- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 17 August 2015 10:31
- Hits: 5204
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งในกรอบ ยังมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันร่วง-ต่างชาติขาย
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบ เนื่องจากน้ำหนักปัจจัยบวก-ลบใกล้กัน โดยมีปัจจัยบวกจากทางยูโรโซนได้อนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซแล้วเป็นเงิน 86,000 ล้านยูโรในระยะเวลา 3 ปี เป็นลักษณะจ่ายให้เป็นงวด ๆ และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย อย่างตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม แต่ตลาดฯก็มีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง โดยเช้านี้ก็ทำ New Low หลุด 42 เหรียญฯ/บาร์เรลแล้ว และนักลงทุนต่างชาติก็ได้ขายสุทธิมา 9 วันติดต่อกัน ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน พร้อมให้แนวรับ 1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(14 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,477.40 จุด เพิ่มขึ้น 69.15 จุด(+0.40%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,048.24 จุด เพิ่มขึ้น 14.68 จุด(+0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,091.54 จุด เพิ่มขึ้น 8.15 จุด(+0.39%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 80.71 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 17.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 6.01 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(14 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,413.92 จุด เพิ่มขึ้น 9.77 จุด (+0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,013.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ส.ค.58 - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(14 ส.ค.58) ปิดที่ 42.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 27 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(14 ส.ค.58)ที่ 6.07 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้เปิด 35.30 อ่อนค่าตามภูมิภาค ตลาดรอดูตัวเลข GDP สภาพัฒน์-ศก.จีน - "ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เผยค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทอ่อนลงในขณะนี้ ไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วาระพิเศษอะไร และไม่จำเป็นต้องชะลอแผนการผ่อนคลายให้ นักลงทุนนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายได้ 2 ส่วน คือ 1.จีนปฏิรูปค่าเงิน เริ่มจะปล่อยให้ขึ้นลงตามกลไกตลาดมากขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และ 2.จีนถือโอกาสกำหนดค่าเงินหยวนอ่อนลง 4% เศษ แต่ก็ไม่ใช่สงครามค่าเงิน เป็นเพียงการไล่ปรับลดให้อ่อนทันสกุลอื่นๆ เพราะในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินหยวนเทียบเงินเหรียญสหรัฐค่อนข้างนิ่ง จึงแข็งตามไปด้วย ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงไปประมาณ 7% เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ
- 'คลัง' จี้หน่วยราชการ-รสก.เร่งทำแผนพร้อมจัดซื้อ-จัดจ้างทันที 1 ต.ค. ดันเบิกจ่ายลงทุนไตรมาสแรกปีงบประมาณ 59 อัตรา 15%
- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีประเมินเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองขยายตัว 2% ต่ำกว่าที่ได้ประมาณการ 2.8% หลังสถานการณ์การส่งออก การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนยังไม่เอื้อ พร้อมเตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจทั้งปี
- "พีระยุทธ" เผยคณะกรรมการมาตรา 13 อนุมัติ บีเอ็มซีแอล เดินรถสายสีน้ำเงิน 1 สถานีช่วงบางซื่อ-เตาปูน เล็งเสนอ ครม.อนุมัติเดือน ก.ย. คาดเซ็นสัญญาได้ภายในปีนี้
- นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า การปรับ ครม.ตามที่มีกระแสข่าวออกมา ไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ตาม เพราะมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้วางไว้อยู่แล้ว ทั้งเรื่องของการปฏิรูป ก รใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และอีกหลาย ๆ นโยบาย ดังนั้นเมื่อเข้ามาแล้วคงทำได้ดี และรอบคอบ แต่อยู่ที่ว่าจะจัดลำดับความสำคัญเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ อย่างไร แต่เชื่อว่าเวลานี้นายกฯ กำลังตรึกตรองอย่างดี และมีคำอธิบายที่ชัดเจน
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAMART(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 23 บาท คาดกำไรปีหน้ากลับมาโต 11% Y-Y ผลักดันโดย SAMTEL เป็นหลัก ทั้งนี้ หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติเพิ่ม 15% Q-Q แต่ลดลงแรง 24% Y-Y ตามกำไรของ SIM ที่อ่อนแอ เราปรับลดกำไรปกติของ SAMART ลง 6% เป็น -16% Y-Y ตามกำไรของ SIM ที่ปรับลงไปก่อนหน้า
- AAV(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 6 บาท แม้จะพลิกเป็นกำไรปกติ 289 ล้านบาทใน 2Q15 ตามคาด แต่ปรับกำไรปี 2015-16 ลงเฉลี่ย 10% เพราะค่าตั๋วมีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาดจากการแข่งขันที่สูงมาก แต่ยังชอบ AAV ที่สุดในกลุ่มสายการบินในฐานะที่เป็นหุ้น Turnaround คาดกำไรสุทธิปีนี้ +636% Y-Y ปีหน้า +55% Y-Y
- TUF(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 21 บาท กำไรปกติ 2Q15 อย่างน่าประทับใจ +81% Q-Q, +8.6% Y-Y แนวโน้มดีต่อใน 3Q15 เพราะ High season ล่าสุดเป็นไปได้ว่า TUF อาจขาย Chicken of The Sea เพื่อซื้อ Bumble Bee แทนเพื่อเลี่ยงการผูกขาดการค้า ซึ่งคิดว่าดีกว่าเพราะ Bumble Bee มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า รายได้และความสามารถทำกำไรดีกว่า ส่วนกำไรปีนี้ปรับลง 7% เป็นโต 12% Y-Y
- CK (ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 34 บาท 2Q58 รายได้งานก่อสร้างทรงตัว ได้กำไรพิเศษ และเงินปันผลหนุนกำไร 2H58 มี story บวกจากหุ้นลูก และ รอลุ้นงานประมูล
- ROBINS (ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 62 บาท อัตราการเติบโตของสาขาเดิมดีขึ้นมาก รายได้ค่าเช่าเป็นจุดเด่น
- TTCL(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 39.62 บาท รายได้ปกติอ่อนตัว แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนช่วยหนุนกำไรเติบโต Backlog สูงรายได้จากการลงทุนในโรงไฟฟ้า จะหนุนผลประกอบการเติบโตโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ
- BANPU(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 32 บาท ผลประกอบการ 2Q58 ขาดทุน 54 ล้านบาท -107%YoY และ -178%QoQ เนื่องจากกาไรของธุรกิจถ่านหินอ่อนตัวลงตามราคาถ่านหินโลก อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการผลิตรวมปรับตัวขึ้น แต่ใน 2H58 ธุรกิจโรงไฟฟ้าหนุนกำไร และมีแผนนำ BANPU POWER (BPP) เข้าจดทะเบียนปี 59
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลัง GDP ญี่ปุ่นหดตัวน้อยกว่าคาดการณ์
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ปีนี้ หดตัวลง 1.6% ซึ่งถือว่าหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ ดัชนี MSCI Asia-Pacific เพิ่มขึ้น 0.1% แตะที่ 138.43 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,600.16 จุด เพิ่มขึ้น 80.71 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,307.90 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,991.05 จุด เพิ่มขึ้น 7.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,114.56 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,590.81 จุด ลดลง 6.01 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 17.59 จุด หลังหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ร่วง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) โดยเผชิญแรงกดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจจีน ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 17.59 จุด หรือ 0.27% ที่ 6,550.74 จุด หุ้นกลุ่มทรัพยากรร่วงลงหนักสุด หลังจากที่จีนประกาศปรับลดค่าเงินหยวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้บริโภคน้ำมันและทรัพยากรรายใหญ่ นอกจากนี้ ตลาดยังอ่อนแรงลงหลังจากมีการเปิดผยข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่น่าผิดหวัง โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนในไตรมาส 2 ปี 2558 ชะลอตัวลงแตะ 0.3% จากระดับ 0.4% ในไตรมาสแรก ตัวเลข GDP ที่ชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางในภูมิภาค ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้กรีซ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หุ้นเกลนคอร์ ซึ่งเป็นเทรดเดอร์สินค้าโภคภัณฑ์ ร่วง 2.23% นำขบวนหุ้นลบในตลาดหุ้นลอนดอน หุ้นบีพี ปรับลง 1% เนื่องจากบริษัทอาจต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้น หลังมีคำตัดสินว่าบีพีได้ปั่นตลาดก๊าซธรรมชาติเท็กซัสในปี 2551
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังนลท.ชะลอซื้อขายเหตุวิตกศก.จีน,ภูมิภาค
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังไม่ต้องการซื้อขายล็อตใหญ่ก่อนช่วงสุดสัปดาห์ และหลังจากที่ตลาดเผชิญกับความปั่นป่วนในสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.45 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 386.24 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับลง 30.38 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 4,956.47 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ลดลง 29.49 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 10,985.14 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ติดลบ 17.59 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 6,550.74 จุด เมื่อพิจารณารายสัปดาห์ ตลาดหุ้นยุโรปได้ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากมีแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดค่าเงินหยวนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นักลงทุนเชื่อว่า ตลาดยังคงมีแรงกดดันช่วงขาลง แม้ว่าบรรยากาศได้คลายความกังวลเกี่ยวกับจีนลงไปบ้างหลังจากธนาคารกลางจีนให้มั่นที่จะรักษาเสถียรภาพของเงินหยวน พร้อมระบุว่าไม่มีเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจที่จะสนับสนุนให้หยวนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่อ่อนแอเป็นเป็นปัจจัยถ่วงตลาด โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนในไตรมาส 2 ปี 2558 ชะลอตัวลงแตะ 0.3% จากระดับ 0.4% ในไตรมาสแรก ตัวเลข GDP ที่ชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางในภูมิภาค ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้กรีซ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 69.15 จุด หลังข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนต่างประเมินช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับขึ้น 69.15 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 17,477.40 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 8.15 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 2,091.54 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 14.68 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 5,048.24 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสหลายรายการ ซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และทำให้นักลงทุนบางรายพยายามประเมินทิศทางของตลาดหุ้นและช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เฟดเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตได้ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% โดยการผลิตได้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ค. หลังจากที่ร่วงลง 5 เดือนติดต่อกันจากช่วงต้นปี ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 78.0% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของวิเคราะห์ ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1% แม้ว่าราคาพลังงานที่ดิ่งลง และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงถูกกดดันต่อไป นักวิเคราะห์มองว่าเฟดมีแนวโน้มจะขานรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดว่าเป็นสัญญาณที่เน้นย้ำถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ภาคการผลิตสหรัฐได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า พุ่งขึ้น 5.58% หลังจากบริษัทรายงานยอดขายที่สูงเกินคาด โดยยอดขายสุทธิในช่วงไตรมาส 2 ปี 2558 อยู่ที่ 2.88 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 2.80 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหุ้นดูปองท์ ปรับตัวขึ้น 1.6% เนื่องจากเจพี มอร์แกน ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นบริษัท
อินโฟเควสท์