- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 29 September 2015 13:46
- Hits: 2441
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาค กังวลเฟดขึ้นดบ.-ศก.จีน-บาทอ่อนค่า
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรงกว่า 1% เนื่องจากมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ภายหลังจากที่ประธานเฟดสาขานิวยอร์คออกมาระบุว่า อัตราดอกเบี้ยใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว
อีกทั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนก็ยังไม่ดี โดยกำไรบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีนได้ติดลบ 8.8% นอกจากนี้ ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนส.ค.ก็ออกมาติดลบ 6.7% ลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย รวมทั้งเงินบาทก็อ่อนค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติน่าจะขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง
พร้อมให้แนวรับ 1,335-1,325 จุด ส่วนแนวต้าน 1,360 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(28 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,001.89 จุด ร่วงลง 312.78 จุด(-1.92%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,543.97 จุด ลดลง 142.53 จุด(-3.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,881.77 จุด ลดลง 49.57 จุด(-2.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 285.73 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 45.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 607.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 29.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 7.54 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นตู้เจวียน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 ก.ย.58)1,352.13 จุด ลดลง 24.70 จุด(-1.79%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,081.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ก.ย.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 ก.ย.58) ปิดที่ 44.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 ก.ย.58)ที่ 9.15 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.44/46 อ่อนค่ารอบ 6 ปีครึ่ง กังวลศก.จีน มองกรอบ 36.40-36.50
- ส่งออกไทยเดือน ส.ค.ลดลง 6.69% ขยายตัวติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ในรอบปีนี้ เหตุเศรษฐกิจโลก คู่ค้า ยังคงชะลอตัว น้ำมันลด ฉุดสินค้าเกี่ยวเนื่องลดตาม สินค้าเกษตรยังคงตกต่ำ แถมคู่แข่งลดค่าเงิน ทำให้สินค้าไทยแข่งได้ยากขึ้น ย้ำแม้ไทยส่งออกลด แต่ก็ไม่ได้ลดลงมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น แถมส่วนแบ่งตลาดไม่ลด เผยลุ้นยานยนต์เป็นพระเอกช่วยฉุดส่งออกทั้งปีไม่ให้ติดลบเกิน 3%
- ขุนคลังยอมรับเฟดขึ้นดอกเบี้ย ราคาน้ำมันร่วง เศรษฐกิจโลกชะลอตัวล้วนกดดันอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 58 มั่นใจการบริหารงบการเงินอย่างเหมาะสม ประกอบกับนโยบายภาษีสามารถสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สนับสนุน GDP ปี 59 โต กว่าปีนี้ที่ ธปท.ประเมินที่ 2.7% พร้อมยันไม่มีแผนขายหุ้น PTT-THAI-TMB ตามกระแสข่าว
- บอร์ด กนง.ประเมินเงินบาทมีโอกาสผันผวนต่อเนื่องและมีนัยต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยในอนาคต ภายใต้ความไม่แน่นอนตลาดการเงินโลกและเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า แนะรัฐและเอกชนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระบุนโยบายการคลัง-เงินยังพื้นที่ดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจด้านต่างประเทศและเงินทุนเคลื่อนย้ายได้
- นายสุธีร์ โล้วโสภณกุล รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายบริหารเงิน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า ธนาคารประเมินค่าเงินบาทสิ้นปีนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 36.50-37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจัยหลักคือตัวเลขเศรษฐกิจของไทยทั้งอัตราการขยายตัว (จีดีพี) การส่งออกชะลอตัวลงจากช่วงต้นปี และค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงอีก หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน สิ้นปีนี้ โดยส่วนตัวประเมินว่าจะขึ้นอีก 0.25%
*หุ้นเด่นวันนี้
- JWD บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์(SET)ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยมีราคาเสนอขาย IPO ที่ 11 บาท/หุ้น
JWD ดำเนินธุรกิจให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ (In-land Logistics) อย่างครบวงจร ครอบคลุมการให้บริการรับฝาก บริหารสินค้าบนพื้นที่ทั่วไปและเขตปลอดอากรขนส่งสินค้าในประเทศและข้ามแดน ขนย้ายในประเทศและต่างประเทศ และจัดการเอกสารและข้อมูลธุรกิจด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริการที่รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
- INTUCH(เคเคเทรด)เป้า 98 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากจนทำให้ Dividend yield สูงจูงใจถึง 7.8% (คาดการณ์สำหรับปีหน้า)
- KCE (เคเคเทรด)เป้า 53.50 บาท ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าและฤดูกาลขาย (High season) ใน 3Q58 มากสุด
- UV(โกลเบล็ก)ผลดำเนินงานปี 58 มีแนวโน้มเติบโตสูงจากปี 57 ได้รับผลดีจากการควบรวมกิจการกับ GOLD และ KLAND โครงสร้างรายได้มาจากธุรกิจอสังหาฯเพื่อขาย 79% (ถือหุ้น GRANDU GOLD KLAND) รายได้ค่าเช่าอาคารสำนักงาน 11% (อาคารปาร์คเวนเจอร์และสาธรสแควร์) รายได้จากธุรกิจสังกะสี 9% และรายได้อื่น 1% และเป้ารายได้อสังหาฯ 10,600 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 63% มี backlog รองรับแล้ว 80% นอกจากนี้ มีแผนนำโครงการเพื่อเช่า 2 อาคารสำนักงานจัดตั้งกอง REIT มูลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท ตึกปาร์คเวนเจอร์ มีราคาประเมิน 2,850 ล้านบาท, ตึกสาธรสแควร์ มีราคาประเมิน 6,500 ล้านบาท เงินที่ได้จะนำมาชำระคืนเงินกู้ ผู้บริหารคาดอนุมัติช้าสุดภายใน 8 ก.พ. 59
- EPG(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 12 บาท แนวโน้มกำไร 2Q16 (ก.ค.-ก.ย. 2015)จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องแม้สินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะเข้าสู่ Low season แต่ชดเชยได้จากชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น บันไดข้างและหลังคารถกระบะ ที่เริ่มมีออเดอร์เข้ามาหลังพ้นการเปลี่ยนรุ่นรถกระบะไปแล้ว และยังได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนและต้นทุนเม็ดพลาสติกที่อยู่ในระดับต่ำ โดยคาดกำไร 2Q16 +10% Q-Q, +124% Y-Y และปรับกำไรปี 2016-17 (สิ้นสุด มี.ค.) ขึ้นปีละ 10-13% เป็นเติบโต 95% Y-Y ในปี 2016 และโต 11% Y-Y ปี 2017 ข่าว Volkswagen ไม่กระทบบริษัทเพราะตลาดส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค.
ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 1.4% แตะ 122.96 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.10 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,359.38 จุด ลดลง 285.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,579.22 จุด ลดลง 607.10 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,762.64 จุด ลดลง 29.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,600.89 จุด ลดลง 7.54 จุด
ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการเนื่องจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นตู้เจวียน ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ลดลง 8.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งร่วงลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวลดลง 2.9%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 150.15 จุด เหตุวิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) หลังจีนเปิดเผยว่า กำไรของภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบไม่ต่ำกว่า 4 ปีในเดือนส.ค. ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 150.15 จุด หรือ 2.46% ที่ 5,958.86 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลดลงหลังสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ลดลง 8.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งร่วงลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวลดลง 2.9%
ทั้งนี้ ตัวเลขกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 20 ล้านหยวน (ราว 3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มีมูลค่าทั้งสิ้น 4.481 แสนล้านหยวน ในเดือนส.ค.
หุ้นเกลนคอร์ร่วงลง 29% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า บริษัทยังดำเนินการเพื่อปรับลดภาระหนี้สินลงได้ไม่รวดเร็วพอ
หุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป ลดลง 3.1% หลังบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอังกฤษระบุว่า บริษัทได้ยุติการเจรจาเพื่อทำสว็อปสินทรัพย์กับบริษัทลิเบอร์ตี้ โกลบอล
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 2.8% หลังจากเชลล์ประกาศยุติการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในบริเวณนอกชายฝั่งอลาสก้า มหาสมุทรอาร์คติก เนื่องจากที่โครงการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งอลาสก้ามูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ ไม่สามารถสำรวจพบน้ำมันหรือก๊าซในปริมาณที่คุ้มต้นทุน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.2% ปิดที่ 341.57 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,357.05 จุด ลดลง 123.61 จุด, -2.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,483.55 จุด ลดลง 204.98 จุด, -2.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,958.86 จุด ลดลง 150.15 จุด, -2.46%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ลดลง 8.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งร่วงลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวลดลง 2.9%
ส่วนในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรม ลดลง 1.9% เทียบรายปี สู่ระดับ 3.77 ล้านล้านหยวน ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค.ที่ลดลงเพียง 1%
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนได้ฉุดหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง นำโดยหุ้นเกลนคอร์ที่ร่วงลงอย่างหนัก
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 3.6% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวของโฟล์คสวาเกน โดยหุ้นโฟล์คสวาเกนร่วงลง 7.5% หุ้นพอร์ช ออโตโมบิล โฮลดิง ร่วงลง 6.9%
รายงานล่าสุดเกี่ยวกับโฟล์คสวาเกนระบุว่า สำนักงานอัยการประจำเมือง Braunschweig ของเยอรมนี ประกาศสอบสวนนายมาร์ติน วินเทอร์คอร์น อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทโฟล์คสวาเกน เอจี หลังมีการแจ้งดำเนินคดีอาญากรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงการตรวจสอบการปล่อยมลพิษจากรถยนต์ดีเซล
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 312.78 จุด วิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กที่ระบุว่าเฟดจะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษก่อนสิ้นปีนี้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,001.89 จุด ร่วงลง 312.78 จุด หรือ -1.92% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,543.97 จุด ลดลง 142.53 จุด หรือ -3.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,881.77 จุด ลดลง 49.57 จุด หรือ -2.57%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ลดลง 8.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งร่วงลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวลดลง 2.9%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด โดยล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า เขาเชื่อว่าเฟดจะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษก่อนสิ้นปีนี้
"ผมคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปของปีนี้" เขากล่าว และเสริมว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. หรือธ.ค.
คำแถลงครั้งล่าสุดถือเป็นการแสดงความเห็นครั้งแรกของนายดัดลีย์ นับตั้งแต่ที่เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. และสอดคล้องกับการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตราบใดที่ภาวะเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนการจ้างงาน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลง 1.4% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 109.4 ในเดือนส.ค. จากระดับ 110.9 ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
ข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ของสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลงด้วย โดยหุ้นเคบี โฮม และหุ้นพัลท์กรุ๊ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 4.7%
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำอาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคการเงิน โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ต่างก็ต่างลงอย่างน้อย 2.6% หุ้นโกล์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.41% และหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงราว 3.45%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 25% หุ้นดาว เคมิคัลส์ ร่วงลง 2.55% และหุ้นดูปองท์ ร่วงลง 2.52%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพร่วงลงอย่างหนัก และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นร่วงลงด้วย หลังจากหลังจากนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสังกัดพรรคเดโมแครทได้ออกมาโจมตีบริษัทเวชภัณฑ์ที่กำหนดราคาสูงเกินไป พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะปรับลดต้นทุนราคายา หากเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ หุ้นแวเลียนท์ ฟาร์มาซูติคอล อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 16.5%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนก.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ ส่วนวันพุธจะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.จาก ADP ขณะที่วันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย. สำหรับวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.
World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 28 ก.ย.2558
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,001.89 จุด ลดลง 312.78 จุด -1.92%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,543.97 จุด ลดลง 142.53 จุด -3.04%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,881.77 จุด ลดลง 49.57 จุด -2.57%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,958.86 จุด ลดลง 150.15 จุด -2.46%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,483.55 จุด ลดลง 204.98 จุด -2.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,357.05 จุด ลดลง 123.61 จุด -2.76%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 17,645.11 จุด ลดลง 235.40 จุด -1.32%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,145.10 จุด เพิ่มขึ้น 68.40 จุด +1.35%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,113.50 จุด เพิ่มขึ้น 71.40 จุด +1.42%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,100.76 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 จุด +0.27%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,815.59 จุด ลดลง 101.96 จุด -1.47%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,120.50 จุด ลดลง 88.94 จุด -2.11%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,608.43 จุด ลดลง 6.58 จุด -0.41%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,791.92 จุด ลดลง 40.72 จุด -1.44%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,616.84 จุด ลดลง 246.66 จุด -0.95%
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กที่ระบุว่าเฟดจะยุติการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษก่อนสิ้นปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,001.89 จุด ร่วงลง 312.78 จุด หรือ -1.92% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,543.97 จุด ลดลง 142.53 จุด หรือ -3.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,881.77 จุด ลดลง 49.57 จุด หรือ -2.57%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีน ร่วงลงอย่างหนักในเดือนส.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.2% ปิดที่ 341.57 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,357.05 จุด ลดลง 123.61 จุด, -2.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,483.55 จุด ลดลง 204.98 จุด, -2.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,958.86 จุด ลดลง 150.15 จุด, -2.46%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) หลังจีนเปิดเผยว่า กำไรของภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบไม่ต่ำกว่า 4 ปีในเดือนส.ค. ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลดลง 150.15 จุด หรือ 2.46% ที่ 5,958.86 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 44.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 47.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) หลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของโลหะประเภทอื่นๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 13.9 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ระดับ 1,131.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 57.3 เซนต์ ปิดที่ 14.538 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ดิ่งลง 28.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 922.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 15.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 651.85 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเยนเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1234 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1196 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5178 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5190 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.81 เยน จาก 120.62 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9747 ฟรังก์ จาก 0.9799 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.6990 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7019 ดอลลาร์
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 943.00 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง
อินโฟเควสท์