WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET16ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ย่อตัวก่อนตามตลาดตปท.หลังกังวลเฟดจะขึ้นดบ.

    นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะย่อตัวลงก่อนตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่เมื่อคืนที่ผ่านมาอ่อนตัวลง อันเป็นผลจากการกลับมากังวลวาธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในงวดนี้อีกครั้ง แต่ดูแล้วจะเห็นได้ว่าตลาดต่างประเทศช่วงนี้จะมีความผันผวนมาก

     อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดบ้านเราน่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาดภูมิภาค เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ จึงทำให้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะทะลุ 1,400 จุดขึ้นไปได้ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1,410 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,390-1,380 จุด

    ทั้งนี้ ปัจจัยที่น่าจะติดตามจะอยู่ในสัปดาห์หน้า ทั้งการประชุมกนง.ในวันที่ 16 ก.ย. และการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(9 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,253.57 จุด ร่วงลง 239.11 จุด(-1.45%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,756.53 จุด ลดลง 55.40 จุด(-1.15%),ดัชนี S&P500 ปิดที่  1,942.04 จุด ปรับลง 27.37 จุด(-1.39%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 351.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 52.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 463.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 39.28 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 15.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 42.38 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 11.20 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(9 ก.ย.58)1,396.29 จุด เพิ่มขึ้น 16.97 จุด (+1.23%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,457.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ก.ย.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(9 ก.ย.58) ปิดที่ 44.15 ดอลลาร์/บาร์เรล รูดลง 1.79 ดอลลาร์

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(9 ก.ย.58)ที่ 7.37 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 36.24/26 แนวโน้มอ่อนค่า หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯหนุนดอลล์แข็ง

      - นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงได้เดินหน้าดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนและผู้มีรายได้น้อยตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยได้มีการติดตามและตรวจสอบต้นทุนการผลิตสินค้าหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลง 25% จาก 30 บาท/ลิตร เหลือ 23 บาท/ลิตร ซึ่งทำให้ต้นทุนค่าขนส่งลดลงไป 9.5%

     - 'สมคิด' มอบนโยบายคมนาคม จัดลำดับความสำคัญโครงการเมกะ โปรเจ็กต์ เปิดกว้างเอกชนร่วมลงทุน ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานลดภาระหนี้รัฐบาล เน้นลงทุนเพื่อปฏิรูป คุมเพดานหนี้สาธารณะ 5 ปี ไม่เกิน 50% ดันจีดีพีไทยโตปีละ 3% หนุนเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเพื่อนบ้านรับเปิดเออีซี

    - รมว.พลังงาน เร่งสอบข้อมูลสัญญาซื้อไฟ IPP 5,000 เมกะวัตต์ ของ กลุ่มกัลฟ์ฯ ลั่นได้ข้อสรุป 1-2 เดือนนี้แน่ ย้ำไม่ได้มีเป้าหมายถ้าผิดก็ต้องว่าผิดอยู่ที่ข้อมูล แต่ขณะนี้สัญญาทำไปแล้วยกเลิกไม่ได้ เพราะยังไม่มีความผิด มอบ "กพพ." วิเคราะห์แผนพีดีพีเน้นให้ดูความมั่นคงและหาแผนรับมือหากถ่านหินมีปัญหา ยันค่าไฟฐานใหม่ พ.ย.นี้ ไม่กระทบประชาชน

     - นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เผยค่าเงินบาทที่อ่อนลงในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนภาวะของดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ไม่ใช่เป็นปัจจัยเฉพาะเกี่ยวกับประเทศไทยหรือภูมิภาค ส่วนค่าความผันผวนของเงินบาทอยู่ในระดับกลางๆ ของภูมิภาค โดยค่าเงินบาทที่อ่อนลงนี้ช่วยเศรษฐกิจผ่านสภาพคล่องของผู้ส่งออก และทำให้ผู้ส่งออกบางรายสามารถปรับลดราคาสินค้าลงเพื่อให้ราคาที่เสนอขายสามารถแข่งขันได้บ้าง ส่วนต้นทุนการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะไม่ใช่ปัจจัยถ่วงหลักของการตัดสินใจว่าจะลงทุนแต่ขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่า โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 16 กันยายนนี้

     - "กมลธัญ พรไพศาลวิจิต" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ปรับลดลงตั้งแต่ปี 2557 ทำให้สัดส่วนการซื้อขายทองคำรูปพรรณเพิ่มมาอยู่ที่ 50% ของปริมาณการซื้อขาย จากปี 2553-2556 สัดส่วนการซื้อขายทองคำแท่งสูงถึง 70-80% เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อทองคำเพื่อสวมใส่จะเกิดขึ้นในช่วงราคาทองคำขาลง ขณะที่การซื้อทองคำแท่ง เพื่อเก็งกำไรราคาระยะสั้นจะเกิดขึ้นเมื่อทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

     - TPIPL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 3.40 บาท มองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากจะได้ประโยชน์โดยตรงจากงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐใน 2H58 และจะขยายตัวต่อเนื่องในปี 2559 โดย TPIPL มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และจะขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 หลังการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์อีก 4.5 ล้านต้นจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 4Q58 หรือ 1Q58 และส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 ล้านตัน พร้อมคาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ

      - JAS(เคเคเทรด)"เก็งกำไร"เป้า 6 บาท ประเด็นบวกเชิง Sentiment จากการเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่จะเกิดขึ้น 11 พ.ย.นี้ โดยมีคู่แข่งอย่างผู้ให้บริการมือถือในปัจจุบันอย่าง ADVANC, DTAC และ TRUE (ค่าใบอนุญาตจ่าย 50%)ในเชิงพื้นฐานมองการประมูล 4G ถือว่า เป็นความท้าทายสำหรับ JAS ค่อนข้างมาก เพราะการแข่งขันในการประมูลสูง เพราะผู้ประกอบการมือถือรายเดิม ล้วนต้องการใบอนุญาตมาครอบครอง, กรณีที่ JAS ชนะการประมูลได้ การทำธุรกิจมือถือแข่งกับเจ้าตลาดเดิม จำเป็นต้องช่วงชิงลูกค้า และต้องใช้เงินลงทุนในระดับสูงเพื่อสร้างโครงข่าย

    - ICHI(เคเคเทรด)เป้า 19.30 บาท ประเด็นบวกหนุนจากการออกแคมเปญ กระตุ้นยอดซื้อในช่วง Low season โดยออกแคมเปญเฉพาะกิจ “อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง ตอน ทอง หมื่น แสน ล้าน" แจกทองคำมูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 10 ก.ย.-12 ต.ค.58 หวังกระตุ้นยอดขายทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทที่ 7.5 พันล้านบาท

      - IRPC(โกลเบล็ก)เป้า 4.26 บาท รายงานกำไรสุทธิ 1H15 ที่ 8,079 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,418%YoY จากเงินเคลมประกันไฟไหม้หน่วย VGOHT และการกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวมกว่า 3 พันล้านบาท รวมถึงธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจเติบโตขึ้น (โรงกลั่น  โอเลฟินส์ส่วนต่างผลิตภัณฑ์ HDPE/PP กับแนฟทา และ กลุ่มอะโรเมติกส์) พร้อมคาดกำไรปี 58 ที่  9.2 พันลบ. พลิกจากขาดทุน 5.2 พันลบ.ในปี 57 ส่วนโครงการ UHV แล้วเสร็จปลายปีนี้ช่วยหนุนกำไรปี 2016

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลังนักลงทุนวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังตำแหน่งงานว่างในสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 1.2% แตะ 127.87 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,418.64 จุด ลดลง 351.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,190.55 จุด ลดลง 52.54 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,667.86 จุด ลดลง 463.45 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,247.64 จุด ลดลง 39.28 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,918.42 จุด ลดลง 15.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,885.80 จุด ลดลง 42.38 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,592.16 จุด ลดลง 11.20 จุด

     ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.75 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2543 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ

    ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางรายมองว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 82.91 หลังนลท.ฟื้นความเชื่อมั่น

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่จีนประกาศมาตรการทางนโยบายชุดใหม่ ตลอดจนถ้อยแถลงสร้างความเชื่อมั่นจากจีนและญุ่ปุ่น

    ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 82.91 จุด หรือ 1.35% ที่ 6,229.01 จุด

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นอังกฤษเป็นไปอย่างคึกคักสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชีย โดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน และการทะยานแข็งแกร่งของหุ้นญี่ปุ่น ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายไปก่อนหน้านี้ โดยในการซื้อขายวันพุธนั้น ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกอีก 2.29% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ทะยานถึง 7.71% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

      กระทรวงการคลังของจีนได้ประกาศนโยบายการคลังหลายนโยบายเมื่อคืนวันอังคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อาทิ การประสานกองทุนต่างๆให้เร่งการก่อสร้างโครงการต่างๆให้รวดเร็วขึ้น นำเงินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาทำให้เกิดประโยชน์ และขยายการลดหย่อนภาษี เป็นต้น

    กระทรวงระบุด้วยว่า จีนจะเผยมาตรการนโยบายการคลังที่ทรงพลังมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวเร็วขึ้นกว่าที่คาดนั้นได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา

    ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าแผนปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงอย่างน้อย 3.3% ในช่วงสองปีข้างหน้า

    หุ้นปรับตัวขึ้นเกือบทุกกลุ่มในตลาดหุ้นลอนดอน นำโดยกลุ่มเหมืองและโลหะอุตสาหกรรม และกลุ่มธนาคาร

    ฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ บริษัทโบรกเกอร์เป็นแกนนำหุ้นบวก โดยพุ่งขึ้น 7% หลังเผยผลประกอบการ

    อังโกล อเมริกัน พุ่ง 5.54% บีเอชพี บิลลิตัน บวก 3.68%

    เกลนคอร์บวก 4.80% โดยหุ้นเกลนคอร์ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลังจากเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะตัดลดหนี้สินสุทธิลงประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์

    มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต บวก 3.47% จากข่าวเตรียมขายธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

     ไรอันแอร์ พุ่ง 5.2% หลังบริษัทเผยว่ากำไรอาจสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ฟอกซ์ตัน นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้น 3.75% หลังได้รับการอัพเกรดหุ้น

   ส่วนหุ้นลบนำโดยบริษัทผู้ผลิตยา แกล็กโซสมิทไคล์น ลดลง 1.24% หลังผลการทดลองทางคลินิกของบริษัทยารายหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวกต่อเป็นวันที่ 3 ตามทิศทางตลาดเอเชีย

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้นคืนขึ้น ภายหลังจากที่ทางการจีนและญี่ปุ่นออกมาให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มเติม

    ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 4.77 จุด หรือ 1.33% ปิดที่ 363.77 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 66.33 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 4,664.59 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 31.76 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 10,303.12 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน เพิ่มขึ้น 82.91 จุด หรือ 1.35% ปิดที่ 6,229.01 จุด

     ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นเอเชีย โดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน และการทะยานแข็งแกร่งของหุ้นญี่ปุ่น ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายไปก่อนหน้านี้ โดยในการซื้อขายวันพุธนั้น ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกอีก 2.29% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ทะยานถึง 7.71% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

     กระทรวงการคลังของจีนได้ประกาศนโยบายการคลังหลายนโยบายเมื่อคืนวันอังคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อาทิ การประสานกองทุนต่างๆให้เร่งการก่อสร้างโครงการต่างๆให้รวดเร็วขึ้น นำเงินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาทำให้เกิดประโยชน์ และขยายการลดหย่อนภาษี เป็นต้น

    กระทรวงระบุด้วยว่า จีนจะเผยมาตรการนโยบายการคลังที่ทรงพลังมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวเร็วขึ้นกว่าที่คาดนั้นได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา

     ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าแผนปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงอย่างน้อย 3.3% ในช่วงสองปีข้างหน้า

     อย่างไรก็ตาม หุ้นยุโรปลดช่วงบวกลงจากที่พุ่งขึ้นกว่า 2% ในระหว่างวัน โดยเริ่มมีแรงขายเข้ามาบางส่วน ตามทิศทางหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลง หลังจากที่มีการเปิดเผยตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสดังกล่าวทำให้ตลาดกลับมากังวลเรื่องช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอีกครั้ง

    กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.75 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2000 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ

     หุ้นวอลโว่บวก 2% หลังได้รับการอัพเกรดหุ้น หุ้นไรอันแอร์ พุ่ง 5.2% หลังบริษัทเผยว่ากำไรอาจสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 25%

     ขณะที่หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น ลดลง 1.24% หลังผลการทดลองทางคลินิกของบริษัทยารายหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 239.11 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.,ราคาน้ำมันดิ่ง

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) ขณะที่ตลาดยังคงมีความผันผวน หลังจากข้อมูลตำแหน่งงานว่างในสหรัฐที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 239.11 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 16,253.57 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับลง 27.37 จุด หรือ 1.39% ปิดที่ 1,942.04 จุด และดัชนี Nasdaq อ่อนแรงลง 55.40 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 4,756.53 จุด

   ตลาดยังคงให้ความสนใจกับการประชุมนโยบายการเงินของเฟดที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะที่มีความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.75 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2543 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ

     ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตำแหน่งงานว่างจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.29 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.

     ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางรายมองว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

    ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ร่วงลง ซึ่งได้ฉุดหุ้นพลังงานลงนั้น ก็เป็นปัจจัยถ่วงบรรยากาศของตลาดด้วย

    ความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในช่วงขาลง ได้บดบังมุมมองบวกของตลาดในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังมีปัจจัยลบจากหุ้นแอปเปิล ที่ร่วงลง 1.9% หลังจากที่บริษัทมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง iPhone 6S และ iPhone 6s Plus ตลอดจน iPad Pro และ Apple TV เมื่อคืนนี้

   ตลาดประเมินว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลเป็นไปอย่างน่าความผิดหวัง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ส่วนใหญ่เป็นการอัพเกรดคุณสมบัติของอุปกรณ์เดิมๆที่มีอยู่แล้ว

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 9 ก.ย.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,253.57 จุด                            ลดลง 239.11 จุด     -1.45%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,756.53 จุด                        ลดลง 55.40 จุด      -1.15%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,942.04 จุด                         ลดลง 27.37 จุด      -1.39%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,229.01 จุด                      เพิ่มขึ้น 82.91 จุด     +1.35%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,303.12 จุด                             เพิ่มขึ้น 31.76 จุด     +0.31%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,664.59 จุด                           เพิ่มขึ้น 66.33 จุด     +1.44%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,286.92 จุด                              เพิ่มขึ้น 285.42 จุด    +3.57%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,770.51 จุด                        เพิ่มขึ้น 1,343.43 จุด  +7.71%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,934.20 จุด                            เพิ่มขึ้น 55.52 จุด     +2.96%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,236.90 จุด          เพิ่มขึ้น 103.40 จุด    +2.01%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,221.10 จุด                เพิ่มขึ้น 105.90 จุด    +2.07%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,243.09 จุด                          เพิ่มขึ้น 72.64 จุด     +2.29%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,942.47 จุด                  เพิ่มขึ้น 51.17 จุด     +0.74%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,131.31 จุด                                   เพิ่มขึ้น 872.27 จุด    +4.10%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,347.28 จุด           เพิ่มขึ้น 28.69 จุด     +0.66%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,603.36 จุด                           เพิ่มขึ้น 16.24 จุด     +1.02%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,928.18 จุด                           เพิ่มขึ้น 42.86 จุด     +1.49%

   ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,719.58 จุด                            เพิ่มขึ้น 401.71 จุด    +1.59%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) ขณะที่ตลาดยังคงมีความผันผวน หลังจากข้อมูลตำแหน่งงานว่างในสหรัฐที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 239.11 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 16,253.57 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับลง 27.37 จุด หรือ 1.39% ปิดที่ 1,942.04 จุด และดัชนี Nasdaq อ่อนแรงลง 55.40 จุด หรือ 1.15% ปิดที่ 4,756.53 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้นคืนขึ้น ภายหลังจากที่ทางการจีนและญี่ปุ่นออกมาให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มเติม 

   ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 4.77 จุด หรือ 1.33% ปิดที่ 363.77 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 66.33 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 4,664.59 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 31.76 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 10,303.12 จุด และดัชนีFTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน เพิ่มขึ้น 82.91 จุด หรือ 1.35% ปิดที่ 6,229.01 จุด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเป็นวันที่สามติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่จีนประกาศมาตรการทางนโยบายชุดใหม่ ตลอดจนถ้อยแถลงสร้างความเชื่อมั่นจากจีนและญุ่ปุ่น       

    ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 82.91 จุด หรือ 1.35% ที่ 6,229.01 จุด 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยปิดต่ำกว่าระดับ 45 ดอลลาร์ หลังจากรัฐบาลสหรัฐได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสำหรับปีนี้และปีหน้า ขณะที่ตลาดยังคงมีความวิตกต่อเนื่องเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่มีจำนวนมากเกินไปในตลาดโลก

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดรูดลง 1.79 ดอลลาร์ แตะที่ 44.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดปรับลง 1.94 ดอลลาร์ ที่ 47.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดดิ่งลง 19.00 ดอลลาร์ ที่ 1,102.00 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลดลง 17.90 เซนต์ ที่ 14.576 ดอลลาร์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดร่วงลง 21.70 ดอลลาร์ ที่ 981.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดปรับลง 8.60 ดอลลาร์ ที่ 577.95 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (9 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนมองว่าข้อมูลตำแหน่งงานว่างในสหรัฐที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของทางการจีนจะทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1198 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1187 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5365 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5384 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.56 เยน จาก 119.99 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9745 ฟรังก์ จาก 0.9814 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7017 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7030 ดอลลาร์

     ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 855.00 จุด ลดลง 18.00 จุด, -2.06%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!