WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET24ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัว-อาจผันผวนได้ ตัวแปรราคาน้ำมัน-จับตาประชุมครม.

       นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยมีโอกาสที่จะผันผวนได้มาก จากตัวแปรหลักสำคัญที่ราคาน้ำมันซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นแรง แต่ในช่วงเช้านี้ราคาน้ำมันกลับมีการแกว่งตัวลง อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันนี้ ที่จะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะทำให้มีการเล่นเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐฯ แต่หุ้นเหล่านี้ก็ได้มีการเล่นเก็งกำไรกันมาแล้วส่วนหนึ่ง

    ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยยังคงจับตาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนก.ย.นี้ และติดตามกรณีที่ทางการจีนจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายราย รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทดีลเลอร์ หลังจากมีข้อมูลระบุว่าบุคคลเหล่านี้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและใช้ข้อมูลวงใน จนเป็นเหตุให้ตลาดหุ้นจีนผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,400 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(31 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,528.03 จุด ร่วงลง 114.98 จุด(-0.69%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,776.51 จุด ลดลง 51.81 จุด(-1.07%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.18 จุด ลดลง 16.69 จุด(-0.84%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 126.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 57.42 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 48.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 7.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 22.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 5.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 42.73 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(31 ส.ค.58) 1,382.41 จุด เพิ่มขึ้น 16.47 จุด (+1.21%)

     - นักลงทุน  ต่างชาติซื้อสุทธิ 410.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(31 ส.ค.58) ปิดที่ 49.2 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 3.98 ดอลลาร์

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(31 ส.ค.58)ที่ 4.31 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 35.82 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์-รอดูตัวเลขเงินเฟ้อไทย

      - นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ก.ย. จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แพ็กเกจเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย มาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐลงไปสู่ระดับตำบล และมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของโครงการขนาดเล็ก เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีส่วนเข้าไปรับงานโครงการรัฐได้ จะได้เกิดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจ

    - จับตา กบง.ที่มี "อนัตพร" เป็นประธานนัดแรกประชุม 7 ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณาราคา แอลพีจีขายปลีกตามกลไกตลาดโลกประจำเดือนกันยายน คาดเคาะลง 70 สต./กก.ด้าน สปช.เสนอผลงาน 18 ข้อส่งรัฐบาลให้ดำเนินการภายในปีนี้และระยะ 1-3 ปี ทั้งเลิกสูตรนำเข้าน้ำมันอ้างอิงสิงคโปร์หน้าโรงกลั่นฯ เลิกการแทรกแซงราคาจากทั้ง ปตท.-บางจากเพื่อให้กลไกเป็นแบบเสรี

     - นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงวัฏจักรขาลง และยังไม่จบแค่นี้ มีแนวโน้มที่จะลงอีก และปีหน้าสงครามการส่งออกจะแข่งขันรุนแรงกว่านี้ มีโอกาสที่สงครามนี้จะกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนผ่านการลดค่าเงินหยวนนั้นจะต้องจับตาดูให้ดี เพราะมีผลสะเทือนทั่วโลก และอาจลามเป็นโดมิโนในปีหน้า

    - ผู้ว่าการฯ ธปท.เผยภาพเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังไม่แตกต่างช่วงครึ่งแรก ระบุใช้เครื่องมือนโยบายการเงินเต็มที่ในการดูแลเศรษฐกิจ ส่วนการที่รัฐออกปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในช่วงสั้นๆ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน แต่ให้ระวังปัญหาหนี้ครัวเรือน เล็งเสนอร่างกฎหมายชำระเงินให้ ครม.เร็วๆ นี้

   - ส.อ.ท.แนะรัฐปฏิรูปเศรษฐกิจไทยลดพึ่งพิงการส่งออกจาก 70% ของ GDP เหลือ 50% เร่งรัฐลงทุน ดูแลท่องเที่ยว และการบริโภคภาคครัวเรือนให้มากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจาก ศก.โลก ตั้งความหวัง "สมคิด" ทยอยคลอดมาตรการดูแลพลิก ศก.ครึ่งปีหลังดีขึ้นต่อเนื่องถึงปี 2559 ย้ำประชานิยมในสินค้าเกษตรเลิกทันทีไม่ได้เพราะทำกันมานานเกิน แต่ต้องค่อยๆ ปรับเป็นโซนนิ่ง พร้อมหนุนดิจิทัลอีโคโนมี

  - นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในระยะต่อไปประเทศไทยมีโอกาสที่จะยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการโอนเงิน หรือการชำระเงินข้ามเขตพื้นที่ เนื่องจากต่อไประบบการชำระเงินจะเข้าสู่ระบบเรียลไทม์มากขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่ค่าธรรมเนียมต่างๆ จะลดลง เพราะเมื่อพัฒนาระบบไประยะหนึ่ง การบริการต่างๆ จะสะดวก ปลอดภัย คล่องตัวสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการได้ด้วย

*หุ้นเด่นวันนี้

   - IRPC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 4.30 บาท คาดหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีจะปรับตัว Outperform ในวันนี้ หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ปรับตัวขึ้นวันที่ 3 ติดต่อกัน ดังนั้น คาดว่าจะเห็นการเกิด Short Covering อย่างต่อเนื่อง แม้ราคาน้ำมันดิบ Dubai ใน 3Q58 จะยังลดลง -21.4% QTD แต่เชื่อว่า IRPC จะยังเด่นกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจาก IRPC จะมีการบันทึกกำไรพิเศษเงินประกันรับคืนจากเหตุไฟไหม้ เข้ามาช่วยหักล้างผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ส่วนหนึ่ง พร้อมคาดผลประกอบการปี 2558 พลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 6,556 ล้านบาท

    - CSS (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 7.50 บาท เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการประมูล 4G ไม่ว่าใครจะชนะการประมูลก็ตาม ต้องมีการติดตั้งเสา 4G เพิ่ม ในขณะที่ราคาหุ้น underperform ที่สุดในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ 4G

    - CPN (ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 60 บาท ชอบในประเด็นกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากศูนย์การค้าที่ประสบความสำเร็จถึง 28 แห่ง ทั้งนี้ CPN ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของไทยน้อย พิจารณาจากอัตราเติบโตจากสาขาเดิม(SSS) รอบ 1H58 เป็น 3.9% y-o-y แม้รายได้เพิ่มเพียง 7% แต่กำไรสุทธิเพิ่ม 17% เพราะดอกเบี้ยจ่ายต่ำลง และบริหารการลดต้นทุนได้ดี หลังใช้สมมุติฐานในการจัดทำประมาณการในเรื่องอัตรการเช่า(OR) และค่าเช่าที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น ได้มีการปรับลดคาดการณ์กำไรปี 58-60 ลงในอัตรา 2-3% แต่อัตราการเติบโตในช่วง 3 ปีข้างหน้ายังเติบโตดีเป็น 14% ต่อปี

    - BTS(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 10.40 บาท  อัตราผลตอบแทนเมื่อรวมเงินปันผลปีนี้เป็น 13.6% คาดว่ากำไรหลักปีนี้จะลดลง 12% y-o-y แต่กำไรสุทธิปีนี้ยังโตก้าวกระโดด 73% y-o-y จากการบันทึกกำไรพิเศษการสว็อปหุ้นของบริษัทในกลุ่มกับ U กำไรหลักปี 59-60 กลับมาฟื้นตัว 8% y-o-y และจะไปเติบโต CAGR 3 ปีถัดจากนั้นถึง 82% ต่อปี

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% แตะ 129.69 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,763.72 จุด ลดลง 126.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,117.50 จุด ลดลง 57.42 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,934.44 จุด ลดลง 7.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,915.53 จุด ลดลง 5.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,655.47 จุด เพิ่มขึ้น 42.73 จุด

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจจีนในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนส.ค.โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนส.ค.โดยมาร์กิต และไคซิน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย,ตลาดหุ้นจีนร่วง

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน แม้ว่าทางการจีนได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นก็ตาม

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 362.79 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,652.95 จุด ลดลง 22.18 จุด หรือ -0.47% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,259.46 จุด ลดลง 39.07 จุด, -0.38%

   นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายสแตนเลย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าในการกล่าวปาฐกถาที่เมืองแจ็คสัน โฮลในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน หลังระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน แม้ว่าทางการจีนดำเนินการหลายด้านเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นก็ตาม โดยล่าสุดมีรายงานว่าทางการจีนได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยหลายราย ซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่ด้านกำกับดูแลหลักทรัพย์และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทดีลเลอร์ หลังจากมีข้อมูลระบุว่าบุคคลเหล่านี้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ และเผยแพร่ข้อมูลวงในเพื่อเอื้อประโยชน์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ (insider dealing)

    หุ้นอิเลียด เอสเอ ร่วงลง 4.4% หลังจากบริษัทปรับลดแนวโน้มทางธุรกิจ อันเนื่องมาจากการแข่งขันที่ดุเดือด ขณะที่หุ้น RWE ร่วงลง 4.4% หลังจากบริษัทประกาศลดการจ่ายเงินปันผล

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 114.98 จุด วิตกเฟดขึ้นดบ.กระทบศก.

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

  ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,528.03 จุด ร่วงลง 114.98 จุด หรือ -0.69% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,776.51 จุด ลดลง 51.81 จุด หรือ -1.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.18 จุด ลดลง 16.69 จุด หรือ -0.84%

  นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า สู่ระดับ 2.8% เทียบกับระดับ 3% ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ มูดีส์ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ อันเนื่องมาจากการส่งออกที่ซบเซาลง

   นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงนายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด

   ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึง GDP ไตรมาส 2/2558 ของสหรัฐที่ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% อันเนื่องมาจากภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุนและเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายของรัฐบาล

    หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง นำโดยหุ้นเมอร์ก แอนด์ โค และหุ้นเซลจีน คอร์ป ที่ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.7%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นยาฮู และหุ้นเฟซบุ๊ก ต่างก็ร่วงลงอย่าง 1.7%

    หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน โดยหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 4.9% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 5% แต่หุ้นฟิลิปส์ 66 พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เข้าซื้อหุ้นในฟิลิปส์ 66 มูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นเบิร์กเชียร์ ร่วงลง 1.3%

    หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง โดยหุ้นโบอิ้ง ลดลง 1.9% หุ้นเท็กซ์ตรอน ดิ่งลง 1.8% หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 1.4% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี ปรับลง 1.3%

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนส.ค.,  ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านก่อสร้างเดือนก.ค.

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

    นายสแตนเลย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด เปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าในการกล่าวปาฐกถาที่เมืองแจ็คสัน โฮลในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน หลังระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,528.03 จุด                         ลดลง 114.98 จุด     -0.69%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,776.51 จุด                     ลดลง 51.81 จุด      -1.07%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,972.18 จุด                       ลดลง 16.69 จุด      -0.84%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,259.46 จุด                          ลดลง 39.07 จุด      -0.38%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,652.95 จุด                        ลดลง 22.18 จุด      -0.47%

          *ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 31 ส.ค. เนื่องในวัน Summer Bank Holiday

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,174.92 จุด                          เพิ่มขึ้น 155.74 จุด    +1.94%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,890.48 จุด                    ลดลง 245.84 จุด     -1.28%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,941.49 จุด                        เพิ่มขึ้น 3.82 จุด      +0.20%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,222.10 จุด      ลดลง 52.60 จุด      -1.00%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,207.00 จุด            ลดลง 56.60 จุด      -1.08%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,205.99 จุด                     ลดลง 26.36 จุด      -0.82%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,670.58 จุด                             เพิ่มขึ้น 58.19 จุด     +0.27%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,509.61 จุด     เพิ่มขึ้น 63.41 จุด     +1.43%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,921.44 จุด                      ลดลง 34.50 จุด      -1.17%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,283.09 จุด                        ลดลง 109.29 จุด     -0.41%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,528.03 จุด ร่วงลง 114.98 จุด หรือ -0.69% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,776.51 จุด ลดลง 51.81 จุด หรือ -1.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.18 จุด ลดลง 16.69 จุด หรือ -0.84%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน แม้ว่าทางการจีนได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นก็ตาม

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 362.79 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,652.95 จุด ลดลง 22.18 จุด หรือ -0.47% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,259.46 จุด ลดลง 39.07 จุด, -0.38%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 31 ส.ค. เนื่องในวัน Summer Bank Holiday

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ประกาศปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐ

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.2 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ 

           สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่  1,132.50 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 3.7 เซนต์ ปิดที่ 14.586 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 11.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,010.50 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 12.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 602.25 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ยังคงประเมินความชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1220 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1179 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5349 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5391 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 121.20 เยน จาก 121.33 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9675 ฟรังก์ จาก 0.9630 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7121 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7164 ดอลลาร์

    อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!