WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

bull-marketภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ในกรอบจำกัด เล็งแรงหนุนมาตรการกระตุ้นศก.จีน-ไทย

    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ในกรอบจำกัด โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากตลาดต่างประเทศ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน รวมถึงปัจจัยในประเทศจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย

   อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังมีต่อเนื่อง และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ถูกปรับลดประมาณการมากกว่าคาด

พร้อมให้แนวรับ 1,310 จุด แนวต้าน 1,336 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(26 ส.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,285.51 จุด พุ่งขึ้น 619.07 จุด(+3.95%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด(+4.24%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด(+3.90%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 303.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 50.74 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 678.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 47.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 42.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.38 จุด

   - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(26 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,320.08 จุด ลดลง 3.80 จุด (-0.29%)

   - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,433.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ส.ค.58

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(26 ส.ค.58) ปิดที่ 38.6 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 71 เซนต์

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(26 ส.ค.58)ที่ 4.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเช้านี้เปิด 35.61/63 มองกรอบวันนี้ 35.55-35.70

   - กกพ. เคาะลดค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.58 ปรับลดลง 3.23 สต./หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟที่ประชาชนจะต้องจ่ายรวมค่าไฟฐานที่ 3.73 บาทต่อหน่วย ยอมรับลดต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ เหตุบาทอ่อน น้ำน้อย เผยค่าบาทและน้ำน้อยยังอาจทำให้ค่าไฟงวด ม.ค.-เม.ย.59 พลิกเป็นขยับขึ้นได้ แม้ราคาพลังงานจะลดต่ำลง

   - นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท โดยมีหลายมาตรการ เช่น ผ่านกองทุนหมู่บ้าน เริ่มได้ภายใน 1 เดือน การเบิกจ่ายงบลงทุนขนาดเล็กให้ได้ภายใน 3-4 เดือน และมาตรการที่เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย เชื่อมั่นว่าจะเห็นผลต่อระบบเศรษฐกิจภายใน 3 เดือน

    - "อู๋จื้ออู่" อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า จีนจะมุ่งขยายความร่วมมือด้านการลงทุน 4 ด้านกับไทย ได้แก่ 1.สาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยโครงการรถไฟไทย- จีน ถือเป็นโครงการตัวอย่างที่สำคัญ ในอนาคตอาจขยายความร่วมมือสู่การพัฒนาท่าเรือด้วย 2.อุตสาหกรรมชิ้นส่วน ทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ

  - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานปริมาณการซื้อขายเงินตราต่างประเทศระหว่างธนาคารพาณิชย์กับลูกค้าในประเทศ และสถาบันการเงินในต่างประเทศ ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่า ภาพรวมทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศ (รวมธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์) และสาขาธนาคารต่างประเทศ มีปริมาณการซื้อขายเงินตราต่างประเทศรวม (เทิร์นโอเวอร์) เพิ่มขึ้น 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 16.7% จาก 2.95 แสนล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสแรกปีนี้ เป็น 3.44 แสนล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2 ปีนี้

    - นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะเร่งการลงทุนภาคเอกชนโดยจะให้แรงจูงใจพิเศษเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมานักลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังไม่ลงทุนทันที เนื่องจากรอเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวชัดเจนมากกว่านี้ เบื้องต้นรัฐบาลจึงมีแผนจะให้ผู้ประกอบการสามารถหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้กรณีที่ลงทุนซื้อเครื่องจักรนำเข้า แต่จะลดหย่อนได้เท่าใดนั้นยังอยู่ระหว่างให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณา ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ต้องใช้งบภาครัฐไม่เป็นภาระกับงบประมาณ

    - 'กอบกาญจน์' ประเมินบึ้มราชประสงค์ กระทบสั้นๆ แค่ 1 เดือน ประเมินเลวร้ายสุดสูญรายได้ 7 หมื่นล้าน นักท่องเที่ยวหาย 5 แสน-1 ล้าน เร่งโหมกิจกรรมช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมโรดโชว์ทั่วโลก มั่นใจไม่หลุดเป้ารายได้ปีนี้ 2.2 ล้านล้าน 2 องค์การท่องเที่ยวโลกร่วมเชียร์เที่ยวไทย

*หุ้นเด่นวันนี้

      - ATP30(บมจ.เอทีพี 30) เทรดวันนี้วันแรก บนกระดานเทรดของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ด้านบล.เคเคเทรด ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 1.06 บาท เนื่องจากคาดกำไรสุทธิของ ATP30 ที่จะเติบโตในอัตราที่สูงกว่ากลุ่มในระยะ 1-2 ปีนี้หลังรับเงิน IPO ในครั้งนี้ ซึ่งจะเสนอขายจำนวน 160 ล้านหุ้น ราคาจอง 0.95 บาท (ราคาพาร์ 0.25 บาท) จะนำเงินทุนไปชำระหนี้ เสริมสภาพคล่องในกิจการและขยายจำนวนรถเพื่อรองรับการให้บริการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ATP30 ให้บริการรถรับส่งแก่พนักงานโรงงานของบริษัทต่างๆในนิคมอุตสาหกรรมตะวันออก (Eastern seaboard) เรามองว่าบริษัทมีทิศทางเติบโตไปตามการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 17 นิคมและกำลังทยอยเริ่มดำเนินการอีก 13 นิคม ได้อานิสงค์จากแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนระยะ 7 ปี (58-64) ของ BOI

     - CK (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 31.20 บาท ประเด็นบวกหนุนคือ มีโครงการรอเซ็นสัญญาใน 4Q58 มูลค่ารวมสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ เขื่อนน้ำบาก 1.7 หมื่นล้านบาท และงานเพิ่มเติมจากส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงิน มูลค่า 3.8 พันล้านบาท

      - ITD(เคเคเทรด)"เก็งกำไร"เป้า 8.25 บาท โครงการภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการปรับ ครม., ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าผู้รับเหมาฯรายใหญ่ด้วยกันอย่าง CK และ STEC

     - WHA(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 5 บาท ราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลง 8% คาดว่าเกิดจากปัจจัยลบทางเทคนิคหลังหลุดแนวรับบริเวณ 3.50 บาท และคงมุมมองเชิงบวกต่อ WHA ที่คาดว่าผลประกอบการ 2H58 จะเติบโตสูงจาก 1H58 เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองทุน REIT อาคารสำนักงาน 2 แห่ง คือ อาคาร SJ Infinite Business Center และ อาคาร Bangna Business Complex พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +298.2% yoy เป็น 5.33 พันล้านบาท และจะขึ้น XW สัดส่วน 10 หุ้นต่อ 1 Warrant ในวันที่ 7 ก.ย.

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 600 จุด

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.9% แตะ 127.93 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,680.47 จุด เพิ่มขึ้น 303.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,758.62 จุด เพิ่มขึ้น 678.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,762.63 จุด เพิ่มขึ้น 47.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,912.42 จุด เพิ่มขึ้น 18.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,915.18 จุด เพิ่มขึ้น 42.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,582.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 102.14 จุด เมินมาตรการกระตุ้นศก.จีน

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากตลาดไม่ได้ให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของทางการจีน

     ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วง 102.14 จุด หรือ 1.68% ที่ 5,979.20 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนยังคงปิดในแดนลบ แม้ว่าธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเม็ดเงิน 1.40 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบธนาคารของประเทศ ผ่านปฏิบัติการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น (short-term liquidity operations -SLO) เมื่อวานนี้

     ความพยายามครั้งใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.6% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. และได้ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.

    นักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจมากนักกับการอัดฉีดสภาพคล่องครั้งใหม่ของธนาคารกลางจีน เนื่องจากยังคงมีความกังวลอยู่มากหลังจากที่ตลาดมีความผันผวนในช่วงต้นสัปดาห์

     หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นำตลาดร่วงลงอีกครั้ง โดยหุ้นเกลนคอร์ หุ้นอันโตฟากัสตา และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.5%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน และไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางจีนจะสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอได้หรือไม่

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 350.14 จุด

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,501.05 จุด ลดลง 63.81 จุด หรือ -1.40% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,997.43 จุด ร่วงลง 130.69 จุด หรือ -1.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,979.20 จุด ลดลง 102.14 จุด หรือ -1.68%

    ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน แม้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 1.40 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบธนาคารของประเทศเมื่อวานนี้ ผ่านปฏิบัติการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น (short-term liquidity operations -SLO)

    ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางจีนเพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในข่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังคงเผชิญกับแรงกดดันในช่วงขาลง

   หุ้นซินเทนการ่วงลง 18.2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทมอนซานโต ซึ่งเป็นผู้นำในด้านธุรกิจการเกษตรของสหรัฐ ได้ยกเลิกการเสนอซื้อกิจการซินเทนกา

     อย่างไรก็ตาม หุ้นเบทแฟร์ และหุ้นแพดดี เพาเวอร์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 619.07 จุด รับเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดบ.

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,285.51 จุด พุ่งขึ้น 619.07 จุด หรือ +3.95% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด หรือ +4.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด หรือ +3.90%

     บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ พุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค. เทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%

    ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้น 0.2% ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดต่ำลง โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อที่อยู่อาศัยแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปีที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ ลดลงสู่ 4.08% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 4.11% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

      นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลง และยังไม่เหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

      ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายดัดลีย์สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสหรัฐ

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ หุ้นกูเกิล และหุ้นอินเทล ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 5.5% ขณะที่หุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 7.4% และหุ้นเน็ทฟลิกซ์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 14%

   หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดขึ้น 4.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5%

    หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจบ่อน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 14.8% หลังจากมีรายงานว่า ชลัมเบอร์เกอร์ตกลงซื้อกิจการบริษัทคาเมรอน อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นคาเมรอนทะยานขึ้น 41%

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงการประมาณการจีดีพีช่วงไตรมาส 2/2558 ครั้งที่ 2, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,285.51 จุด                       เพิ่มขึ้น 619.07 จุด     +3.95%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,697.54 จุด                    เพิ่มขึ้น 191.05 จุด     +4.24%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,940.51 จุด                      เพิ่มขึ้น 72.90 จุด      +3.90%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,979.20 จุด                  ลดลง 102.14 จุด      -1.68%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,997.43 จุด                           ลดลง 130.69 จุด      -1.29%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,501.05 จุด                       ลดลง 63.81 จุด       -1.40%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,715.59 จุด                         เพิ่มขึ้น 39.95 จุด      +0.52%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,376.83 จุด                   เพิ่มขึ้น 570.13 จุด     +3.20%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,894.09 จุด                       เพิ่มขึ้น 47.46 จุด      +2.57%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,178.90 จุด     เพิ่มขึ้น 35.10 จุด      +0.68%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,172.80 จุด           เพิ่มขึ้น 35.50 จุด      +0.69%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,927.29 จุด                    ลดลง 37.68 จุด       -1.27%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,867.92 จุด            เพิ่มขึ้น 37.58 จุด      +0.55%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,080.39 จุด                              ลดลง 324.57 จุด      -1.52%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,237.73 จุด     เพิ่มขึ้น 9.23 จุด       +0.22%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,580.37 จุด                     เพิ่มขึ้น 16.43 จุด      +1.05%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,873.00 จุด                     ลดลง 13.29 จุด       -0.46%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,714.66 จุด                       ลดลง 317.72 จุด      -1.22%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,285.51 จุด พุ่งขึ้น 619.07 จุด หรือ +3.95% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด หรือ +4.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด หรือ +3.90%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน และไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางจีนจะสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอได้หรือไม่       

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 350.14 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,501.05 จุด ลดลง 63.81 จุด หรือ -1.40% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,997.43 จุด ร่วงลง 130.69 จุด หรือ -1.29% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,979.20 จุด ลดลง 102.14 จุด หรือ -1.68%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากตลาดไม่ได้ให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของทางการจีน

          ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วง 102.14 จุด หรือ 1.68% ที่ 5,979.20 จุด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 13.7 ดอลลาร์ หรือ 1.20% ปิดที่ 1,124.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 56.9 เซนต์ ปิดที่ 14.041 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 3.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 980.20 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 10.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 529.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 71 เซนต์ ปิดที่ 38.6 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับลง 7 เซนต์ ปิดที่ 43.14 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและตลาดหุ้นที่ดีดตัวขึ้นได้กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาสนใจดอลลาร์อีกครั้ง และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1423 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5685 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.50 เยน จาก 119.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9527 ฟรังก์ จาก 0.9442 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7160 ดอลลาร์

     ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 918.00 จุด ลดลง 24.00 จุด, -2.55%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!