WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull market3ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นตามตลาดภูมิภาค ขานรับปัจจัยใน-นอกปท.เกื้อหนุน

     นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวก ภายหลังจากที่ค่อนข้างชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเลื่อนไปขึ้นในปีหน้า ส่งผลให้ Flow ไหลเข้ามา และเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมากแล้ว

      ส่วนบ้านเราก็มีแรงหนุนจากข้อมูลที่ได้จากการสัมมนาเมื่อวานนี้ จากแนวคิดเรื่องที่จะให้สิทธิประโยชน์กับอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายในการจะส่งเสริมการลงทุน แต่จะต้องดำเนินการภายใน 6 เดือน แนวคิดนี้จะนำเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในอีก 1 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ก็ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับการลดภาษีบุคคลธรรมดาลงด้วย รวมถึงจะมีการทบทวนเรื่องภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างเป็นต้น ซึ่งมองว่าแนวทางต่างๆดังกล่าวน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆฟื้นตัวขึ้นได้

      พร้อมให้แนวรับ 1,415 จุด ส่วนแนวต้าน 1,440 จุด โดยแนะนำให้เน้นลงทุนหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(15 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,141.75 จุด พุ่งขึ้น 217.00 จุด(+1.28%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,870.10 จุด เพิ่มขึ้น 87.25 จุด(+1.82%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,023.86 จุด เพิ่มขึ้น 29.62 จุด(+1.49%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 203.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 245.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 5.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.71 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 17.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.76 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(15 ต.ค.58) 1,425.32 จุด เพิ่มขึ้น 20.24 จุด(+1.44%)

                - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 908.38 จุด เมื่อวันที่ 15 ต.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(15 ต.ค.58) ปิดที่ 46.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.6%

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(15 ต.ค.58)ที่  6.24 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิดวันนี้ 35.27/29 ตัวเลข ศก.สหรัฐดีกว่าคาด มองกรอบ 35.20-35.40

                - คปพ.ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ทบทวนร่างแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียม 2 ฉบับของกระทรวงพลังงาน เหตุยังไม่ตอบข้อสงสัยภาคประชาชน พร้อมย้ำต้องหยุดเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ ที่ 21 จำนวน 29 แปลง จี้ รมว.พลังงานเปิดโอกาสให้ คปพ.เข้าพบนำเสนอความเห็นปฏิรูปพลังงานโดยตรง ก่อนนำร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับเข้า ครม.พิจารณาอีกครั้ง

                -  นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะใช้ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นหลักเกณฑ์ในการคำนวณภาษี ซึ่งส่งผลให้ราคาขายรถยนต์มีทั้งส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นและลดลงนั้น กระทรวงการคลังยืนยันว่า ทุกอย่างจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

                - น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ว่าจะผันผวนค่อนข้างมากจากความไม่แน่นอนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐว่าจะปรับขึ้นหรือไม่ โดยธนาคารคาดว่าสิ้นปีนี้เงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 35.60 บาท/เหรียญสหรัฐ ภายใต้สมมติฐานที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้และปี 2559 จะแตะที่ 34.75 บาท/เหรียญสหรัฐ หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง

                - สมาคมตราสารหนี้ หวังไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เอกชนระดมทุนผ่านตราสารหนี้เพิ่มขึ้น เหตุต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่มูลค่าคงค้างตลาด 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 9.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.35% ส่วนมูลค่าการซื้อขายเพิ่ม 7% ด้านเงินลงทุนจากต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ 9 เดือนขายสุทธิ 1.04 แสนล้านบาท แม้ ต.ค.เริ่มกลับมาซื้อแต่ระยะสั้น ด้านตลาดหลักทรัพย์ หวังนโยบายกระตุ้นภาครัฐจะช่วยหนุนกำไร บจ.มีทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนต่างชาติยอดขายสุทธิ 1.02 แสนล้านบาท

                - กองทุนฟื้นฟูฯ จ่ายหนี้รัฐ 1.62 หมื่นล้านบาทในงวดล่าสุด นำรายได้จากสินทรัพย์กองทุนฟื้นฟูฯ และเงินนำส่งของสถาบันการเงินจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย ทำให้ยอดเงินต้นจากหนี้ของพันธบัตรทั้งสองรุ่นเหลือต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ถือเป็นเดือนแรกตลอดการบริหารหนี้ช่วง 3 ปีกว่าส่งผลให้จ่ายชำระหนี้สะสมไปแล้ว 2.75 แสนล้านบาทภายใต้กฎหมายฉบับนี้

                - พณ.เผยผู้ประกอบการ 23 ราย ลดราคาสินค้าตามต้นทุนน้ำมันแล้ว 244 รายการ ตั้งแต่ 50 ส.ต.ถึง 1.4 หมื่นบาท ทั้งอาหารเครื่องดื่ม วัสดุก่อสร้างและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม โดยสแตนเลสลดมากสุด

*หุ้นเด่นวันนี้

                - IRPC(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 5.42 บาท ปัจจัยหนุนดังนี้ แนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นและน้ำมันหล่อลื่นยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น, โครงการ UHV ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรปี 59 ได้ ราว 4 พันล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตา ให้เป็นปิโตรเคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง คาด COD ช่วงปลาย 4Q58, คาดหวังเงินปันผลปีนี้ ไว้ที่ 0.25-0.27 บาทต่อหุ้น คิดเป็น dividend yield กว่า 6% สำหรับ 3Q58F คาดกำไรสุทธิ 854 ล้านบาท แรงหนุนจากอัตรากำไรธุรกิจปิโตรเคมีที่มีทรงตัวในระดับสูง, ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นโตเด่น หลังต้นทุน feedstock น้ำมันเตาอ่อนตัว และเงินชดเชยจากประกัน  850 ล้านบาท ทั้งนี้ ประเมินกำไรปกติไว้ที่ 3,211 ล้านบาท

                - TU (เคเคเทรด)เป้า 24.30 บาท ประเมินข่าวลบมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการของบริษัทฯ (กำไร 1H58 เติบโตกว่า 26% YoY), คาดกำไรทั้งปีนี้เติบโต 34% YoY

                - KTC(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 115 บาท ราคาปัจจุบันยังไม่แพง แม้คาดว่ากำไร 3Q15 จะออกมาในระดับที่ไม่น่าตื่นเต้นสำหรับตลาด แต่การดำเนินงานของ KTC ก็ยังคงมีแนวโน้มสวนทางกับแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ นโยบายการตั้งสำรองที่ระมัดระวังของ KTC น่าจะทำช่วยเสริมความแข็งแกร่งของงบดุลไปอีก และบริษัทฯ ก็ยังสามารถบริหารตั้งสำรองพิเศษเพื่อให้มีกำไรได้อย่างสม่ำเสมอหากจำเป็นในอนาคต

                - COM7(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 4.46 บาท ได้รับประโยชน์จาก iPhone6s ที่จะเริ่มวางขาย 30 ต.ค.นี้ เพราะมีสาขา iStudio และ iBeat ราว 100 สาขา มากที่สุดในประเทศ ซึ่งจะทำให้กำไร 4Q15 เติบโตโดดเด่นและเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี แม้แนวโน้มกำไร 3Q15 จะชะลอตัวจากไตรมาสก่อนเพราะเป็นช่วง Low season แต่คาดว่าจะโตโดดเด่น Y-Y จากฐานต่ำในปีก่อน โดยยังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 27.8% Y-Y ขณะที่การประมูล 4G ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์มือถืออีกครั้งและเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในอนาคต

ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ตามทิศทางของตลาดสหรัฐ

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังสหรัฐเผยว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี

                ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% แตะ 134.53 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,300.83 จุด เพิ่มขึ้น 203.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,358.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.23 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,133.59 จุด เพิ่มขึ้น 245.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,596.43 จุด ลดลง 5.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,037.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.71 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,032.85 จุด เพิ่มขึ้น 17.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,717.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด

                ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี

                ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นเวลามากกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดดีดขึ้น 69.06 จุด หลังหุ้นยูนิลีเวอร์พุ่งรับยอดขายแกร่ง

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) หลังจากร่วงลงในช่วง 3 วันก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นยูนิลีเวอร์ ประกอบกับมุมมองบวกที่ว่าสหรัฐจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

                ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 69.06 จุด หรือ 1.10% ที่ 6,338.67 จุด

                ตลาดปรับตัวขึ้น หลังจากหุ้นยูนิลีเวอร์พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยยอดขายประจำไตรมาสสาม เพิ่มขึ้น 5.7% ซึ่งทะยานขึ้นจากระดับ 2.1% ในไตรมาสสามของปีก่อนหน้า

                ยอดขายในไตรมาสสามของยูนิลีเวอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากยอดขายไอศกรีมขยายตัวและยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในตลาดเกิดใหม่ แม้จะเกิดความซบเซาบ้างในประเทศที่มีเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างบราซิล จีน และรัสเซีย

                ขณะเดียวกัน ยูนิลีเวอร์มีรายได้เพิ่มขึ้น 9.4% แตะ 1.34 หมื่นล้านยูโร (1.54 หมื่นล้านดอลลาร์)

                นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับมุมมองบวกที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เมื่อพิจารณาถึงข้อมลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าเมื่อคืนนี้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านแรงงานที่สดใสก็ตาม

                กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2516 หรือต่ำที่สุดในรอบกว่า 40 ปี

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!