- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 20 October 2015 10:07
- Hits: 4230
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าทรงตัว เล็ง Flow ชะลอ-รอดูตัวเลขเศรษฐกิจของหลายปท.
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง(BLS) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากกำลังรอดูตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ของหลายๆประเทศ และตัวเลขสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ(ISM) ที่จะทยอยประกาศออกมาในวันพฤหัส-ศุกร์นี้ ซึ่งทาง Morgan stanly ยังมองว่าภาคการผลิตน่าจะยังชะลอตัวอยู่
ส่วนตัวเลข GDP ของจีนที่ประกาศออกมาโต 6.9% แม้ว่าจะดีกว่าตลาดคาดโต 6.8% แต่สปีดการโตน้อยไป ในแง่ของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ฯจึงยังไม่ค่อยมั่นใจตัวเลขจีนเท่าไร และยังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนอาจจะมีการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก่อนสิ้นปีนี้ เช้านี้ตลาดหุ้นจีนก็แกว่งไม่มากราว 0.1-0.2% ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ
ด้าน Fund Flow ในสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีเงินเข้ามา และเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติก็ขายสุทธิด้วย ซึ่งจากที่เก็บตัวเลข 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเงินเข้าตลาดตราสารหนี้ถึง 5 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนตลาดหุ้นเข้าน้อย
ดังนั้น วันนี้มองว่าดัชนีฯไม่ควรต่ำกว่าระดับ 1,409 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,430 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(19 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,230.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด(+0.08%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,905.47 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด(+0.38%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,033.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.55 จุด(+0.03%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 114.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 9.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 84.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 19.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.32 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 ต.ค.58) 1,416.91 จุด ลดลง 1.47 จุด(-0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 176.64 จุด เมื่อวันที่ 19 ต.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(19 ต.ค.58) ปิดที่ 45.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(19 ต.ค.58)ที่ 6.19 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดวันนี้ 35.44/46 มีโอกาสอ่อนค่า รอติดตามผลประชุม ECB พฤหัสนี้
- ธอส.เปิดยื่นกู้มาตรการซื้อบ้านไม่เกิน 3 ล้าน วันแรก คึกคักทั่วประเทศ คาดประเดิมขอสินเชื่อ 2 พันราย ขอเวลา 2 สัปดาห์ประเมินความต้องการก่อนขยายวงเงิน ธนารักษ์เร่งสำรวจที่ราชพัสดุสนองนโยบาย 'สมคิด'
- นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย(ทอท.)ศึกษาการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม หรือค่าเซอร์ชาร์จรถแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ทั้งรถแท็กซี่มาตรฐานทั่วไป และแท็กซี่แวนให้แล้วเสร็จใน 3 เดือน
- ธปท.เผยการชะลอเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ยังเป็นไปตาม ธปท.คาดการณ์ไว้ตามกิจกรรมเศรษฐกิจ แผ่วลง จับตา 4 ประเด็นสำคัญชี้ชะตาเศรษฐกิจจีน รายได้รัฐต่ำอาจฉุดลงทุนภาครัฐ ยอดคงค้างปริมาณบ้านรั้งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ กำลังการผลิตส่วนเกินของอุตสาหกรรมอาจกระทบทิศทางการลงทุนภาคอุตสาหกรรม รวมถึงความผันผวนในตลาดการเงิน
- ธปท.รายงานธุรกรรมการโอนเงินรายย่อย จำแนกตามประเภทการให้บริการ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าโดยรวมลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนถึง 2.8 หมื่นล้านบาท หรือ 10.7% จาก 2.63 แสนล้านบาท เหลือ 2.34 แสนล้านบาท ทั้งที่ปริมาณของธุรกรรมยังคงเพิ่มขึ้น 3.03 แสนรายการ หรือ 7.4% จากเดิม 4.08 ล้านรายการ เพิ่มเป็น 4.38 ล้านรายการ
*หุ้นเด่นวันนี้
- CHG(ธนชาต)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 2.60 บาท เชื่อมั่นในเส้นทางการเติบโตในระยะยาว ด้วยคาดว่า EPS จะเติบโตอย่างยั่งยืนที่ 18% ต่อปีต่อเนื่องตลอดปี 2015-19 อย่างไรก็ตามการเติบโตในระยะยาวของ CHG มีแนวโน้มที่น่าจะดีกว่าที่คาด โดยได้แรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานไปทางภาคตะวันออกซึ่งเป็นที่ซึ่งโรงพยาบาลของ CHG ตั้งอยู่ และมีแผนจะขยายตัวมากขึ้น และจากการที่ CHG มีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ดี จึงปรับประมาณการกำไรขึ้น 3% โดยเฉลี่ยจากปี 2020 เป็นต้นไป เพื่อสะท้อนจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการจำนวนมาก
- SYNTEC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4 บาท คาดจะมีกำไรสุทธิใน 3Q58 ราว 119 ล้านบาท ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่จะเติบโต 14% QoQ ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 5% QoQ เป็น 1.74 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่า SYNTEC จะยังที่รักษาระดับไว้ได้ที่ 13.4% ส่งผลต่อกำไรสุทธิงวด 9M58 ทำได้ 323 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY แม้ว่ารายได้จะเติบโตเพียง 2% แต่การก่อสร้างงานใหม่ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปรับดีขึ้นเป็น 13.2% จาก 12.1% ส่งผลต่อกำไรดำเนินงาน (operating Profit) เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับรายปี
- MTLS(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 23 บาท คาดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรอย่างยั่งยืนที่ 51% ในปี 2016-18 และอัตราการขยายสาขาที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้มีประโยชน์จาก operating leverage ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เริ่มมีแนวโน้มสู่ขาลงต้นตั้งแต่ปีหน้า พร้อมปรับการประมาณการของกำไรขึ้น 1-17% ในปี 2016-18
- IRPC (เคเคเทรด)เป้า 4.60 บาท คาดผลประกอบการ 3Q58 ไม่แย่ตามที่ตลาดเคยกังวลก่อนหน้านี้ เนื่องจากการบริหาร Stock และการอ่อนค่าของเงินบาท, เชิงเทคนิคราคาหุ้นเลี้ยงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 4.15 บาท มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
- TMB(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 3.04 บาท กำไรไตรมาส 3/58 ดีกว่าคาด +25% Q-Q, +18% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ราว 20-25% จากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญน้อยกว่าคาด เพราะมีการโอนกลับเงินสำรองจำนวนหนึ่งหลังขาย NPL ออกไป แม้ไม่รวมการตั้งสำรองฯ กำไรจากการดำเนินงานก็เพิ่ม 2% Q-Q และ 11% Y-Y จาก NIM ที่ดีขึ้นเป็น 3.02% จาก 3% ในไตรมาสก่อน
- BMCL(ฟันันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เพื่อรอไปแลกเป็นหุ้นใหม่หลังการควบรวมกับ BECL โดยคาด BMCL ผลประกอบการ 3Q15 จะขาดทุนสุทธิ 137 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 128 ล้านบาท แต่ดีขึ้นจาก 3Q14 ที่ขาดทุน 159 ล้านบาทจากจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันที่เติบโตที่ดีเยี่ยม +8.4% Y-Y เป็น 267,000 คน/วัน และค่าโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวที่ +1.4% Y-Y เป็น 24.50 บาท แนวโน้มผลประกอบการจะค่อยๆดีขึ้นในไตรมาสถัดไป และคาดทั้งปีนี้ขาดทุนสุทธิ 592 ล้านบาทและลดลงเหลือขาดทุน 328 ล้านบาทในปีหน้า ประเมินราคาเป้าหมายปีนี้ 2.40 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียขยับลงเช้านี้ เหตุหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลดลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับลงไม่ถึง 0.1% แตะ 134.01 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,245.54 จุด เพิ่มขึ้น 114.31 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,991.60 จุด ลดลง 84.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,651.08 จุด เพิ่มขึ้น 19.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,031.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,024.82 จุด เพิ่มขึ้น 0.32 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,715.88 จุด ลดลง 2.32 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 ปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 25.71 จุด เหตุวิตกศก.จีนชะลอตัว
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังการรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่อ่อนแอของจีนได้สร้างความวิตกกังวลว่า บริษัทสินค้าโภคภัณฑ์จะเผชิญกับความท้าทายในด้านการขยายตัวในตลาดจีน
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 25.71 จุด หรือ 0.40% ที่ 6,352.33 จุด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี
ตัวเลข GDP ล่าสุด ซึ่งลดลงจาก 7% ของช่วงไตรมาส 2 นับเป็นการตอกย้ำมากขึ้นว่าเศรษฐกิจของจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ กำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว
หุ้นแองโกล อเมริกัน ผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 7.4% หุ้นเฟรสนิลโล เพิ่มขึ้น 3.3% หุ้นเกลนคอร์ลดลง 5.2% ในขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ผู้ผลิตแร่เหล็กรายใหญ่ลดลง 3%
หุ้นไชร์ปรับขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษระบุว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาเชิงคลินิกของการใช้ยารักษาโรคตาแห้งของบริษัท
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับหุ้นดอยช์แบงก์พุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นดอยช์แบงก์ หลังจากที่ทางธนาคารประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อพลิกฟื้นผลประกอบการ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.3% ปิดที่ 364.25 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,704.07 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด หรือ +0.03% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,164.31 จุด เพิ่มขึ้น 59.88 จุด หรือ +0.59% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,352.33 จุด ลดลง 25.71 จุด หรือ -0.40%
หุ้นดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของเยอรมนี พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากทางธนาคารประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อพลิกฟื้นศักยภาพในการทำกำไร และเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงหลังจากที่ธนาคารต้องเผชิญกับเหตุการณ์อื้อฉาว
เมื่อช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ดอยช์แบงก์ต้องจ่ายเงินสูงถึง 55 ล้านดอลลาร์ให้แก่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ เพื่อยุติข้อกล่าวหาที่ว่า ทางธนาคารได้ปกปิดตัวเลขขาดทุนมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงวิกฤติการเงินที่เริ่มขึ้นในปี 2008
หุ้นดานอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตโยเกิร์ตรายใหญ่ของยุโรป ปรับขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่สูงเกินคาดในไตรมาส 3 ขณะที่หุ้นเมโทร ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในปีนี้และเชื่อมั่นว่ายอดขายของบริษัทจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
นักลงทุนยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของข่าวโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถยต์รายใหญ่ของเยอรมนี โดยรายงานล่าสุดระบุว่า อัยการสเปนเรียกร้องให้ศาลยุติธรรมของประเทศทำการสอบสวนบริษัทโฟล์คสวาเกนในข้อหาฉ้อโกง และละเมิดกฎคุ้มครองสิ่งแวดล้อม หลังเกิดข่าวอื้อฉาวของการโกงการตรวจจับมลพิษในไอเสีย
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการได้ส่งคำแนะนำดังกล่าวไปยังผู้พิพากษาอิสมาเอล มอเรโน โดยระบุว่า ความผิดดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วสเปน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 14.57 จุด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 ปีนี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,230.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ +0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,905.47 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ +0.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,033.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.55 จุด หรือ +0.03%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิลดีดตัวขึ้น 0.6% และหุ้นอินเทลปรับขึ้น 1.7% ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากข่าวการทำข้อตกลงซื้อกิจการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงข่าวที่ว่าบริษัทไมโครเซมิ คอร์ป เสนอซื้อกิจการบริษัทพีเอ็มซี-เซียร์รา อิงค์ เป็นวงเงินสูงถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์
หุ้นไนกี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 2.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีบีแอนด์ที แคปิตอล มาร์เก็ต ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้ขึ้นสู่ระดับ "buy" จากเดิมที่ระดับ "hold"
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 64 ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2005 โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่า จีดีพีไตรมาส 3 ของจีนขยายตัวเพียง 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี และสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 4.8% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์รายงานว่า ทางธนาคารมีกำไรลดลงสู่ระดับ 1.02 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 หรือ 48 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับ 1.69 พันล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.3% หุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ คอร์ป ดีดตัวขึ้น 4.7% และหุ้นมาราธอน ออยล์ คอร์ป พุ่งขึ้นราว 4.8%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก,
ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.