- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 26 August 2015 14:07
- Hits: 3093
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวตามตปท.หลังจีนประกาศลดดบ.แม้ยังวิตกศก.โลก
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวทั้งแดนบวก-ลบเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดฯยุโรปปรับตัวขึ้นมามาก แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียก็เคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบ ทั้งนี้ ตลาดฯยังวิตกเศรษฐกิจโลก แม้ว่าจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงช่วยหนุนตลาดฯได้ระดับหนึ่ง
ส่วนปัจจัยในประเทศก็ให้ติดตามเรื่องที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)จะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวช่วยพวก Domestic plays ได้ พร้อมติดตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ว่าจะมีขึ้นเมื่อใด
พร้อมให้แนวรับวันนนี้ที่ 1,310-1,300 จุด ส่วนแนวต้าน 1,336 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(25 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,666.44 จุด ร่วงลง 204.91 จุด(-1.29%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,506.49 จุด ลดลง 19.76 จุด(-0.44%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,867.61 จุด ลดลง 25.60 จุด(-1.35%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 87.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 15.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 29.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 39.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 26.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.19 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(25 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,323.88 จุด เพิ่มขึ้น 22.82 จุด (+1.75%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,351.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ส.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(25 ส.ค.58) ปิดที่ 39.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(25 ส.ค.58)ที่ 4.97 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้เปิด 35.61 แนวโน้มอ่อนค่าหลังเงินไหลออก-ยังไร้ปัจจัยใหม่
- บลูมเบิร์กรายงานว่า การปรับลดลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันจันทร์ทมิฬที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมาทำให้มูลค่าตลาดของหุ้นทั่วโลกลดลงไปในวันเดียวมากถึง 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 94.5 ล้านล้านบาท
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายงานทางด้านเศรษฐกิจ 7 กระทรวงให้อยู่ภายใต้การดูแลของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม อยากให้นายสมคิดให้ความสำคัญในเรื่องการขับเคลื่อนประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้สามารถจับจ่ายหมุนเวียนให้เศรษฐกิจดีขึ้น
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค.อยู่ที่ระดับ 83.0 ต่ำสุดในรอบ 74 เดือน เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลปัญหาการบริโภคในประเทศและการส่งออกที่หดตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าที่ชะลอตัว ขณะที่ไทยยังไม่หลุดพ้นจากการถูกจัดอันดับปัญหาค้ามนุษย์เป็นเทียร์ 3
- ธปท.เผยการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอและเกิดความผันผวนในตลาดการเงิน แต่จะส่งผลดีในระยะยาว เช่นเดียวกันในระยะสั้นไทยอาจได้รับผลกระทบผ่านการส่งออกและท่องเที่ยวบ้าง แต่มองว่าจะเป็นโอกาสสำคัญในระยะยาว แนะไทยควรเร่งพัฒนาสินค้า เตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน และรักษาเสถียรภาพการเมืองไม่ให้เป็นอุปสรรค
*หุ้นเด่นวันนี้
- BECL-BMCL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"รอแลกเป็นหุ้น BEM ขั้นตอนการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทเหลือเพียงรอครม. คาดว่าจะได้รับอนุมัติใน 3Q15 จากนั้นจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมเพื่อตั้งชื่อบริษัทใหม่ ทีมผู้บริหาร และรายละเอียดปลีกย่อย และเข้าสู่ขั้นตอนแลกหุ้น คาดว่าหุ้นใหม่(BEM)จะเริ่มซื้อขาย พ.ย.นี้ ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของทั้ง BECL (ราคาเป้าหมาย 47 บาท) และ BMCL (เป้าหมาย 2.40 บาท) ทำให้ BEM มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต
- TPIPL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 3.40 บาท คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างได้ประโยชน์โดยตรงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ให้เปิดประมูลเร็วขึ้น โดยแบ่งขนาดโครงการให้เล็กลงเพื่อกระชับขั้นตอนและความถี่เนื่องจากงบลงทุนของภาครัฐฯที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบจะเป็นตัวแปรสำคัญให้เศรษฐกิจไทยใน 2H58 ฟื้นตัวได้ พร้อมคาดกำไรปกติใน 3Q58 จะเติบโต qoq จากโรงไฟฟ้าขยะ 55 MW เริ่มจ่ายไฟสัปดาห์ที่แล้ว ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะลดลงตั้งแต่ 4Q58 และมีความสำเร็จในการออกหุ้นกู้จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท อีกทั้ง Valuation ค่อนข้างถูก
- PTT (เคเคเทรด)เป้า 363 บาท เป็นหุ้นที่ถูก Short selling มากสุดใน 1 สัปดาห์หลังสุด, ราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่า Book value (P/BV เท่ากับ 0.98 เท่า), ได้รับ sentiment บวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน และข่าวการปรับเพิ่มราคา NGV
- SCN (เคเคเทรด)เป้า 16 บาท ราคาปรับตัวลดลงมามากจนมี Upside กว่า 60% จากราคาเหมาะสม, หุ้นเติบโตดีด้วยแผนธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมคาดกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 25% ช่วงปี 2558-2560
ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับจีนลดดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.6% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. และได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 125.75 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,894.29 จุด เพิ่มขึ้น 87.59 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,434.25 จุด เพิ่มขึ้น 29.29 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,636.12 จุด ลดลง 39.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,843.70 จุด ลดลง 2.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,859.66 จุด ลดลง 26.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,559.75 จุด ลดลง 4.19 จุด
ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้านี้ ขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย โดย ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 182.47 จุด ขานรับจีนลดดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 182.47 จุด หรือ 3.09% ปิดที่ 6,081.34 จุด
ตลาดหุ้นลอนดันปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.6% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. และได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ นำโดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ที่สุดในโลกพุ่งขึ้น 5.5% หลังระบุว่า บริษัทมีแผนจะปรับเพิ่มการจ่ายเงินปันผล ขณะที่หุ้นอันโตฟากัสตาและหุ้นเกลนคอร์เพิ่มขึ้นมากกว่า 4.6%
หุ้นอาร์เอสเอ อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ปรับขึ้น 3.9% หลังบริษัทซูริก อินชัวรันซ์ กรุ๊ป เอจี ระบุว่า บริษัทมีแผนจะซื้อบริษัท
ส่วนหุ้นแรนโกลด์ รีซอร์ซเซส ร่วงลง 3.5% เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดพุ่ง ขานรับข่าวจีนลดดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางจีนที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย และลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เมื่อวานนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 4.2% ปิดที่ 356.36 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,564.86 จุด พุ่งขึ้น 181.40 จุด หรือ +4.14% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,128.12 จุด ทะยานขึ้น 479.69 จุด หรือ +4.97% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,081.34 จุด เพิ่มขึ้น 182.47 จุด หรือ +3.09%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.6% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. และได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นความพยายามที่จะบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 5.5% หลังจากบริษัทประกาศแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผล ขณะที่หุ้นรอยัล ดีเอสเอ็ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการปรับลดจำนวนพนักงาน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 108.3 จาก 108.0 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 107.5
ข้อมูลล่าสุดของ Ifo บ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวที่สดใสในปีนี้ของเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของยูโรโซน แม้ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของจีน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 204.91 จุด จากแรงขายช่วงท้ายตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากข่าวธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวานนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,666.44 จุด ร่วงลง 204.91 จุด หรือ -1.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,506.49 จุด ลดลง 19.76 จุด หรือ -0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,867.61 จุด ลดลง 25.60 จุด หรือ -1.35%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 4.6% และประกาศลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.50% โดยมีเป้าหมายที่จะบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้เทขายหุ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจทั่วโลก
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.2 ในเดือนส.ค. จากระดับ 55.7 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 56.0
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 507,000 ยูนิต ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 510,000 ยูนิต
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลหลังจากสำนักงานงบประมาณประจำสภาคองเกรส (CBO) ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2% ลดลงจากระดับ 2.9% ที่คาดการณ์ในเดือนม.ค. หลังจากเศรษฐกิจในไตรมาสแรกขยายตัวเพียงเล็กน้อย
หุ้นเป๊ปโค โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสหรัฐ ร่วงลง 16.5% หลังจากคณะกรรมการกำกับดูแลด้านอุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐได้ปฏิเสธข้อเสนอการควบรวมกิจการระหว่างเป๊ปโค และเอ็กเซลอน
หุ้นเบสท์ บาย ดีดตัวขึ้น 12.6% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., การประมาณการจีดีพีช่วงไตรมาส 2/2558 ครั้งที่ 2, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์