- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 27 June 2014 10:14
- Hits: 3241
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้น-แกว่งแคบ หวัง Window Dressing ช่วยหนุน
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังปรับตัวขึ้นได้ แต่โดยรวมยังน่าจะแกว่งแคบ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มหลักเริ่มทรงตัว อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงานก็มีการเล่นกันในประเด็นการจัดตั้งบอร์ดใหม่ไปพอควรแล้ว
ส่วนการทำ Window Dressing วันนี้ก็คาดว่าจะยังมีอยู่ แต่คงไม่มากแล้ว เพราะได้มีการทำไปกันมาก อย่างกองทุนก็ปิดงบฯไปหลายกอง โดยเมื่อวานนี้ได้ซื้อสุทธิไปกว่า 3,000 ล้านบาท
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ทรงตัว เนื่องจากตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,472-1,468 จุด ส่วนแนวต้าน 1,482-1,485 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(26 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,846.13 จุด ลดลง 21.38 จุด(-0.13%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,957.22 จุด ลดลง 2.31 จุด (-0.12%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,379.05 จุด ลดลง 0.71 จุด(-0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 17.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 9.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.71 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.63 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(26 มิ.ย.) ที่ 1,477.48 จุด เพิ่มขึ้น 8.99 จุด(+0.61%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 50.58 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(26 มิ.ย.)ที่ 105.84 ดอลลาร์/บาร์เรลลดลง 66 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 มิ.ย.)ที่ 4.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.47/48 ทรงตัวค่อนข้างนิ่ง-รอปัจจัยใหม่
- ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสหรัฐสหรัฐ-นอร์เวย์ระงับออเดอร์สินค้าจากซีพี ฟู้ดส์ ระบุกังวลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่สินค้า ขณะที่ ซีพีเอฟ เตรียมปรับกลยุทธ์การตลาดสู้ศึกเทียร์ 3 'ฉัตรชัย'สั่ง'พาณิชย์-กระทรวงการต่างประเทศ' เดินสายแจงคุณภาพผลิตสินค้าไทย เตรียมเข้มรายเล็กหวั่นทำภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย 'เอกชน' รุดแจงผู้นำเข้าสหรัฐ 22-23 ก.ค. พร้อมดึงผู้นำเข้าตรวจโรงงานไทย
- พาณิชย์หั่นเป้าหมายส่งออกเหลือ 3.5% หลังมูลค่า 5 เดือนแรกติด 1.22% เหตุตลาดจีน-ญี่ปุ่น-อาเซียนลดลง ด้านกสิกรไทยชี้ต่ำกว่าคาด ปรับเป้าเหลือ 3% ขณะคลังแจงภาวะเศรษฐกิจพ.ค.ฟื้นตัวระบุส่งออกร่วงสะท้อนเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน
- พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เรียกหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อหารือถึงมาตรการและผลกระทบทางการค้า อันเป็นผลมาจากการที่สหรัฐปรับลดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ในไทยลงมาอยู่ใน Tier 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
- ตลาดหลักทรัพย์เผยยอดบัญชีอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้งพุ่ง เฉียด 6.5 แสนบัญชี หรือ 67% ของทั้งระบบ คาดอนาคตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนมีสัดส่วนเป็น 80-90 % ใกล้เคียงตลาดหุ้นไต้หวัน-เกาหลีใต้ มั่นใจปีนี้ปั้นนักลงทุนหน้าใหม่ได้ตามเป้า 8 หมื่นราย ดันบัญชีการซื้อขายทั้งหมดเกิน 1 ล้านบัญชี ได้อานิสงส์ภาวะตลาดครึ่งปีหลัง-หุ้นไอพีโอหนุน
*หุ้นเด่นวันนี้
- TISCO(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 57 บาท คาดกำไรสุทธิ 57 เพิ่ม 6% Q-Q แต่ยังลดลง 15% Y-Y กำไรฟื้นตัว Q-Q มาจากการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง จากสถานการณ์ NPL กลุ่มสินเชื่อรายย่อยเริ่มผ่อนคลาย ไม่ใช่มาจากการเติบโตของรายได้ เพราะคาดสินเชื่อยังหด 1-2% Q-Q ทำให้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 57 ลง 5% เป็นหดตัว 6% Y-Y จากการปรับลดการเติบโตของสินเชื่อเหลือ 6% จากเดิม 10% แต่คงประมาณการกำไรปี 58 โต 14% Y-Y สถานการณ์แย่สุดผ่านไปแล้ว
- EGCO(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ซื้อโรงไฟฟ้าถ่านหิน Masinloc Power Partner กำลังผลิต 630 เมกะวัตต์(MW)ในฟิลิปปินส์ด้วย US$453 ล้าน ทำให้กำลังการผลิตของ EGCO เพิ่มขึ้น 258MW(5.7%)จากปัจจุบัน 4,518MW เป็น 4,776MW และในอีก 1-2 ปีข้างหน้า มีโอกาสขยายการผลิตเท่าตัวคืออีก 630MW และจะเริ่มขายไฟฟ้าส่วนขยายประมาณปี 62 ปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหิน Masinloc มีกำไรสุทธิปีละประมาณ 4,359 ล้านบาท รับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ถือหักดอกเบี้ยจ่าย EGCO จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 1,000-1,140 ล้านบาท/ปี หรือ 16% ของประมาณการกำไร มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 10 บาทจากปัจจุบันที่ 155 บาท
- THCOM(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 43 บาท ราคาหุ้นอ่อนลงเป็นโอกาสสะสม ปัจจัยบวกระยะสั้นคาดกำไรปกติ 2Q57 โตโดดเด่นกว่า 39% QoQ และ 21% YoY จากไทยคม 6 โตตามอัตราการให้บริการที่ขึ้นมาที่ 60% และต้นทุนลดลงสู่ปกติหลังไม่มีค่าเช่าดาวเทียมชั่วคราว เก็งโอกาสรับรู้รายได้ IPSTAR ในจีน อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ รวมถึงการยิงไทยคม 7 ใน ก.ค.
- KBANK(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 215 บาท การปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังและควบคุมการเติบโตไม่ให้ ทำให้ KBANK มีความเสี่ยงจากคุณสินทรัพย์จำกัด ยังโดดเด่นจากความสามารถในการทำกำไรบนระดับ ROE ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารขนาดใหญ่ด้วยกัน อีกทั้งยังมีสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมสูง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากสินเชื่อที่ชะลอตัวลงได้
- AP(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 7.70 บาท เป็นหนึ่งใน Top Pick กลุ่มที่พักอาศัย รับรู้รายได้จาก Backlogสูง ยอด Presales ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยเฉพาะพ.ค.57 มียอดขายถึง 4.5 พันล้านบาท มากกว่ายอดขายทั้ง 4M57 ที่มียอดขายสะสม 3 พันล้านบาท เพราะเปิดขายคอนโดใหม่ 3 แห่ง และใน 2H57 จะเปิดเพิ่มขึ้นอีกหลังความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น โมเมนตัมกำไรสุทธิสดใส หลัง 1Q57 ต่ำสุดของปีนี้แล้วดีขึ้นเป็นลำดับ(4Q57 จะกำไรสูงสุดของปี)และปี 58 กำไรสุทธิจะโตได้ถึง 23% สูงกว่าค่า Median ของกลุ่มที่ 8% Valuation ก็จูงใจ
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเฟดเล็งขึ้นดอกเบี้ยต้นปีหน้า
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต้นปีหน้า
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เคลื่อนไหวที่ระดับ 145.49 จุด เมื่อเวลา 9.53 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,290.75 จุด ลดลง 17.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,031.91 จุด ลดลง 6.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,188.48 จุด ลดลง 9.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,316.89 จุด ลดลง 4.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,990.90 จุด ลดลง 4.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,271.86 จุด ลดลง 6.71 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,889.34 จุด ลดลง 0.63 จุด
หุ้นออราเคิล คอร์ป เจแปน ร่วงลง 4.2% ขณะที่หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ลดลง 1.1%
ตลาดหุ้นเอเชีย ได้รับแรงกดดันหลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซ็นต์หลุยส์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์ บิสซิเนส เน็ทเวิร์คว่า เขาคาดว่าเฟดอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงต้นปี 2558 ขณะที่เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นบ่งขี้ว่าใกล้ถึงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว
นายบูลลาร์ด กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับตัวกลับมาอยู่ใกล้เป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2% ภายในปีนี้ ขณะเดียวกันอัตราว่างงานจะปรับตัวลงต่ำกว่า 6%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หลังปธ.เฟดเซนต์หลุยส์แย้มเฟดเล็งขึ้นดบ.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับตัวลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 341.86 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,439.63 จุด ลดลง 20.97 จุด หรือ -0.47% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,804.90 จุด ลดลง 62.85 จุด หรือ -0.64% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,735.12 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด หรือ +0.02%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากนายบุลลาร์ดกล่าวให้สัมภาษณ์กับ FOX Business เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ระดับ 2% ภายในปีนี้
ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของนายบุลลาร์ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในการประชุมครั้งล่าสุดนั้น เฟดให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไปอีกก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฝรั่งเศสในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 86 จาก 85 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับฐานะทางการเงินในอนาคตและความสามารถในการจับจ่าย
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ปรับตัวลง 6.5% ขณะที่หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 4.3% หลังจากธนาคารคาดการณ์ว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกอาจจะลดลง 20% เนื่องจากยอดเงินกู้หนี้เสียปรับตัวสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มบริษัทสร้างบ้านของอังกฤษดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Taylor Wimpey ปรับตัวขึ้น 5.2% ขณะที่หุ้น Barratt Developments ดีดตัวขึ้น 4.8% และหุ้น Persimmon พุ่งขึ้น 5%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 21.38 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.เร็วกว่าคาด
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 มิ.ย.) หลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,846.13 จุด ลดลง 21.38 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,379.05 จุด ลดลง 0.71 จุด หรือ -0.02% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,957.22 จุด ลดลง 2.31 จุด หรือ -0.12%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากนายบุลลาร์ดกล่าวให้สัมภาษณ์กับ FOX Business เมื่อวานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ระดับ 2% ภายในปีนี้
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของนายบุลลาร์ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดลดช่วงลบในตอนบ่าย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าวจริงหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาของสหรัฐ
โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเป็นหนึ่งในข้อมูลเศรษฐกิจที่ตลาดการเงินจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดนั้น อาจทำให้มีการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ลงอีก หลังจากที่เมื่อวานนี้ ทางการสหรัฐได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกเป็น หดตัวลง 2.9% ซึ่งมากกว่าในการประมาณการก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าหดตัวลงเพียง 1%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มิ.ย. ปรับตัวลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 312,000 ราย ซึ่งปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 310,000 ราย
หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ร่วงลง 7.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการรายไตรมาสจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.08-1.16 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ขณะที่หุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 2.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการลงสู่ระดับ 4.87-4.97 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.09-5.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้นอัลโค อิงค์ ดีดตัวขึ้น 2.7% เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า อัลโคจะซื้อกิจการบริษัทเฟิร์ธ ริกซอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนด้านอากาศยานรายใหญ่ของอังกฤษ มูลค่ารวม 2.5 พันล้านดอลลาร์ทั้งในรูปเงินสดและหุ้น
อินโฟเควสท์
