34.10 จุด      -0.65%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,653.60 จุด                           เพิ่มขึ้น 22.10 จุด     +0.26%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,207.15 จุด                    เพิ่มขึ้น 75.92 จุด     +0.42%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,039.36 จุด                        เพิ่มขึ้น 9.09 จุด      +0.45%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,425.33 จุด                     เพิ่มขึ้น 38.63 จุด     +1.14%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,060.85 จุด             เพิ่มขึ้น 5.99 จุด      +0.08%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,989.22 จุด                              ลดลง 86.39 จุด      -0.37%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,585.82 จุด      เพิ่มขึ้น 15.98 จุด     +0.35%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,705.03 จุด                      ลดลง 13.17 จุด      -0.77%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,019.03 จุด                      ลดลง 5.47 จุด       -0.18%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,306.83 จุด                        ลดลง 58.09 จุด      -0.21%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) เปิดเผยรายได้ที่ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 14 ไตรมาส อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,217.11 จุด ลดลง 13.43 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,880.97 จุด ลดลง 24.50 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,030.77 จุด ลดลง 2.89 จุด หรือ -0.14%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากจีนเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 นอกจากนนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 362.67 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,673.81 จุด ลดลง 30.26 จุด หรือ -0.64% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,147.68 จุด ลดลง 16.63 จุด หรือ -0.16% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,345.13 จุด ลดลง 7.20 จุด หรือ -0.11%

         

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองและกลุ่มพลังงาน จากความวิตกต่อเนื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 7.20 จุด หรือ 0.11% ที่ 6,345.13 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้น

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 45.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 48.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ระดับ 1,177.50 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 7.60 เซนต์ ปิดที่ 15.917 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 5.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,020.10 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 694.85 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวในช่วงแคบๆเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายล็อตใหญ่ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)ในวันพฤหัสบดีนี้

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1339 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1326 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5440 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5467 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.92 เยน จาก 119.43 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9565 ฟรังก์ จาก 0.9560 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7259 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7252 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 762.00 จุด เพิ่มขึ้น 15.00 จุด, +2.01% 

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!