WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET37ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นเช่นเดียวกับภูมิภาค ขานรับกระแสเงินทุนไหลเข้า

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ขานรับกระแสเงินทุนที่ยังไหลเข้ามาอยู่ แต่หากดัชนีฯขึ้นไปแถวบริเวณแนวต้านที่ 1,415-1,420 จุด ก็อาจจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

     ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้จะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ทั้งตัวเลขการส่งออก และนำเข้า รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อด้วย อีกทั้งเริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งใน-นอกประเทศที่จะต้องติดตามดูด้วย

พร้อมให้แนวรับให้ไว้ที่ 1,400-1,405 จุด

      ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(9 ต.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,084.49 จุด เพิ่มขึ้น 33.74 จุด(+0.20%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,830.47 จุด เพิ่มขึ้น 19.68 จุด(+0.41%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,014.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.46 จุด(+0.07%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 155.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 32.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 6.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 3.30 จุด

ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันกีฬาและสุขภาพ

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(9 ต.ค.58)1,411.33 จุด เพิ่มขึ้น 19.18 จุด(+1.38%)

    - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,105.59 จุด เมื่อวันที่ 9 ต.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(9 ต.ค.58) ปิดที่ 49.63 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(9 ต.ค.58)ที่ 5.01 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิดวันนี้ 35.57 แนวโน้มแกว่งแคบ รอปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 35.50-35.67

      - นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยว่า สศช.ยังคงประมาณการตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ไว้ที่ระดับ 2.7-3.2% เนื่องจากประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่อัดเงินเข้าสู่ระบบ 1.3 แสนล้านบาท และงบประมาณไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2559 ที่คาดว่าจะเข้าสู่ระบบ 8.2 แสนล้านบาท จะช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีเพิ่มเติม

     - "ชัยณรงค์ โชไชย"ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ เผยในปีงบประมาณ 2559 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีแผนเข้าตรวจสอบการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ใน 10 กลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ 1.จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 2.ท่องเที่ยว 3.นายหน้าซื้อ ขาย ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 4.ค้าอสังหาริมทรัพย์ 5.ให้เช่ารถยนต์ 6.สปา 7.ขายปลีกผลิตภัณฑ์งานฝีมือและของที่ระลึก 8.ขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต 9.ขายตรง และ 10.บริการที่สนับสนุนการศึกษา

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทั้งระบบในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาว่ามีทั้งสิ้น 1.36 แสนล้านบาท เติบโตถึง 1.17 หมื่นล้านบาท หรือ 9.4% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ที่มียอดการใช้รวม 1.24 แสนล้านบาท

    - ภาคเอกชนประสานเสียงหวังให้มาตรการกระตุ้นศก. ภาครัฐได้ผลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2559 แนะรัฐดูแลให้ เม็ดเงินโดยเฉพาะกองทุนหมู่บ้านถึงมือชาวบ้านอย่างทั่วถึงไม่เช่นนั้นลำบาก เหตุส่งออกปีหน้าครึ่งปีแรกยังมีโอกาสติดลบสูงหวังอะไรไม่ได้ มองค่าเงินบาทมีโอกาสแตะ 37 บาทต่อเหรียญเตือนผู้นำเข้าและผู้ผลิตที่ต้องพึ่งพิงวัตถุดิบนำเข้ารับมือ

      - รับเหมารายย่อยยื่นหนังสือร้องเรียน "นายกฯ-อาคม-ประธานบอร์ด รฟม. และผู้ว่าฯ รฟม." ขอความเป็นธรรมเหตุถูกผู้รับเหมาสัญญา 3 รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ค้างจ่ายค่างานรื้อย้ายและก่อสร้างท่อร้อยสายโทรศัพท์-เคเบิลใต้ดิน รวมเป็นเงินกว่า 78 ล้าน เผยนโยบายรัฐทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ งานอยู่ในกลุ่มรับเหมารายใหญ่ ส่วนธุรกิจรายย่อยต้องล้มละลาย วอนช่วยดูแล

      - "อาคม" เผยกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท เตรียมประมูลโครงการในงบกระตุ้นศก.รอบสุดท้ายอีกกว่า 9 พันล้าน อัดฉีดเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดย ทช.ได้รับ 3 พันล้าน ประมูลงานย่อยไม่เกิน 1 ล้านต่อสัญญา จบใน ธ.ค. 58 นี้ ขณะที่โครงการปี 59 กว่า 3.2 หมื่นล้านบาท จ่อเปิดประมูลถนนเชื่อมถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก (แนวเหนือ-ใต้)  9 พันล้าน ใน พ.ย.นี้

       - กระทรวงพลังงาน จับมือ กฟผ.กฟน.-PEAวางระบบไฟฟ้ารองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 465 เมกะวัตต์ทั้งระบบส่งและการผลิตไฟพลังงานหมุนเวียนนำร่องระยะแรก 6 พื้นที่

      -  สรรพสามิตแจงผลปิดโครงการรถคันแรกไล่บี้ตามเงินภาษีคืนจากผู้ทำผิดเงื่อนไข 6.47 พันราย เป็นเงิน 418 ล้านบาท ด้านบัญชีกลางเดินหน้าฟ้องอีก 399 ราย

*หุ้นเด่นวันนี้

       - BANPU(โกลเบล็ก)เป้า 35.60 บาท คาดกำไรปี 58 ที่ 3.2 พันลบ. (+21%YoY)  จากกำลังการผลิตถ่านที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดมีกำลังการผลิตถ่านรวม 48.7 ล้านตันเพิ่มขึ้น 6.7% YoY, ปี 58 โรงไฟฟ้าหงสาเฟส 1 และ 2 เริ่มผลิตไฟฟ้าส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 1,398 MW และภายในปี 60 มีแผนขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าในประเทศจีนอีก 583 MW และมีแผนขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้า BLCP อีก 1,000 MW ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อกำไรของทางบริษัทให้มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะ 3 ปีต่อจากนี้

       -  IVL(เคทีบี)"ซื้อ"เป้า 27 บาท  เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายปิโตรเคมีสาย PET ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันบริษัทมีการขยายการลงทุนเข้าไปในธุรกิจต้นน้ำและปลายน้ำอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 8.5 ล้านตันเป็น 11.8 ล้านตันต่อปีภายในปี 61 เราคาดผลประกอบการใน 3Q58 จะมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจนพลิกเป็นขาดทุนจากการขาดทุน stock loss และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงปลายปีจะฟื้นตัวกลับมาเป็นกำไรผลักดันให้กำไรทั้งปีเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 5.7 พันล้านบาท (+282.8% YoY)

    - CPN (ซีไอเอ็มบี)"ซื้อ"เป้า 59.50 บาท จากแผนขยายกิจการที่ชัดเจน อัตราค่าเช่าและมาร์จินที่สูงขึ้น รวมทั้งมีอัตราการเช่าพื้นที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่เล็งเห็น upside จากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 1-3 โครงการ มูลค่าโครงการละ 500 ล้านบาทในต่างจังหวัดในสิ้นปีนี้ ซึ่งหากอิงอัตราส่วนกำไรสุทธิ 15% โครงการเหล่านี้จะมี upside 0.8-2.3% ต่อประมาณการกำไรปี 2016 เราคาดว่า CPN จะมีกำไรสุทธิเติบโตสูงขึ้นเป็น 19.1% ในปี 2016

    - PS (เคเคเทรด)เป้า 32.50 บาท คาดได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯจากภาครัฐ เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าระดับกลาง-ล่างกว่า 50%

       - MC (เคเคเทรด)เป้า 15.70 บาท ได้ประโยชน์จากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน, Valuation ไม่แพง (P/E ratio 14 เท่า, Dividend yield 5%), เชิงเทคนิค ราคายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน มีโมเมนตัวเชิงบวกในการฟื้นตัวต่อ

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก

    ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

       ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,193.54 จุด เพิ่มขึ้น 10.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,614.33 จุด เพิ่มขึ้น 155.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,478.34 จุด เพิ่มขึ้น 32.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,022.33 จุด เพิ่มขึ้น 2.80 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,991.59 จุด ลดลง 6.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,703.24 จุด ลดลง 3.30 จุด ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันกีฬาและสุขภาพ

       ทั้งนี้ นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเฟดอาจจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 41.34 จุด รับหุ้นเกลนคอร์พุ่ง

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) นำโดยการพุ่งขึ้นของหุ้นเกลนคอร์ หลังจากบริษัทประกาศปรับลดการผลิตสังกะสี ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่ย่ำแย่ลง

    ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 41.34 จุด หรือ 0.65% ที่ 6,416.16 จุด

      ตลาดได้รับแรงหนุนจากหุ้นเกลนคอร์ที่ทะยานขึ้น 7% เนื่องจากบริษัทประกาศว่าจะลดการผลิตสังกะสีลง 1 ใน 3 หลังราคาสังกะสีตกต่ำลง ซึ่งส่งผลให้ราคาสังกะสีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน

     ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกลนคอร์มีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ประกาศปิดเหมืองหลายแห่ง อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนแรงลง

      ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองอื่นๆก็ปรับตัวแข็งแกร่ง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ทะยานขึ้น 7.2%, หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน  ดีดขึ้น 4.3% และหุ้นอันโตฟากัสตา ปรับขึ้น 3.1%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก นำโดยหุ้นเหมือง ขณะเฟดลังเลขึ้นดบ.

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมือง และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงให้เห็นว่าเฟดยังคงลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.21 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 362.82 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส บวก 25.48 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 4,701.39 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี พุ่ง 103.53 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 10,096.60 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปรับขึ้น 41.34 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 6,416.16 จุด

     ตลาดพุ่งขึ้น ขานรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดเมื่อวันที่ 16-17 ก.ย. ที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

      เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของเฟดคาดว่าสถานการณ์ในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มจะกดดันเงินเฟ้อต่อไปในระยะใกล้นี้ และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงช่วงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

     นักวิเคราะห์ระบุว่า มีนักลงทุนจำนวนมากขึ้นที่เชื่อว่าเฟดจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงต้นปี 2559

     ความหวังที่ว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้าได้ช่วยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นำโดยหุ้นกลุ่มเหมือง

     หุ้นแองโกล อเมริกัน ทะยานขึ้น 7.2% ส่วนหุ้นเฟรสนิลโล และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ต่างดีดตัวขึ้น 4.3%

   หุ้นเกลนคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ พุ่ง 7% เนื่องจากบริษัทประกาศว่าจะลดการผลิตสังกะสีลง 1 ใน 3 หลังราคาสังกะสีตกต่ำลง ซึ่งส่งผลให้ราคาสังกะสีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 33.74 จุด คาดเฟดยังไม่รีบขึ้นดบ.

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 33.74 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 17,084.49 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 1.46 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 2,014.89 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 19.68 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,830.47 จุด

     ตลาดปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเฟดอาจจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า

      นอกจากนี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ยังออกมาแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ในต่างประเทศและภาวการณ์ทางการเงินเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

     สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

     ดัชนี ราคานำเข้าปรับตัวลงจากผลกระทบของดอลลาร์ที่แข็งค่า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ

    ราคานำเข้าอาหารและสินค้าทุนต่างปรับตัวลงในเดือนก.ย. ขณะที่ราคาสินค้าเพื่อผู้บริโภค และพลังงานดีดตัวขึ้น

      หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 2.4% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่หุ้นอัลโค ร่วง 6.8% หลังบริษัทเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 3/2558 อยู่ที่ 44 ล้านดอลลาร์ หรือ 2 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 149 ล้านดอลลาร์ หรือ 12 เซนต์ต่อหุ้น

   รายงานระบุว่า สาเหตุที่ทำให้กำไรของอัลโคลดลงอย่างมากในไตรมาส 3 นั้น มาจากการที่บริษัทปิดเหมืองหลายแห่ง และปรับลดกำลังการถลุงแร่เหล็ก หลังจากราคาอลูมินัมอ่อนแรงลง

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2558

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,084.49 จุด เพิ่มขึ้น 33.74 จุด, +0.20%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,830.47 จุด เพิ่มขึ้น 19.68 จุด, +0.41%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่2,014.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.46 จุด, +0.07%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,701.39 จุด เพิ่มขึ้น 25.48 จุด, +0.54%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,096.60 จุด เพิ่มขึ้น 103.53 จุด, +1.04%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,416.16 จุด เพิ่มขึ้น 41.34 จุด, +0.65%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,309.20จุด เพิ่มขึ้น 67.80 จุด, +1.29%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,279.70จุด เพิ่มขึ้น 69.30 จุด, +1.33%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,438.67จุด เพิ่มขึ้น 297.50 จุด, +1.64%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,183.15 จุด เพิ่มขึ้น 39.79 จุด, +1.27%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,138.91จุด เพิ่มขึ้น 32.12 จุด, +0.45%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,458.80 จุด เพิ่มขึ้น 103.89 จุด, +0.46%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,589.34 จุด เพิ่มขึ้น 97.91 จุด, +2.18%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,998.50 จุด เพิ่มขึ้น 51.47 จุด, +1.75%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,706.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.34 จุด, +0.85%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,079.51 จุด เพิ่มขึ้น 233.70 จุด, +0.87%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์(9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 33.74 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 17,084.49จุด ดัชนี S&P 500 บวก 1.46 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 2,014.89จุด และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 19.68 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,830.47จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์(9 ต.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมือง และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงให้เห็นว่าเฟดยังคงลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.21 จุด หรือ 0.33%ปิดที่ 362.82 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส บวก 25.48 จุด หรือ 0.54%ปิดที่ 4,701.39 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี พุ่ง 103.53จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 10,096.60 จุด และดัชนี FTSE 100ตลาดหุ้นลอนดอน ปรับขึ้น 41.34 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 6,416.16 จุด

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับขึ้นเมื่อวันศุกร์(9 ต.ค.) นำโดยการพุ่งขึ้นของหุ้นเกลนคอร์ หลังจากบริษัทประกาศปรับลดการผลิตสังกะสี ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่ย่ำแย่ลง

ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 41.34 จุด หรือ 0.65%ที่ 6,416.16 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์(9 ต.ค.) เนื่องจากมีข้อมูลที่ส่งสัญญาณว่าผลผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐกำลังปรับตัวลง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดบวก 20 เซนต์ แตะที่ 49.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 40 เซนต์ ที่ 52.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์(9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น11.60 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ที่ 1,155.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดบวก 5.20 เซนต์ ที่ 15.818 ดอลลาร์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดพุ่ง 25.80 ดอลลาร์ ที่ 981.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดปรับขึ้น 5.00 ดอลลาร์ ที่ 708.15 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์(9 ต.ค.) เนื่องจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ยังคงสกัดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1363 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1272ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5334 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5341ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.28 เยน จาก 119.96 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9608 ฟรังก์ จาก 0.9669 ฟรังก์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7329ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7252 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 809.00 จุด ลดลง 8.00 จุด, -0.98%

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!