- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 13 August 2015 12:04
- Hits: 4098
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงเล็งบลูชิพนำดิ่งจาก Sentiment จีนปรับค่าเงินหยวน
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงก่อน สวนทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะรีบาวน์ขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ได้ปรับตัวลงไปแล้ว โดยคาดว่าหุ้นบลูชิพจะนำดิ่ง จาก Flow ที่ขายต่อ โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกไปจีน หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับจีนจะปรับตัวลงก่อน เนื่องจากการปรับค่าเงินหยวนของจีนไม่รู้ว่าจะเท่าไร และจะมีอีกหรือเปล่า จึงทำให้เป็น Sentiment ลบต่อตลาดฯในช่วงนี้
ดังนั้น นักลงทุนจึงได้หาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเข้าไปลงทุนก่อน และหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลก็เป็นตัวเลือกได้ ขณะที่ในช่วงนี้ก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และให้ติดตามการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP)ในไตรมาส 2/58 ของไทยในวันจันทร์ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,400 ถัดไป 1,392-1,388 จุด ส่วนแนวต้าน 1,415-1,418 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(12 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,402.51 จุด ลดลง 0.33 จุด(0.00%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,044.39 จุด เพิ่มขึ้น 7.60 จุด(+0.15%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,086.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด(+0.10%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 0.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 16.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 19.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.58 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(11 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,408.32 จุด ลดลง 11.81 จุด (-0.83%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,196.09 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ส.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(12 ส.ค.58) ปิดที่ 43.3 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 22 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(12 ส.ค.58)ที่ 6.11 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ธนาคารกลางจีนได้ประกาศปรับลดอัตราอ้างอิงแลกเปลี่ยนเงินหยวนรายวันลงไปอยู่ที่ 6.33 หยวน/เหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าอัตราอ้างอิงวันก่อน 1.6% หลังจาก 1 วันก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนก็ได้ปรับลดอัตราอ้างอิงรายวันลงไปแล้ว 1.86% ส่งผลให้ในการซื้อขายเงินหยวนที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา เงินหยวนได้อ่อนค่าแตะที่ 6.4510 หยวน/เหรียญสหรัฐทีเดียว
- แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. มีโอกาสปรับลดลงแค่ 5-6 สต./หน่วย จากเดิมเคยประมาณการได้ 9.35 สต./หน่วย เพราะแม้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะอ่อนค่าต่อเนื่อง เฉลี่ยอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนราคาก๊าซธรรมชาติลดลงตามไปด้วย แต่ยังมีปัจจัยหลักจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างมาก เฉลี่ยมาอยู่ที่ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ตัวเลขค่าเงินที่ใช้คำนวณค่าเอฟทีงวดก่อนยังอยู่ที่ 33 บาท/เหรียญสหรัฐ
- สมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยครึ่งหลังปี 58 ตลาดรับสร้างบ้านยังทรงตัว คาดตลาดเริ่มฟื้นต้นปี 59 หลังพบความเชื่อมั่น ผู้บริโภค กลุ่มวัสดุก่อสร้างแนวโน้มรุ่งรับ AEC พร้อมเดินหน้าจัดงาน "มหกรรมสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง 2559" กระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านตั้งแต่ต้นปี ชูแนวคิด "บ้านและวัสดุก่อสร้าง.. ที่คุณเลือกเอง" งานเดียวที่ตอบโจทย์เรื่องบ้านและวัสดุ ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย เผยมียอดจองบูทแล้ว 60% เตรียมทุ่มงบ 8 ล้านบาทปลุกกระแสจัดงานฯ
- "ปรียานุช จึงประเสริฐ" ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยภาระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (เอฟไอดีเอฟ) ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2558 มียอดคงเหลือทั้งสิ้น 998,791 ล้านบาท จากหนี้เดิมที่มีอยู่ทั้งสิ้น 1,130,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้เอฟไอดีเอฟ กองที่ 1 จำนวน 463,275 ล้านบาท และเอฟไอดีเอฟ กองที่ 3 จำนวน 669,857 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2558 กองทุนได้นำส่งเงินเพื่อชำระต้นเงินกู้ดอกเบี้ยและค่าบริหารจัดการหนี้ของ 2 กองทุนไปแล้ว 227,654 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 2558 จะมีการชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยทั้ง 2 กองทุนเพิ่มอีก 42,687 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าจะใช้เวลาในการชำระหนี้ที่เหลือภายใน 15 ปี ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 6 ปี จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลาในการชำระถึง 24 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- PIMO บมจ.ไพโอเนียร์ มอเตอร์ เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรมบล.ฟันันเซีย ไซรัส ประเมินเป้าหมายปี 2016 ที่ 1.60 บาท อิง PE 14 เท่า โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 19% Y-Y เป็น 48 ล้านบาท ปีหน้าโตแรงขึ้น 27% Y-Y จากการเพิ่มกำลังการผลิต ออกสินค้าใหม่ ต้นทุนลดลง และรุกต่างประเทศ
PIMO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายมอเตอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศ ปั๊มน้ำบ้าน ปั๊มหอยโข่ง เครื่องสูบน้ำ สระน้ำ มอเตอร์กำลังสำหรับอุตสาหกรรม รายได้หลัก 45% มาจากมอเตอร์เครื่องปรับอากาศซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง รายได้อีก 40% มาจากปั๊มน้ำซึ่งจะโตแรงใน 2 ปีนี้หลังลูกค้ารายใหญ่สั่งเพิ่มกำลังการผลิตกว่าเท่าตัว
- INTUCH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"สะสม"เป้า 105 บาท จะรายงานผลประกอบการ 2Q58 ในวันนี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบ yoy หลังบริษัทลูกทั้ง ADVANC, THCOM รายงานกำไรสุทธิ 2Q58 ขยายตัว yoy และทรงตัว qoq พร้อมคาดการณ์เงินปันผล 1H58 หุ้นละ 2.30 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีที่ 2.9% และยังมีปัจจัยบวกจากการประมูล 4G ในช่วงเดือน พ.ย.จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสื่อสารให้ปรับตัวขึ้นใน 2H58 และเชื่อว่า ADVANC จะเป็นตัวเต็งในการประมูลเนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดย MBKET ประเมินว่า ADVANC จะชนะใบอนุญาต 4G คลื่น 900 และ 1800 MHz อย่างละ 1 ใบ
- SYNTEC(โกลเบล็ก)เป้า 3.55 บาท คาดกำไร 2Q58 ที่ 130 ลบ +38%QoQ, +78%YoY จากรายได้ตามฤดุกาลและ Margin ที่ดีขึ้น และมี Tax Shield จากลูกหนี้การค้าล้มละลายซึ่งมีมูลหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท หนุนกำไรปี 2558 ส่วน Backlog บริษัทสูงถึง 1.1 หมื่นลบ. และมีประมูลงานใน 2Q58 อีกราว 5 พันลบ. โดยส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างคอนโด สำนักงานและโรงงาน
- SPALI(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 32 บาท แจ้งกำไร 2Q58 เท่ากับ 965 ล้านบาท ต่ำกว่าคาด 10% แต่เติบโต 82%YoY และ 7%QoQ พร้อมกับจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.50 บาทต่อหุ้น กำหนด XD 21 ส.ค. วันจ่าย 8 ก.ย.
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังเงินหยวนร่วงลงอย่างหนัก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลหลังจากที่เงินหยวนร่วงลงอีกในช่วงเช้านี้
ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.2% แตะ 138.05 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,392.54 จุด ลดลง 0.23 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,869.91 จุด ลดลง 16.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,935.48 จุด เพิ่มขึ้น 19.46 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,284.96 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,068.91 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,508.89 จุด เพิ่มขึ้น 13.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,605.63 จุด ลดลง 4.30 จุด
China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนร่วงลง 7.04% แตะ 6.401 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดค่าเงินหยวนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยระบุว่า ทางธนาคารได้ตัดสินใจปรับปรุงระบบการกำหนดอัตราค่ากลางสกุลเงิน เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสามารถสะท้อนสถานการณ์ในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 93.35 จุด เหตุวิตกจีนลดค่าเงินหยวน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) หลังจากจีนปรับลดค่าเงินหยวน ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอาจเป็นไปอย่างล่าช้า
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 93.35 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 6,571.19จุด
ธนาคารกลางจีนประกาศลดค่าเงินหยวนเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ทางธนาคารได้ตัดสินใจปรับปรุงระบบการกำหนดอัตราค่ากลางสกุลเงิน เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสามารถสะท้อนสถานการณ์ในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
หุ้นเกลนคอร์ร่วงลง 5.7% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หุ้นยูนิลีเวอร์ ลดลง 4.3% หลังจากบริษัทโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ แนะนำให้ขายหุ้นของบริษัท ส่วนหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าหรูหรา ร่วงลง 3.5%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : วิตกจีนลดค่าเงินหยวน ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการลดค่าเงินหยวนของจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทยุโรปที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ การลดค่าเงินหยวนยังสะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.7% ปิดที่ 382.99 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,924.61 จุด ร่วงลง 369.04 จุด หรือ -3.27% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,571.19 จุด ลดลง 93.35 จุด หรือ -1.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,925.43 จุด ดิ่งลง 173.60 จุด หรือ -3.40%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงต่อเนื่องจากวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนยังคงตื่นตระหนกต่อข่าวการปรับลดค่าเงินหยวนของจีน โดยเงินหยวนร่วงลงอย่างหนักในวันอังคารและวันพุธ ขณะที่ทางการจีนระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นการปรับปรุงระบบการกำหนดอัตราค่ากลางสกุลเงิน เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสามารถสะท้อนสถานการณ์ในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
นักลงทุนกังวลว่าการลดค่าเงินหยวนของจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทยุโรปที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน ด้านนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตุว่า การปรับลดค่าเงินหยวนเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่จีนเปิดเผยตัวเลขส่งออกที่ซบเซาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มรถยนต์ถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก นำโดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู และหุ้นเดมเลอร์ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่คำนวณในดัชนี Stoxx 600 ดิ่งลงรุนแรงถึง 7.9%
หุ้นเฮงเคล ซึ่งเป็นผู้ผลิตแชมพูชวาร์ซคอฟ ร่วงลง 9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่น้อยกว่าการคาดการณ์ ขณะที่เกเบอริต ผู้ผลิตระบบการวางท่อในห้องอาบน้ำ ปรับตัวลง 6% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 0.33 จุด วิตกข่าวจีนลดค่าเงินหยวน
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากการประกาศลดค่าเงินหยวนของจีนยังคงทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี NASDAQ ต่างก็ปิดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้น
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,402.51 จุด ลดลง 0.33 จุด หรือ 0.00% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,044.39 จุด เพิ่มขึ้น 7.60 จุด หรือ +0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,086.05 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด หรือ +0.10%
ข่าวการลดค่าเงินหยวนของจีนยังคงสร้างแรงกดดันในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยเมื่อวานนี้เงินหยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 6.3306 หยวนต่อดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากการที่จีนเปลี่ยนแปลงวิธีการกำหนดค่ากลางใหม่ให้สอดคล้องกับกลไกตลาดมากขึ้น
ธนาคารกลางจีนระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปทางการเงินของจีน พร้อมกับยืนยันว่าปัจจัยพื้นฐานของจีนยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการปรับลดค่าเงินหยวนเป็นมาตรการหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่จีนเปิดเผยตัวเลขส่งออกที่ซบเซาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี NASDAQ ต่างก็ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.1% ขณะที่หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.4%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 1.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 1.6% หุ้นซิติกรุ๊ป ร่วงลง 1.3% และหุ้นซันทรัสต์ แบงก์ ปรับตัวลง 2.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นอินเทล คอร์ป ดิ่งลง 1.7% ส่วนหุ้นอาลีบาบา ร่วงลง 5.12% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 28% แตะที่ 3.265 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด
หุ้นเมซี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.06% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 64 เซนต์ ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ 80 เซนต์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
อินโฟเควสท์