WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET11ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตปท.เหตุกังวลศก.จีน-ราคาน้ำมันปรับลง

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวและอาจจะไปฉุดเศรษฐกิจโลกได้ ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปี เป็นการทำจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติก็ยังมีทิศทางการขายอยู่อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น รวมถึงตลาดหลักทรัพย์อาจจะเลื่อนจัดงานไทยแลนด์โฟกัสออกไป ทำให้ปัจจัยกระตุ้นของตลาดฯหายไปด้วย

     อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดฯคงจะปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากที่ได้มีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่แล้ว และก็ยังคาดหวังเม็ดเงินจากทริกเกอร์ฟันด์ที่เปิดขายกองใหม่มาช่วยหนุนด้วย อย่างไรก็ตาม โดยรวมนักลงทุนคงจะยังชะลอการลงทุนอยู่

     พร้อมให้แนวรับ 1,362-1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,382-1,387 จุด

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังเฟดแสดงความวิตกเศรษฐกิจโลก

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก

   ดัชนี MSCI Asia-Pacific ลดลง 0.1% สู่ระดับ 135.87 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,194.26 จุด ลดลง 28.37 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,973.87 จุด ลดลง 193.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,008.68 จุด ลดลง 13.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,929.43 จุด ลดลง 9.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,023.47 จุด ลดลง 17.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,574.51 จุด ลดลง 7.93 จุด

     รายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ก.ค.ซึ่งเฟดเผยแพร่เมื่อวานนั้น บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นก็ตาม

     อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณในเรื่องเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนมองว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นั้น มีน้อยลง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดร่วง 122.84 จุด วิตกตลาดเกิดใหม่ร่วงหนัก

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากแรงเทขายในตลาดหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน

    ดัชนี FTSE 100 ลดลง 122.84 จุด หรือ 1.88% ปิดที่ 6,403.45 จุด

    หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน หุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ต่างก็ปรับตัวลดลงมากกว่า 3.5% หลังจากที่เปิดเผยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงในครึ่งปีแรก

    อย่างไรก็ตาม หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 3.8% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีขึ้นและจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

    ส่วนหุ้นฮิคมา ฟาร์มาซูติคัลส์ เพิ่มขึ้น 2.6% หลังผู้บริหารของบริษัทเปิดเผยว่า ทางบริษัทจะพิจารณาการทำข้อตกลงขนาดใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ได้ปรับลดยอดหนี้สินลง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง หลังหุ้นส่งออกร่วงเหตุวิตกศก.จีน

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นส่งออก อันเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่ารัฐสภาเยอรมนีและกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) รอนุมัติข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินกรีซ

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 381.31 จุด

   ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,682.15 จุด ร่วงลง 233.77 จุด หรือ -2.14% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,884.10 จุด ลดลง 87.15 จุด หรือ -1.75% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,403.45 จุด ร่วงลง 122.84 จุด หรือ -1.88%

   ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนได้กดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออก โดยหุ้นเกลนคอร์ร่วงลง 9.7% หุ้นพีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรอง ดิ่งลง 2.6% หุ้นเดมเลอร์ ร่วงลง 2.7% และหุ้น BASF SE ปรับตัวลง 2.7%

   กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า รัฐสภาเยอรมนีลงคะแนนเสียงท่วมท้นให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซฉบับที่ 3 เมื่อวานนี้ ด้วยคะแนนเสียง 454-113 เสียง ขณะที่งดออกเสียง 18 เสียง สอดคล้องความเห็นของนักวิเคราะห์ที่คาดว่ารัฐสภาเยอรมนีจะอนุมัติแผนการช่วยเหลือดังกล่าว แม้ว่าจะมีสมาชิกรัฐสภาบางส่วนไม่เห็นด้วยก็ตาม

     นอกจากนี้ กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ให้การอนุมัติข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซฉบับที่ 3 เมื่อวานนี้ ส่งผลให้มีการเบิกจ่ายเงินกู้งวดแรกจำนวน 1.3 หมื่นล้านยูโร ทันเวลาก่อนที่กรีซมีกำหนดต้องชำระหนี้ 3.2 พันล้านยูโรต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 ส.ค.

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 162.61 จุด หลังเฟดกังวลแนวโน้มศก.

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,348.73 จุด ร่วงลง 162.61 จุด หรือ -0.93% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,019.05 จุด ลดลง 40.30 จุด หรือ -0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.61 จุด ลดลง 17.31 จุด หรือ -0.83%

     ดัชนี ดาวโจนส์ร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ หลังจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ก.ค.ซึ่งเฟดเผยแพร่เมื่อวานนั้น บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นก็ตาม

    อย่างไรก็ดี การที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณในเรื่องเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ได้ช่วยสกัดแรงลบในตลาด หลังจากที่ดาวโจนส์ดิ่งลงรุนแรงถึง 216.60 จุด หรือ 1.23% ในระหว่างวัน

    ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนมองว่า เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมดังกล่าวแล้ว โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นั้น มีน้อยลง

    นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

    นักวิเคราะห์จากคอมเมริซ์แบงก์ เอจี คาดว่า ความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนจะฉุดราคาน้ำมัน WTI ลงสู่ช่วง 30 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทไลพาว ออยล์ แอสโซซิเอทส์ มองว่า ราคาน้ำมันจะยังคงเผชิญแรงกดดันจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า โดยคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32-34 ดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า

    ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,348.73 จุด                          ลดลง 162.61 จุด     -0.93%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,019.05 จุด                       ลดลง 40.30 จุด      -0.80%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,079.61 จุด                        ลดลง 17.31 จุด      -0.83%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,403.45 จุด                     ลดลง 122.84 จุด     -1.88%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,682.15 จุด                             ลดลง 233.77 จุด     -2.14%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,884.10 จุด                          ลดลง 87.15 จุด      -1.75%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,021.84 จุด                             ลดลง 155.38 จุด     -1.90%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,222.63 จุด                      ลดลง 331.84 จุด     -1.61%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,939.38 จุด                          ลดลง 16.88 จุด      -0.86%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,379.80 จุด       เพิ่มขึ้น 70.40 จุด     +1.33%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,380.20 จุด             เพิ่มขึ้น 77.10 จุด     +1.45%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,794.11 จุด                      เพิ่มขึ้น 45.95 จุด     +1.23%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,344.73 จุด              เพิ่มขึ้น 11.28 จุด     +0.15%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,167.85 จุด                               ลดลง 307.12 จุด     -1.31%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,484.24 จุด      ลดลง 26.24 จุด      -0.58%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,041.25 จุด                       ลดลง 8.40 จุด       -0.28%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,582.44 จุด                      เพิ่มขึ้น 2.84 จุด      +0.18%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดวัที่ 27,931.64 จุด                       เพิ่มขึ้น 100.10 จุด    +0.36%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นส่งออก อันเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่ารัฐสภาเยอรมนีและกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) รอนุมัติข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินกรีซ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 381.31 จุด

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,682.15 จุด ร่วงลง 233.77 จุด หรือ -2.14% ดัชนีCAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,884.10 จุด ลดลง 87.15 จุด หรือ -1.75% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,403.45 จุด ร่วงลง 122.84 จุด หรือ -1.88%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,348.73 จุด ร่วงลง 162.61 จุด หรือ -0.93% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,019.05 จุด ลดลง 40.30 จุด หรือ -0.80% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,079.61 จุด ลดลง 17.31 จุด หรือ -0.83%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากแรงเทขายในตลาดหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 122.84 จุด หรือ 1.88% ปิดที่ 6,403.45 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.8 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.16  ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) พราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนก.ค.

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 11 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ระดับ 1,127.90 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 38.9 เซนต์ ปิดที่ 15.179 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 19 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,013.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 12.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 609.75 ดอลลาร์/ออนซ์

         

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่าอาจจะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1113 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1024 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5681 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5663 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.86 เยน จาก 124.39 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9655 ฟรังก์ จาก 0.9782 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7356 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7340 ดอลลาร์

           

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,031.00 จุด ลดลง 15.00 จุด, -1.43%

 

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!