WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET43ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขึ้นตามตลาดทั่วโลก ขานรับศก.สหรัฐฯแกร่ง-น้ำมันดีดขึ้น

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกราว 0.2-0.3% ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นภายหลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาแล้วยังอยู่ในช่วงกำลังขยายตัวและยังขยายตัวต่อเนื่องได้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็มีการดีดกลับขึ้นมาด้วย

     ด้านปัจจัยในประเทศ ภาวะเศรษฐกิจก็เริ่มมีความหวังว่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/58 หลังรัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงิน 1.3 แสนล้านบาท และยังมีโครงการลงทุนอื่นด้วย เช่น การนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน นอกเหนือจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะกลับมาท่องเที่ยวไทยได้มากขึ้น

พร้อมให้แนวรับ 1,355-1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380-1,385 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(2 ก.ย.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,351.38 จุด พุ่งขึ้น 293.03 จุด(+1.82%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 113.87 จุด(+2.46%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,948.86 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด(+1.83%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 264.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 36.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.56 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.32 จุด

     ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้(3 ก.ย.)เนื่องในวันเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 ก.ย.58)1,372.45 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด (+0.74%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 996.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ย.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 ก.ย.58) ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 84 เซนต์

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 ก.ย.58)ที่ 6.53 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 35.81 แนวโน้มอ่อนค่าตามภูมิภาค หลังเงินไหลออก-รอปัจจัยใหม่

    - "สมคิด" มอบนโยบาย "พาณิชย์" จัดทัพกู้เศรษฐกิจไทย เน้นดูแลค่าครองชีพ ช่วยเหลือเกษตรกร และจัดลำดับตลาดส่งออกใหม่ เพิ่มคน เพิ่มตลาดเป้าหมาย พร้อมเร่งขยายการค้าภาคบริการ เผยนายกฯ ไฟเขียวภาคเอกชนเข้าหารือ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาอุปสรรคส่งออก ย้ำการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ด้าน กกร.ชงรัฐเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

      - ฟิทช์ เรทติ้งส์ประเมินความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือ SME ของธนาคารพาณิชย์ไทย มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่อาจส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์โดยรวมปรับตัวแย่ลง และส่งผลให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างธุรกิจที่กระจายตัว และมีความหลากหลายกว่า น่าจะสามารถรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าวได้ดีกว่า และไม่น่าจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตมากนัก

   - ธปท.เผยหลังผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้คนไทยลงทุนต่างประเทศสะดวกขึ้น และต่างชาติทำธุรกิจในไทยคล่องตัวมากขึ้น พบธุรกรรมตลาดเพิ่มขึ้น และยังไม่พบพฤติกรรมน่ากลัว ระบุการเคลื่อนไหวเงินบาทไม่ใช่การผ่อนคลายกฎอย่างเดียว ส่วนเปิดทางคนไทยลงทุนนอกด้วยตัวเองไม่ผ่านตัวกลาง เป็นจุดเริ่มต้นสร้างรายได้และลูกค้าของตัวกลางเพิ่มขึ้น

     - "ออมสิน ชีวะพฤกษ์"รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังมอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดที่ดูแลว่า ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง วงเงิน 8.6 หมื่นล้านบาทให้ได้ภายในปีนี้ โดยโครงการแรกที่ประมูลได้ก่อน คือ เส้นทางช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ถัดมาเป็นเส้นทางช่วงจิระ-ขอนแก่น และเส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ส่วนอีก 3 เส้นทาง ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และช่วงนครปฐม-หัวหิน อยู่ระหว่างศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีเอไอ) ซึ่งหลังจากนี้จะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เร่งรัดการศึกษาให้เสร็จโดยเร็ว

*หุ้นเด่นวันนี้

     - TPIPL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 3.40 บาทคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ เนื่องจากงบลงทุนของภาครัฐฯที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบจะเป็นตัวแปรสำคัญให้เศรษฐกิจไทยใน 2H58 ฟื้นตัวได้ และเป็นเครื่องมือหลักที่รัฐฯสามารถทำได้ทันที พร้อมคาดกำไรจากการดำเนินงานปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงไฟฟ้าขยะอีก 55 MW เริ่มจ่ายไฟเข้าสู่ระบบแล้วในกลางเดือนส.ค. น่าจะมาชดเชยกับการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ TPIPL แปลงหนี้สกุลเงินยูโร 163 ล้าน เป็นเงินบาท หลังออกหุ้นกู้สำเร็จ

      - SYNTEC(โกลเบล็ก)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 3.55 บาท ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 58 ที่ 7,300 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 3,591 ล้านบาท มองมีโอกาสทำได้ตามเป้า อีกทั้งคงเป้ากำไรขั้นต้นที่ 12-15% โดยแนวโน้ม 2H58 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากงานใหม่ที่เริ่มรับรู้รายได้มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 15% ทั้งนี้ ไตรมาส 2/58 ยอดปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ระดับ 12,441 ล้านบาทสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ทำให้รายได้มีความมั่นคงในอีก 2 ปีต่อจากนี้ และพร้อมร่วมประมูลงานงานใน 2H58 อีก 7 พันล้านบาท

        - TKS(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 12 บาท หากสปช.โหวตรับร่างรธน.เสาร์นี้ จะเป็นข่าวดีสำหรับ TKS เพราะเป็นตัวเต็งในการพิมพ์บัตรประชามติร่างรธน.สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 46-49 ล้านคน หากบริษัทได้งานดังกล่าว กำไรจะเพิ่มจากปกติ 15-20% แต่ถึงแม้ TKS ไม่ได้งานพิเศษดังกล่าว ราคาหุ้นปัจจุบันก็น่าซื้อสะสมอยู่แล้ว เพราะคิดเป็น PE ที่ถูกเพียง 10.3 เท่าปีนี้และ 8.9 เท่าปีหน้า และ Dividend yield 6% ต่อปี (1H15 จ่ายแล้ว 0.10 บาท/หุ้น ครึ่งปีหลังมักจ่ายเป็นหุ้นปันผล) กำไร 1H15 ลด 19% Y-Y ตามเศรษฐกิจ แต่คาดทั้งปีโต 7% เพราะได้งานพิมพ์แสตมป์และคูปองให้ร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรด

      - SAMART(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 23 บาท คาดกำไรปีนี้ลดลง 19% แต่ราคาหุ้นปรับลงถึง 50% YTD ทำให้มี PE 16 เท่าปีนี้และ 14 เท่าปีหน้า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 17-18 เท่า ล่าสุดมีลุ้นได้งานนำสายไฟลงดินเพื่อปรับทัศนียภาพกรุงเทพฯ วงเงิน 1.43 แสนล้าน เพราะมีบริษัทย่อย Teda ทำงานประเภทนี้อยู่แล้ว

     - SAMTEL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 22.20 บาท ราคาหุ้น -18% YTD สวนทางกับกำไรปกติปีนี้ที่คาดโต 18% และปีหน้าโตอีก 15% และ Backlog ที่มีถึง 9 พันล้านบาท ปัจจุบันมี PE 15 เท่าและจะลดลงเหลือ 13 เท่าปีหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (Beige Book) ทั้ง 12 เขต ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี

     ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.4% แตะ 126.45 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,359.53 จุด เพิ่มขึ้น 264.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,071.37 จุด ลดลง 36.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,929.78 จุด เพิ่มขึ้น 14.56 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,878.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.81 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,597.51 จุด เพิ่มขึ้น 7.32 จุด

      ทั้งนี้ รายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในช่วงเดือนก.ค.จนถึงกลางเดือนส.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 24.77 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

     ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ 0.41% ที่ 6,083.31 จุด

      หุ้นแอชเฮด กรุ๊ป ผู้ให้บริการเช่าอุปกรณ์รายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 7.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า รายได้ตลอดทั้งปีของบริษัทอาจจะสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด

    หุ้นกลุ่มพลังงานนำโดยรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 0.33% และหุ้นบีพี ลดลง 1.17% หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมากกว่า 4% ในการซื้อขายระหว่างวัน หลังจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเกินคาด

    นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อจับสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

   ส่วนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย ซึ่งตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแรงในภาคเอกชนทำให้นักลงทุนบางส่วนคาดว่า เฟดอาจจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

    ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 353.86 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,554.92 จุด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด หรือ +0.30% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,048.05 จุด เพิ่มขึ้น 32.48 จุด หรือ +0.32% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.31 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ +0.41%

    ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก

    นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อจับสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

     ส่วนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย ซึ่งตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแรงในภาคเอกชนทำให้นักลงทุนบางส่วนคาดว่า เฟดอาจจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน

      หุ้นกลุ่มสุขภาพปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ ปรับขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นยูนิเครดิต และหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 293.03 จุด รับมุมมองศก.เชิงบวก

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (Beige Book) ทั้ง 12 เขตระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,351.38 จุด พุ่งขึ้น 293.03 จุด หรือ +1.82% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 113.87 จุด หรือ +2.46% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,948.86 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด หรือ +1.83%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก

   นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังขานรับรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในช่วงเดือนก.ค.จนถึงกลางเดือนส.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

    ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2013 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 2

     สำหรับ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดนั้น ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย 

     หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ หุ้นไมโครซอฟท์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.5% ส่วนหุ้นอินเทล คอร์ป ปรับขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยชิพรุ่นใหม่ที่สามารถใช้งานกับแล็บท็อปได้ง่ายขึ้น ขณะที่หุ้นเฟ๊ซบุ๊กพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้น PayPal เพิ่มขึ้น 3.2%

     หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้นอย่างน้อย 5% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของอเมริกัน แอร์ไลน์

    หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเทโซโร คอร์ป และหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน ทะยานขึ้นกว่า 3%

      นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค. และดัชนีภาคการบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

      นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!