WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET45โบรกฯคาด SET สัปดาห์หน้าบวกต่อ ชี้ได้น้ำมัน นโยบายรัฐฯกระตุ้นศก.ช่วยหนุน แต่หวั่นการเมืองร้อนช่วงโหวตร่างรธน. แนะเก็งกำไรระยะสั้น

   โบรกฯ คาด ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าบวกต่อ พร้อมจับตาการประชุมเฟดเดือนก.ย. - ราคาน้ำมันดิบหากพุ่งต่อจะหนุนหุ้นพลังงานบวก  ส่วนในประเทศ ได้ลุ้นนโยบายกระตุ้นศก.เข้าครม.ช่วยหนุน  แต่ยังต้องจับตาร่างรัฐธรรมมนูญฉบับใหม่ ช่วงต้นเดือนก.ย.จะทำการเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ประเมินแนวรับ 1,330 แนวต้าน 1,390 -1,400 จุด ให้หุ้นเด่น TVO - BDMS - IFEC

   นายยศพล แสงนิล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ในช่วงเช้าบวกค่อนข้างแรงก่อนย่อตัวหลังในช่วงท้ายตลาดแต่ยังสามารถยืนในแดนบวกได้ ปัจจัยหลักมาจากการรีบาวน์ของหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นหลัก โดยก่อนหน้านี้ปรับตัวลงค่อนข้างแรงตามราคาน้ำมันโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนจากกำลังการผลิตที่ยังล้นตลาด ส่วนกลุ่มที่กลับมากดดันในช่วงท้ายตลาดได้แก่กลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มสื่อสาร ซึ่งมีแรงขายทำกำไรค่อนข้างสูง

   ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศยังคงเป็นบวกได้แก่จีนที่ก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจแต่ทางรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าธนาคารภายในประเทศรวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยราว0.25%เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ส่วนธนาคากลางสหรัฐ(เฟด)มีแนวโน้มที่จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง ก.ย.58นี้ค่อนข้างสูงแม้ตัวเลขทางเศรษฐกิจจะออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดแต่เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังไม่เอื้ออำนวยต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้

   สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดว่า ดัชนียังคงรีบาวน์ต่อเล้กน้อย โดยต้องจับตาปัจจัยจากต่างประเทศอย่างเฟดที่จะมีการประชุมในช่วงเดือนก.ย.นี้ และติดตามราคาน้ำมันดิบหากราคาปรับตัวดีขึ้นจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มใหญ่ที่มีผลต่อดัชนีฯอย่างพลังงานสามารถยืนแดนบวกได้ ประเมินแนวรับ 1,330 แนวต้าน 1,390จุด

   กลยุทธ์การลงทุนในช่วงสัปดาห์หน้าแนะนำเก็งกำไรระยะสั้นสั้น เพื่อรอความชัดเจนของเฟด เน้นหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หรือปิโตเคมี หุ้นเด่น TVOราคาเป้าหมาย33.75บาท,BDMSราคาเป้าหมาย25.50บาท,IFECราคาเป้าหมาย 15บาท

    ด้านนางสาวธีรดา  ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกต่อเนื่อง  จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สดใส ล่าสุด ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ Q2/58 ขยายตัว 3.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3% อีกทั้งราคาน้ำมันโลกรีบาวน์ หนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน

   แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายดัชนีฯ ลดช่วงบวกลงมา สะท้อนแรงกังวลของนักลงทุนจากปัจจัยกดดันต่าง ๆ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะท่าทีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะชัดเจนมากขึ้นในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. แต่ระหว่างทางที่จะถึงวันประชุม ย่อมมีผันผวนจากความไม่ชัดเจน แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเสียงส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย. แต่ด้วยปัญหาเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เข้ามากระทบ ทำให้แรงคาดการณ์นั้นมีน้ำหนักน้อยลง และเริ่มมีเสียงคาดการณ์บางส่วนว่าเฟดอาจจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเดือน ธ.ค. แทน

   ขณะที่ราคาน้ำมันโลก แม้จะฟื้นตัวขึ้นมา แต่โดยรวมยังมองว่าภาพใหญ่ยังอยู่ในช่วงขาลง เพราะยังเผชิญแรงกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ขณะที่อุปสงค์ก็ยังต่ำ ส่วนการดีดฟื้นตัวช่วงสั้นนี้ อาจจะมาจากความคาดหวังว่าอุปสงค์ในสหรัฐฯ จะดีขึ้น จากตัวเลข GDP Q2/58 ออกมาดีเกินคาด

   ส่วนปัจจัยในประเทศ สัปดาห์หน้าติดตามการนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ตลอดจนติดตามการทำงานของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ โดยมองว่าอย่างน้อย ณ ขณะนี้ การเข้ามาทำงานของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ได้เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาบ้าง แต่ส่วนที่ต้องติดตามนับจากนี้ไปก็คือ การดำเนินงานที่เป็นขั้นตอน เห็นความคืบหน้ามากขึ้น ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับผู้มีรายได้น้อย

   นอกจากนี้ ยังมีเรื่องปัจจัยทางการเมืองที่ต้องติดตาม คือ ร่างรัฐธรรมมนูญฉบับใหม่ ช่วงต้นเดือน ก.ย. จะทำประชาวิจารณ์ ซึ่งช่วงดังกล่าว น่าจะเห็นการเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง แต่ที่เป็นกังวลมากกว่าคือ หากร่างรัฐมนูญฉบับนี้ถูกคว่ำ แน่นอนว่าการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ว่าจะเกิดขึ้นใน Q3/59 ต้องถูกเลื่อนออกไปแน่นอน ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ยากที่จะเห็นกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในไทยอย่างเต็มตัว แต่อย่างไรก็ตาม แรงกังวลต่อกระแสเงินทุนไหลออกของไทย จะน้อยกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาคโดยเปรียบเทียบ เนื่องจากตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง

   สำหรับสัปดาห์หน้า คาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวน์ต่อในกรอบจำกัด แม้จะมีความหวังจากการเดินหน้าทำงานของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ แต่ด้วยปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่นิ่ง ความไม่ชัดเจนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว และปัญหาการเมืองอาจกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง จึงทำให้การรีบาวน์กลับค่อนข้างจำกัด ขณะที่กรอบการลงทุนในเดือน ก.ย. มองว่าดัชนีไม่น่าจะฟื้นตัวยืนเหนือแนวต้าน 1,400 จุดได้ เพราะยังเผชิญกับปัจจัยกดดันดังกล่าวข้างต้น

   ด้านกลยุทธ์ สำหรับนักเก็งกำไร แนะเน้นขายทำกำไรในจังหวะดัชนีฯ รีบาวน์ ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ทยอยซื้อสะสมในจังหวะดัชนีฯ อ่อนตัว พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,330-1,300 จุด แนวต้าน 1,400 จุด

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!