WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET10ภาวะตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นรีบาวน์หลังร่วงแรง แม้ยังไม่มั่นใจสถานการณ์ในปท.

     นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีความเป็นไปได้ที่จะรีบาวน์ขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ดัชนีฯได้ปรับตัวลงลึก ทั้งนี้ นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นอยู่หลังจากที่มีเหตุการณ์เจอระเบิดลูกที่ 2 ออกมาในพื้นที่บริเวณใต้สะพานตากสิน หลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อค่ำวันจันทร์ ทั้งนี้จะต้องรอดูว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแค่ไหน

     นอกจากนี้ยังมี 23 ประเทศได้ออกคำเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินมาไทยให้ระวังแล้ว แต่ก็เป็นการเตือนแบบกลาง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมจะต้องส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแต่เชื่อว่าไม่น่าจะแรงมาก

   ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยตลาดหุ้นจีนยังคงติดลบอยู่ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอตัวมากกว่าคาด และทางการจีนก็คงจะไม่มีมาตรการที่จะช่วยอะไรมาก ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังเหวี่ยงมากและมีผลต่อตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคไปด้วย

    พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,390 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(18 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,511.34 จุด ลดลง 33.84 จุด(-0.19%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,059.35 จุด ลดลง 32.35 จุด(-0.64%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,096.92 จุด ลดลง 5.52 จุด(-0.26%)

   - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 86.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 101.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 1.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 6.52 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.08 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,372.61 จุด ลดลง 36.13 จุด (-2.56%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,876.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ส.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 ส.ค.58) ปิดที่ 42.62 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 75 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 ส.ค.58)ที่ 5.80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเช้านี้เปิด 35.57/59 แข็งค่าจากวานนี้แต่แนวโน้มอ่อนค่า จับตาสถานการณ์ในปท.

     - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเรียบร้อยแล้ว รอเพียงการโปรดเกล้าฯ ลงมาเท่านั้น และจะมีการชี้แจงต่อไป

     - พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น 17 รายการ ในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้ามาผลิตเพื่อส่งออก หรือบางรายการสามารถผลิตได้ในประเทศ พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการกับสินค้าเหล่านี้ภายใต้ 4 มาตรการ

    - สำนักงบประมาณได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ถึงภาพรวมการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2557-31 ก.ค. 2558 ว่ามีการเบิกจ่ายไปแล้ว 2,062,249 ล้านบาท คิดเป็น 80.1% ของงบทั้งสิ้น 2,575,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 1.8%

    - รมว.คลังยอมรับห่วงปัญหาระเบิดแยกราชประสงค์ กระทบการท่องเที่ยว ฉุดเศรษฐกิจให้หนักลงไปอีก แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ หวังรัฐบาลสามารถดูแลได้อย่างรวดเร็ว-มีประสิทธิภาพ ด้านเงินบาทอ่อนค่าแตะ 35.62

    - กระทรวงแรงงานเตรียมหารือค่าจ้างขั้นต่ำปี 2559 เร็วๆ นี้รับตัวเลขแต่ละจังหวัดส่งมากว่า 90% คงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่ 300 บาทต่อวัน ขณะที่สภาองค์การนายจ้างฯ ยอมรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวการปรับขึ้น ไม่ง่ายนักแนะคณะกรรมการไตรภาคี ชี้ขาดและให้ประกาศเป็นกลุ่มจังหวัดป้องแย่งชิงแรงงานกรณีค่าแรงต่างกันเกินไป

*หุ้นเด่นวันนี้

   - ILINK บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น ย้ายเข้าสังกัดตลาดหลักทรัพย์(SET)วันนี้วันแรก ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สำหรับการคำนวณ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ ILINK และ ILINK-W1 ให้ใช้ราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของหลักทรัพย์ดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นฐานในการคำนวณ Ceiling & Floor ตามปกติ

   - SVI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 5.70 บาท ธุรกิจฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนเกิดอัคคีภัย หนุนให้กำไรปกติใน 2Q58 ดีกว่าคาดถึง 45% ในระยะยาว คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี(CAGR)ในช่วงปี 2558-2559 สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 15%

    - STEC(เคเคเทรด)"เก็งกำไร"เป้า 25 บาท งบดุลแข็งแกร่งด้วยสถานะเงินสดสุทธิ(Net cash) มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น รวมกันกว่า 2.5 พันล้านบาท ณ สิ้น 2Q58, เป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่มีโอกาสเข้าประมูลโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะระบบขนส่งทางราง ในเชิงเทคนิค วานนี้ราคาแข็งแกร่งมาก แม้ SET ลดลง 2.6% แต่ราคาหุ้น STEC ไม่ได้ปรับลงตามตลาด

    - KBANK(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อลงทุน"ให้ราคาพื้นฐานระยะยาว 1 ปี 224 บาท(เทียบเท่ากับ P/BV ปี 58 ที่ 1.9 เท่า)ชอบ KBANK ที่มีการกระจายของพอร์ตสินเชื่อและรายได้ที่ดี และเชื่อว่าจะบริหารจัดการความเสี่ยงเรื่อง NPL ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ดีแม้การตั้งสำรองค่าเผื่อฯใน 2H58 ยังสูง

ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนแรงลงเช้านี้ ขณะจับตารายงานการประชุมเฟด

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน ขณะเดียวกันก็กำลังจับตาดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 28-29 ก.ค. ซึ่งคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยในวันพุธ ตามเวลาสหรัฐ เพื่อประเมินท่าทีของเฟดว่าจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

     ดัชนี MSCI Asia-Pacific ลดลง 0.1% แตะระดับ 136.83 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,467.49 จุด ลดลง 86.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,182.81 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,954.56 จุด ลดลง 1.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,056.17 จุด เพิ่มขึ้น 6.52 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,594.68 จุด เพิ่มขึ้น 15.08 จุด

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับข้อมูลอสังหาฯสหรัฐแข็งแกร่ง

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) ขานรับข้อมูลของทางการสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดในแดนบวก อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีและฝรั่งเศสปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.2% ปิดที่ 388.13 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,971.25 จุด ลดลง 13.58 จุด หรือ -0.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,915.92 จุด ลดลง 24.41 จุด หรือ -0.22% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,526.29 จุด ลดลง 24.01 จุด หรือ -0.37%

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.21 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 และบ่งชี้ว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเยอรมนีและฝรั่งเศสปิดตลาดอ่อนแรงลงเนื่องนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 245.50 จุด หรือ 6.15% ปิดที่ 3,748.16 จุด

   หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสก์ และหุ้นไชร์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1.6%

   หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง นำโดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นแองโกล อเมริกัน

    หุ้น RWE AG ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้ารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 3.3% หลังจากนักวิเคราะห์ของโซซิเอเต เจเนอเรล ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 33.84 จุด วิตกตลาดหุ้นจีนร่วงหนัก

    ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,511.34 จุด ลดลง 33.84 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,059.35 จุด ลดลง 32.35 จุด หรือ -0.64% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,096.92 จุด ลดลง 5.52 จุด หรือ -0.26%

     ดัชนี ดาวโจนส์ปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 245.50 จุด หรือ 6.15% ปิดที่ 3,748.16 จุดเมื่อวานนี้

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ท โดยหุ้นวอลมาร์ทร่วงลง 3.38% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ต่อหุ้นตลอดปี 2558 ลงมาอยู่ในช่วง 4.40-4.70 ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 4.70-5.05 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นค่าจ้าง และความผันผวนของค่าเงิน

   ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนและแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอของวอลมาร์ท ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.21 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 บ่งชี้ว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

   อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการสร้างบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโฮมดีโปท์ ปรับขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นเลนนาร์ คอร์ป และหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.7%

    ส่วนหุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ร่วงลง หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ได้แสดงมุมมองในด้านลบเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 4.9% หุ้นแซนดิสก์ ดิ่งลง 2.2% และหุ้นสกายเวิร์ค โซลูชันส์ ร่วงลง 5.8%

    นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 28-29 ก.ค. ซึ่งคณะกรรมการเฟดจะเปิดเผยในวันพุธตามเวลาสหรัฐ เพื่อประเมินท่าทีของเฟดว่าจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ด้านนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นั้น มีน้อยลง

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board, ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค.

            

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 18 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,511.34 จุด                          ลดลง 33.84 จุด     -0.19%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,059.35 จุด                       ลดลง 32.35 จุด     -0.64%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,096.92 จุด                        ลดลง 5.52 จุด      -0.26%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,526.29 จุด                    ลดลง 24.01 จุด     -0.37%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,915.92 จุด                            ลดลง 24.41 จุด     -0.22%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,971.25 จุด                         ลดลง 13.58 จุด     -0.27%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,177.22 จุด                            ลดลง 36.20 จุด     -0.44%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,554.47 จุด                      ลดลง 65.79 จุด     -0.32%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,956.26 จุด                          ลดลง 12.26 จุด     -0.62%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,309.40 จุด        ลดลง 59.20 จุด     -1.10%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,303.10 จุด              ลดลง 64.60 จุด     -1.20%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,748.16 จุด                       ลดลง 245.50 จุด    -6.15%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,333.45 จุด               ลดลง 3.39 จุด      -0.05%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,474.97 จุด                                ลดลง 339.68 จุด    -1.43%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,510.48 จุด       ลดลง 74.91 จุด     -1.63%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,049.65 จุด                      ลดลง 17.70 จุด     -0.58%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,579.60 จุด                      เพิ่มขึ้น 7.06 จุด     +0.45%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,831.54 จุด                        ลดลง 46.73 จุด     -0.17%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,511.34 จุด ลดลง 33.84 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,059.35 จุด ลดลง 32.35 จุด หรือ -0.64% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,096.92 จุด ลดลง 5.52 จุด หรือ -0.26%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) ขานรับข้อมูลของทางการสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดในแดนบวก อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีและฝรั่งเศสปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.2% ปิดที่ 388.13 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,971.25 จุด ลดลง 13.58 จุด หรือ -0.27% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,915.92 จุด ลดลง 24.41 จุด หรือ -0.22% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,526.29 จุด ลดลง 24.01 จุด หรือ -0.37%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) โดยอ่อนแรงลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 จากหุ้นกลุ่มเหมืองที่ร่วงลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 24.01 จุด หรือ 0.37% ที่ 6,526.29 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังขานรับรายงานที่ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 42.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 48.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ และได้สร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำ

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.5 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ระดับ 1,116.90 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 50.8 เซนต์ ปิดที่ 14.79 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 6.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 994.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 16.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 597.00 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนก.ค.ที่สดใสได้ช่วยหนุนความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรั

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1024 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1080 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5663 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5594 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.39 เยน จาก 124.43 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9782 ฟรังก์ จาก 0.9769 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7340 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7379 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,046.00 จุด ลดลง 17.00 จุด, -1.60%

   

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!