WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull-market-โบรกฯ คาด SET พรุ่งนี้บวกต่อ รับจีนกระตุ้นศก.เฟดชะลอขึ้นดบ. แถมรัฐฯเร่งอัดงบช่วยเหลือคนรายได้ต่ำ แนะลุยหุ้นปันผล - รับเหมาฯ

    โบรกฯคาด ตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ดัชนีแกว่งบวกอานิสงส์จากจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ-เฟดมีแนวโน้มชะลอขึ้นดอกเบี้ย ส่วนในปท.ได้รัฐฯ เร่งอัดงบลงทุนพร้อมอัดฉีดเงินช่วยเหลือคนรายได้ต่ำ  พร้อมคาดสิ้นปีน้ำมันดิบรีบาวด์เหตุเข้าฤดูหนาว  แนะลงทุนหุ้นปันผลสูงหรือหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นเด่นADVANC-TVO-IRPC-CK-STEC ประเมินแนวรับ 1,330จุดแนวต้าน 1,370จุด และ 1380-1400 จุด เป็นแนวต้านถัดไป

นายยศพล แสงนิล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวบวก รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศเป็นหลักได้แก่รัฐบาลจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิฐภายในประเทศโดยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบธนาคารภายในประเทสเพื่อให้เงินการหมุนเวียนทางการเงินมากขึ้นรวมถึงพร้อมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยก่อนหน้านี้มีมาตราการปรับลดดอกเบี้ยในอัตรา0.25%เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาพรวมให้ดีขึ้น จึงส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงให้ยืนในแดนบวกได้ประกอบกับเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในไทยให้ลงทุนเพิ่มมากขึ้น

  รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วง ก.ย.58นี้เพียง 25-30%เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ซึ่งหากไม่มีมีการขึ้นดอกเบี้ยตามคาดจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติรวมถึงนักลงทุนภายในประเทศกลับเข้ามาซื้อสุทธิมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเฟดอาจมีการประชุมอีกรอบในช่วง ธ.ค.58 เพื่อพิจรณาความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทางยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 60%จากเดิมคาดการไว้70%จากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

  ด้านปัจจัยบวกภายในประเทศคือการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของภาครัฐส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนให้สดใสมากขึ้น โดยกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์อย่างชัดเจนอานิสงส์จากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ากองทุนหมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือคนที่มีรายได้ต่ำ ได้แก่ CPALL-KBANK-SAWAD ส่วนในระยะยาาวคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจากโครงการเมกะโปรเจคที่คาดว่าในเดือนหน้าจะมีการประมูล รถไฟรางคู่เกิดขึ้นและต่อมาคือถนนมอเตอร์เวย์ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้

  ด้านราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลง เนื่องจากกำลังการผลิตยังคงล้นตลาด ซึ่งเกินความต้องการของตลาดโลก แต่อย่างไรก็ตามมองว่าช่วงไตรมาส4/2558 สามารถฟื้นตัวได้ สาเหตุจากเข้าใกล้ฤดูหนาว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบมีปริมาณที่สูงขึ้นประกอบกับผู้ผลิตบางรายล้มเลิกกิจการไปบ้างแล้ว

  สำหรับ แนวโน้มตลาดหุ้นพรุ่งนี้ คาดว่า ดัชนีปรับตัวบวกต่อ โดยดัชนีผ่านแนวต้านสำคัญไปได้แล้วที่ 1,350จุด ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 1,370จุด ได้แรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศให้กลับเข้ามาซื้อสุทธิมากขึ้น รวมถึงแนวโน้มเฟดที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ก.ย.58นี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาลงทุนต่อได้ รวมถึงมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น

    แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้งในระยะยาว ดังนั้นแนะนำการลงทุนช่วงนี้คือเมื่อดัชนีปรับตัวลงสู่แนวรับที่ 1,330ให้ทยอยสะสมหุ้นเพื่อรอขายที่แนวต้านบริเวณ 1,360-1,370 จุด เน้นหุ้นที่ให้อัตราปันผลสูงและหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นเด่น ADVANCราคาเป้าหมาย270บาท,TVO ราคาเป้าหมาย33.70บาท,IRPCราคาเป้าหมาย6.50บาท,CKราคาเป้าหมาย33บาท,STECราคาเป้าหมาย33บาท

  ด้านนายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดี ตามทิศทางเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน รวมถึงท่าทีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยเริ่มคาดการณ์กันว่าเฟดน่าจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากคาดการณ์เดิมในเดือน ก.ย. นี้ เป็นเดือน ธ.ค.

  นอกจากนี้ ยังได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ด้วยการส่งผ่านนโยบายกระตุ้นการบริโภค (Consumption) ของประชาชนมากขึ้น ไปพร้อมกับกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐฯ จากเดิมที่เน้นการกระตุ้นจากภาครัฐฯ ที่ค่อนข้างล่าช้า

  "ตอนนี้รัฐบาลเน้นกระตุ้นผ่านตัว G และตัว C ไปพร้อม ๆ กัน จากเดิมที่เน้นแต่ตัว G มันช้า เพราะถ้าประชาชนไม่มีกำลังซื้อ อะไรมันก็แย่ไปหมด" นายอดิศักดิ์กล่าว

  สำหรับ พรุ่งนี้คาดหุ้นไทยฟื้นตัวต่อในลักษณะเทคนิคอลรีบาวน์ โดยดัชนีฯ ร่วงแรงภายใน 2-3 สัปดาห์ จากระดับ 1,420 จุด มาที่ 1,300 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปี จึงเป็นจังหวะที่มีความผันผวนสูงอยู่ ขณะที่การรีบาวน์ มองว่าได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนักลงทุนทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายภาวะตลาดหมี (Bear Market) หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง และเฟดมีแนวโน้มว่าจะเลื่อนเวลาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปจากคาดการณ์เดิม อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุน

    ขณะที่ราคาน้ำมันโลก มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตาม มองว่า หากดูภาวะอุปสงค์-อุปทานน้ำมันโลก ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จึงทำให้อุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัว ส่วนอุปทานยังคงล้นอยู่ กลุ่มโอเปกยังคงกำลังการผลิต ฉะนั้น การรีบาวน์กลับจึงไม่น่าจะดีดตัวไปไกลมากนัก ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ส่วนใหญ่ร่วงแรงกว่าราคาน้ำมันโลก มองว่า หากจะเข้าซื้อต้องเลือกเป็นบางตัวเท่านั้น เช่น PTTGC

  ด้านกลยุทธ์ แนะเก็งกำไรหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาล อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนหุ้นพลังงาน แนะ PTTGC พร้อมกับประเมินแนวรับ 1340 จุด แนวต้าน 1380-1400 จุด

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!