WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET19ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนทิศทางลง ตามตลาดตปท.-แนวโน้มลดเป้ากำไรบจ.ถ่วง

   นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวผันผวนในทิศทางลง ตามตลาดหุ้นต่างประเทศทั้งดัชนีดาวโจนส์ และตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่ยังมีปัจจัยถ่วงจากภายในประเทศทั้งการปรับลดตัวเลขเป้าหมายส่งออกของไทยในปีนี้เป็นติดลบ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต รวมถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมา ทำให้มีแนวโน้มที่อาจจะมีการปรับลดประมาณการกำไรทั้งปี โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีนวันนี้ที่ 1,420-1,440 จุด

   นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะผันผวนในทิศทางลง หลังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา โดยในส่วนของปัจจัยภายในประเทศยังถูกดดันจากการที่กระทรวงพาณิชย์ ปรับลดเป้าหมายตัวเลขส่งออกในปีนี้เป็นติดลบ 3% จากเดิมคาดโต 1.2%  ขณะที่การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่ทยอยออกมา มีแนวโน้มที่จะเห็นการปรับลดเป้าประมาณการกำไรของบจ.ในปีนี้

    นอกจากนี้ในส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคงเป็นไปในทิศทางเชิงลบ โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดเมื่อคืนนี้ร่วงลงแรง และตลาดหุ้นภูมิภาคที่เปิดทำการเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

    พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีเคลื่อนไหวบริเวณ 1,420-1,440 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(6 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,419.75 จุด ลดลง 120.72 จุด(-0.69%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,056.44 จุด ลดลง 83.50 จุด(-1.62%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.56 จุด ลดลง 16.28 จุด(-0.78%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 62.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 31.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 47.72 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 40.55 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.90 จุด, และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.31 จุด

   ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันครบรอบ 50 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐสิงคโปร์

   - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(6 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,430.58 จุด ลดลง 5.78 จุด (-0.40%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,351.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ส.ค.58

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(6 ส.ค.58) ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 49 เซนต์

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(6 ส.ค.58)ที่ 6.61 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเช้านี้เปิด 35.14/16 แนวโน้มทรงตัวรอตัวเลขศก.สหรัฐ โดยมองกรอบ 35.10-35.20

   - รมว.คลัง เปิดเผยถึง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดกที่ได้ลงในประกาศราชกิจนุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้สมบูรณ์แล้วแต่ในกฎหมายได้กำหนดว่ากรมสรรพากรจะเริ่มเก็บภาษีจากผู้รับมรดกได้จริงหลังจาก 180 วัน ที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ หรือประมาณต้นปี 59 โดยมอบหมายให้กรมสรรพากรเตรียมพร้อมจัดเก็บภาษีผู้รับมรดกเป็นที่เรียบร้อย ประเมินว่าการเก็บภาษีมรดกจะได้ปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท

   - กระทรวงพาณิขย์ปรับประมาณการตัวเลขการส่งออกไทยปี 58 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าโต 1.2% หรือมูลค่า 230,304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นติดลบ 3% หรือ 220,698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ, อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งถือเป็นการตั้งเป้าหมายส่งออกติดลบครั้งแรกของไทยจากปีก่อน ๆ ที่ขยายตัวมาตลอด

   - สำนักบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า กองทุนยังมีเม็ดเงินสำหรับลงทุนในหุ้นไทยอีก 1-2 หมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าลงทุนในช่วงใดขึ้นอยู่กับสภาพตลาดเป็นหลัก หากราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนฯเล็งไว้ปรับราคาลงมาในระดับที่ตั้งเป้าหมายก็จะเข้าลงทุนทันที โดยสนใจหุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลสูง ทั้งนี้ในช่วงที่หุ้นไทยปรับลงต่อเนื่องเป็นจังหวะดีที่กองทุนจะเริ่มเก็บหลักทรัพย์เข้าพอร์ต

   - ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.58 ที่สำรวจจากประชาชนทั่วประเทศ 2,245 คน ว่าดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยในเดือน ก.ค.58 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 73.4 ลดจาก 74.4 ในเดือน มิ.ย.58 ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 54.8 ลดจาก 55.9 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 80.5 ลดจาก 81.5 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 62.6 ลดจาก 63.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 68.6 ลดจาก 69.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 88.8 ลดจาก 90.0

   - สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เตรียมผลักดันรื้อเกณฑ์ห้ามโอนหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ระบุแนวทางดังกล่าวไม่เป็นการลิดรอนสิทธิลูกค้า เตรียมหารือ 3 ฝ่ายหาแนวทางดำเนินการ ด้านก.ล.ต. เดินหน้า สุ่มตรวจธุรกรรมบล.เออีซี

    - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่24/2558เรื่องการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุมเพิ่มเติมระบุว่าเพื่อให้จำนวนเรือไทยสำหรับการประมงอยู่ในภาวะสมดุลกับทรัพยากรสัตว์น้ำ

   - นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่าปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ต้องใช้การบริหารจัดการที่ดีแก้ไขเอาการเมืองมาจัดการไม่ได้รัฐบาลควรทำบางอย่างไม่ควรทำทุกอย่างหากยังคงทำอยู่อย่างนี้รัฐบาลติดควรทำบางอย่างไม่ควรทำทุกอย่างหากยังคงทำอยู่อย่างนี้รัฐบาลติดกับดักความคิดตัวเองไทยจะไม่มีทางหลุดพ้นประเทศที่มีรายได้ปานกลางได้

*หุ้นเด่นวันนี้

    -ITD (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"เก็งกำไร"ให้ราคาเหมาะสมที่ 12 บาท คาดว่าหุ้น ITD จะตอบรับเชิงบวกต่อเนื่อง หลังได้ลงนามข้อตกลงพัฒนาโครงการทวายร่วมกับรัฐบาลไทย พม่าแล้ว โดย ITD จะเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งได้สิทธิสัมปทานในการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึก,โรงไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยบวกรออยู่ โดยคาดว่าจะมีการประมูลโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ ฉะเชิงเทรา แก่งคอย มูลค่า 10,524 ล้านบาท

   -ADVANC (ยูโอเบี เคย์เฮียนฯ) มองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด  เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดแคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick โดยมี Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%

    -TVD (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ในฐานะหุ้น Turnaround ประเมินราคาเป้าหมายปีนี้ 2.50 บาท หลังรื้อองค์กรใหม่โดยขายส่วนงานขาดทุน รุกช่องทาง Online และ Home Shopping ที่กำลังโตเร็ว และลดรายจ่ายในสื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ และปิดสาขา Showcase ที่กำไรปริ่มน้ำ ซึ่งเริ่มเห็นผลแล้วตั้งแต่ 2Q15 ที่คาดกำไร +48% Y-Y เป็น 9 ล้านบาท และคาดทั้งปีพลิกเป็นกำไร 55 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุน 11 ล้านบาท ส่วนอีก 3 ปีข้างหน้าคาดโตเฉลี่ย 30% ต่อปี ตามการขยายตัวของ Home Shopping การเริ่มทำธุรกิจนายหน้าประกัน และสร้างสินค้า House brand ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE ปีนี้ที่ 23 เท่า และเหลือ 18 เท่าปีหน้า ไม่แพงเมื่อเทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ 26 เท่า

    -LPN (ดีบีเอสฯ) คงคำแนะนำ ซื้อ แม้ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลงในอัตรา 5% ด้วยสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงคือ อนุรักษ์นิยมมากขึ้น และสะท้อน 2Q58 ที่ออกมาด้วย อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิหลังปรับลงก็ยังเติบโตดีเทียบ y-o-y คือ ปีนี้ +35% และปีหน้า +8% ส่วนราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงเป็น 18.50 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 10 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มไม่มากนักเป็น 7% แต่เมื่อผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ที่ 5.3% รวมผลตอบแทนทั้งหมดเป็น 12.3% โดยบริษัทประกาศปันผลระหว่างกาลออกมาเป็น 0.30 บาท ขึ้น XD 19 ส.ค.58 และจ่ายปันผล 3 ก.ย.58

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามดาวโจนส์ ขณะนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในวันนี้ โดยคาดว่าข้อมูลดังกล่าวอาจจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนหน้า

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ปรับตัวลง 0.2% แตะที่ 140.55 จุด เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 24,327.56 จุด ลดลง 47.72 จุด, -0.20% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ 20,601.57 จุด ลดลง 62.87 จุด, -0.30% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดที่ 8,409.01 จุด ลดลง 40.55 จุด, -0.48% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดที่ 1,692.33 จุด ลดลง 2.31 จุด, -0.14% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดที่ 2,009.39 จุด ลดลง 3.90 จุด, -0.19%

     ส่วนดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,692.61 จุด เพิ่มขึ้น 31.07 จุด, +0.85%  ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดที่ 5,610.10 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดที่ 5,600.10 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

   นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยลดลงจากระดับ 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 5.32 จุด หลังธ.กลางอังกฤษมีมติคงดอกเบี้ย

   ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงดอกเบี้ย พร้อมกับแสดงท่าทีในการประชุมเมื่อวานนี้ว่าจะยังคงเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในต้นปีหน้า

    ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 5.32 จุด หรือ 0.08% ที่ 6,747.09 จุด

    ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเดือนที่ 78 ติดต่อกัน โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ลงมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1

    นอกจากนี้ MPC ยังได้มีมติเอกฉันท์ในการคงวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์ (5.76 แสนล้านดอลลาร์)

   การประกาศคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินในมาตรการ QE ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน BoE เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ BoE ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในต้นปีหน้า

    ส่วนการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองและหุ้นพลังงานก็เป็นปัจจัยฉุดตลาดด้วย โดยหุ้นบีพี รูดลง 3% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวลง 2.84%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายหุ้นพลังงาน,หุ้นเหมือง

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 400.7 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,192.11 จุด ลดลง 4.62 จุด หรือ -0.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,585.10 จุด ลดลง 51.20 จุด หรือ -0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,747.09 จุด ลดลง 5.32 จุด หรือ -0.08%

    หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.1% หุ้นเกลนคอร์ ดิ่งลงกว่า 5% หุ้นบีพี ลดลง 1.4% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ร่วงลง 1.5%

    ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้อิหร่านสามารถผลิตและส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นด้วย

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อในภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 2.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากนอกกลุ่มยูโรโซน

    นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ขณะที่ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยลดลงจากระดับ 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงขายหุ้นกลุ่มสื่อ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 120.72 จุด

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสื่อ หลังจากบริษัทสื่อรายใหญ่ รวมถึงนิวยอร์ก ไทมส์ และเวียคอม เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,419.75 จุด ลดลง 120.72 จุด หรือ -0.69% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,056.44 จุด ลดลง 83.50 จุด หรือ-1.62% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.56 จุด ลดลง 16.28 จุด หรือ -0.78%

   นักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มสื่อ หลังจากบริษัทสื่อรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยหุ้นนิวยอร์ก ไทม์ส ร่วงลง 2.96% หุ้นทเวนตี้-เฟิร์สท์ เซนจูรี ฟ็อกซ์ อิงค์ ร่วงลง 6.4% หุ้นเวียคอม ดิ่งลง 6.5% หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ปรับตัวลง 0.8% หุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ปรับตัวลง 1.8% หลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด

  หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลเลอร์แกน ร่วงลง 5.1% ขณะที่หุ้นแอมเจน อิงค์ หุ้นเซลจีน คอร์ป และหุ้นไบโอเจน อิงค์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.5%

  หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นเทราดาต้า คอร์ป ดิ่งลง 16% หุ้นคอร์โว อิงค์ ปรับตัวลง 3.4% หุ้นสกายเวิร์ก โซลูชัน ปรับลง 3.5% และหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2%

  หุ้นเทสลา มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ร่วงลง 8.88% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในปี 2558

  นักวิเคราะห์จากจีดับเบิลยูแอนด์เค อินเวสท์เมนท์ กล่าวว่า การร่วงลงของหุ้นกลุ่มสื่อได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มอื่นๆเป็นวงกว้าง ขณะที่บรรดากลุ่มเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการกองทุนต่างก็พยายามลดความเสี่ยง หลังจากหุ้นกลุ่มสื่อร่วงลงอย่างหนัก

   นอกจากนี้ ผลกระทบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสื่อและกลุ่มอื่นๆนั้น ได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 1 ส.ค. เพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 270,000 ราย โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 21 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

  นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ขณะที่ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยลดลงจากระดับ 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 5.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,419.75 จุด                         ลดลง 120.72 จุด     -0.69%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,056.44 จุด                     ลดลง 83.50 จุด      -1.62%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,083.56 จุด                       ลดลง 16.28 จุด      -0.78%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,747.09 จุด                   ลดลง 5.32 จุด       -0.08%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,585.10 จุด                          ลดลง 51.20 จุด      -0.44%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,192.11 จุด                        ลดลง 4.62 จุด       -0.09%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,449.56 จุด                           ลดลง 92.71 จุด      -1.09%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,664.44 จุด                    เพิ่มขึ้น 50.38 จุด     +0.24%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,013.29 จุด                        ลดลง 16.47 จุด      -0.81%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,600.00 จุด      ลดลง 59.50 จุด      -1.05%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,610.10 จุด            ลดลง 63.90 จุด      -1.13%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,661.54 จุด                     ลดลง 33.03 จุด      -0.89%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,589.95 จุด             ลดลง 72.60 จุด      -0.95%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,375.28 จุด                              ลดลง 138.88 จุด     -0.57%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,806.56 จุด     ลดลง 43.97 จุด      -0.91%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,694.64 จุด                      ลดลง 30.92 จุด      -1.79%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,196.66 จุด                      เพิ่มขึ้น 5.27 จุด      +0.17%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,298.13 จุด                        เพิ่มขึ้น 75.05 จุด     +0.27%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสื่อ หลังจากบริษัทสื่อรายใหญ่ รวมถึงนิวยอร์ก ไทมส์ และเวียคอม เปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซา นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,419.75 จุด ลดลง 120.72 จุด หรือ -0.69% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,056.44 จุด ลดลง 83.50 จุด หรือ-1.62% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,083.56 จุด ลดลง 16.28 จุด หรือ -0.78%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 400.7 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,192.11 จุด ลดลง 4.62 จุด หรือ -0.09% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,585.10 จุด ลดลง 51.20 จุด หรือ -0.44% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,747.09 จุด ลดลง 5.32 จุด หรือ -0.08%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงดอกเบี้ย พร้อมกับแสดงท่าทีในการประชุมเมื่อวานนี้ว่าจะยังคงเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในต้นปีหน้า

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 5.32 จุด หรือ 0.08% ที่ 6,747.09 จุด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.5 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ระดับ 1,090.10 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 12.4 เซนต์ ปิดที่ 14.677 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 956.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 599.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ตลาดน้ำมันโลกกำลังเผชิญภาวะอุปทานส่วนเกินที่สูงขึ้น 

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 49 เซนต์ ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 7 เซนต์ ปิดที่ 49.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเยนเมื่อคืนนี้ (6 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอดูข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนก.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยและทิศทางของดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0922 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0898 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5514 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5599 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.71 เยน จาก 124.88 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9810 ฟรังก์ จาก 0.9792 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7341 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7348 ดอลลาร์

     ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,201.00 จุด ลดลง 21.00 จุด, -1.72%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!