- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 30 June 2014 10:09
- Hits: 3250
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นหลังเห็นสัญญาณบวกจาก Flow ต่างชาติเริ่มเข้า
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากมีสัญญาณเชิงบวกจาก Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่ได้เริ่มเข้ามาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ซื้อสุทธิไปกว่าพันล้านบาท และได้เห็นการทำ Long ในตลาดฟิวเจอร์ด้วย อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันที่ทำ Window Dressing วันสุดท้าย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน ซึ่งปัจจัยจากนอกประเทศเวลานี้ที่จะต้องติดตามดูเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบในอิรักที่เริ่มจะรุนแรงขึ้น ภายหลังจากที่รัฐบาลอิรักได้บุกเข้าไปขอพื้นที่คืนจากกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและเลอแวนต์(ISIL) ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด
พร้อมให้แนวรับ 1,475 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490-1,495 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(27 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,851.84 จุด เพิ่มขึ้น 5.71 จุด(+0.03%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,960.96 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด (+0.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,397.93 จุด เพิ่มขึ้น 18.88 จุด(+0.43%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 64.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้เพิ่มขึ้น 51.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 25.61 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 10.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.10 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 0.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 มิ.ย.) ที่ 1,483.24 จุด เพิ่มขึ้น 5.76 จุด(+0.39%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,881.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 มิ.ย.)ที่ 105.74 ดอลลาร์/บาร์เรลลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 มิ.ย.)ที่ 5.18 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.46/47 รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ-เงินเฟ้อ
- จับตา คสช. ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ในสัปดาห์นี้ คาดอิงกลไกตลาด แต่มีมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม เผยเป็นโอกาสที่ดี คสช. ต้องรีบทำ หวั่นยืดเยื้อจะสร้างปัญหาในอนาคต
- นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สทร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สทร. ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ 1 คณะ เพื่อติดตามดูข้อมูลการส่งออกของไทยไปยังตลาดอาเซียน 9 ประเทศ ว่าทำไมในช่วง5 เดือนที่ผ่านมา ยอดการส่งออกเมื่อคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐจึงติดลบมากถึง 3.53% จากปกติที่จะต้องเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5%
- "เพ็ชร ชินบุตร"ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หากประเทศไทยยังไม่สามารถทำให้สหรัฐถอดรายชื่อไทยออกจากการเป็นประเทศที่มีความรุนแรงด้านการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็กรวมถึงแรงงานบังคับ จนมีการปรับลดระดับประเทศไทยให้อยู่ในบัญชีต่ำสุด (Tier 3) อาจทำให้ทางการสหรัฐใช้พลังผู้บริโภคมากดดันสินค้าไทยมากขึ้น รวมถึงอาจมีการพิจารณาเพิ่มกลุ่มสินค้าในบัญชีรายชื่อที่เชื่อว่ามีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ
- "แบงก์ชาติ" เผยเสถียรภาพเศรษฐกิจกลุ่มที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เปราะบางขึ้น ผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคครัวเรือนสะท้อนผ่านความสามารถชำระหนี้ลดลง แนะติดตามสถานการณ์หลังภาพการเมืองชัดเจน หวังความเชื่อมั่นกลับด้าน "โฆสิต"มองเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 4% ไปนาน 5-10 ปี หลังประชานิยมกัดกร่อนศักยภาพการแข่งขันภาคเอกชน ขณะที่สินเชื่อไม่ควรโตเกินเศรษฐกิจ ชี้อาจเป็นเหตุไปสู่วิกฤติอีกรอบ
- นางจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน. จะกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 2557 อีก 6 หมื่นล้านบาทซึ่งทำให้การกู้ชดเชยขาดดุลเต็มจำนวน2.5 แสนล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะกู้ไม่เต็มจำนวน เพราะการเบิกจ่ายในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบของหน่วยงานต่างๆ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุในรายงานนโยบายการเงินฉบับเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาถึงสาเหตุที่ ธปท. ลดเป้าหมายการส่งออกปีนี้เหลือ 3% จากเดิมที่คาดไว้ 4% ว่ามาจากปัจจัยความเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในประเทศ เห็นได้จากการที่ 4 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกหดตัว 0.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แตกต่างจากประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย ที่มีแนวโน้วการฟื้นตัวของการส่งออกค่อนข้างชัดเจนทำให้การส่งออกของไทยไม่สามารถแสดงศักยภาพในการเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างที่หลายฝ่ายคาดหวัง
*หุ้นเด่นวันนี้
- L&E-W3(ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E))เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน99,587,277 หน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.10 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2557 และให้ใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 15 มิ.ย. 2560
- AOT(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 220 บาท แม้ปัญหาการเมืองจะกดดันผลประกอบการของ AOT ในระยะสั้น แต่คาดว่ากำไรปกติระหว่างปี 2557-2561 จะยังมีการเติบโต 10% ต่อปี จากโครงการขยายท่าอากาศยาน ซึ่งจะทยอยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี 2558 นอกจากจะเป็นการรองรับธุรกิจสายการบินที่มีการขยายตัวสูง ยังมีโอกาสเพิ่มรายได้ค่าสัมปทานจากพื้นที่อาคารผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้รายได้สนามบินดอนเมือง จะทยอยปรับเพิ่มจากการผ่อนคลายมาตรการให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมสนามบิน AOT ยังมี Upside จากการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมสนามบินซึ่งเรายังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ
- LH(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.25 บาท ยอดขายเดือน พ.ค.ของ LH ฟื้นตัว 19% MoM ทำให้เราคาดว่ายอดขายรวมใน 2Q57 จะสูงขึ้นจากไตรมาสแรก นอกจากนี้ LH ยังคงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายรวมกับการรับรู้รายได้ของงานในมือจากโครงการคอนโดมีเนียม 4 แห่ง ทำให้คาดว่ารายได้ของ LH จะเติบโตสุดใน 4Q57 LH ยังคงโดดเด่นจากคุณภาพสินค้าดีทั้งในโครงการคอนโดมีเนียม (The Room และ The Key) และบ้านเดี่ยว (Inizio และ Indy) ที่กำลังมุ่งเจาะตลาดระดับกลาง-ล่าง
- TMB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.55 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ Outperform ตลาดได้ใน 2H57 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมคาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต +609% yoy และ +11% qoq เป็น 1,783 ล้านบาท จากสินเชื่อใน 2Q57 ที่คาดว่าจะเติบโต +3.1% qoq และเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +39.2% yoy เป็น 7,988 ล้านบาท และราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังหุ้นเทคโนโลยีบวก ขณะหุ้นการเงินติดลบ
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศทะยานขึ้น แต่หุ้นกลุ่มการเงินอ่อนตัวลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เคลื่อนไหวเล็กน้อยที่ระดับ 145.06 จุด เมื่อเวลา 9.29 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,159.45 จุด เพิ่มขึ้น 64.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,038.61 จุด เพิ่มขึ้น 2.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,273.19 จุด เพิ่มขึ้น 51.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,332.44 จุด เพิ่มขึ้น 25.61 จุด
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,996.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.62 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,260.95 จุด ลดลง 10.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,879.83 จุด ลดลง 1.10 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,444.80 จุด ลดลง 0.30 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปทรงตัวในการซื้อขายช่วงบ่าย ขณะหุ้นมีเดียเซ็ทดีดตัว
ตลาดหุ้นยุโรปทรงตัวในการซื้อขายช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนให้คามสนใจกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ขยายตัวขึ้นในเดือนมิ.ย.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับไม่ถึง 0.1% แตะ 342.12 เมื่อเวลา 16.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น
หุ้นมีเดียเซ็ท ดีดตัว 4% ส่วนหุ้นอิมเมจิเนชั่น เทคโนโลยีส์ กรุ๊ป ร่วงลง 6.1% หลังจากที่อินเทลได้ขายหุ้นในบริษัทไป 9.3%
ดัชนี ความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิ.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ 82.5 จากระดับ 81.9 ในช่วงท้ายเดือนพ.ค. เนื่องจากภาคครัวเรือนในสหรัฐมีความรู้สึกที่ดีขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 5.71 จุด รับความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (27 มิ.ย.) หลังมีการซื้ขายที่ผันผวน ขณะที่ตลาดขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 5.71 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 16,851.84 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 3.74 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,960.96 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 18.88 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 4,397.93 จุด
ตลาดปิดในแดนบวก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิ.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะที่ 82.5 จากระดับ 81.9 ในช่วงท้ายเดือนพ.ค. เนื่องจากภาคครัวเรือนในสหรัฐมีความรู้สึกที่ดีขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคมองว่าการใช้จ่ายยังไม่ขยายตัวมากนัก โดยยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แท้จริงในเดือนพ.ค.ปรับตัวลดลง 0.1%
วอลุ่มการซื้อขายในตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงนาทีท้ายๆก่อนปิดตลาด อันเนื่องมาจากการปรับทบทวนดัชนีของรัสเซลล์ อินเวสท์เมนท์ โดยรัสเซลล์จะปรับสมดุลการคำนวณดัชนีอ้างอิงต่างๆในแต่ละปี เพื่อสร้างความมั่นใจว่าดัชนีจะสะท้อนบรรยากาศของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างถูกต้อง
หุ้นไนกี้ อิงค์ พุ่งขึ้น 1.07% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการและรายได้ที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4
อินโฟเควสท์