WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET9

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซต์เวย์ถึงดีดขึ้น หลังราคาน้ำมันฟื้นช่วงสั้น

     นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวไซต์เวย์ ถึงมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัด หลังราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น อาจจะช่วยหนุนการลงทุนกลุ่มพลังงาน แต่เชื่อว่าการดีดตัวขึ้นของดัชนีอาจจะไม่ยั่งยืนนัก หลังยังมีปัจจัยลบกดดันจากความกังวลหลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ นอกจากนี้ยังต้องจับตาการประชุมของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการปรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ซึงมีแนวโน้มที่จะปรับเป้าหมายการส่งออกลง ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันนี้ คาดว่าจะไม่สร้างความประหลาดใจใหั้กับตลาดซึ่งน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% โดยคาดว่าดัชนีจะมีแนวรับบริเวณ  1,428 และ 1,422 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440-1,442 จุด

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะเคลื่อนไหวไซต์เวย์ อาจดีดกลับขึ้นได้ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานดีดกลับ แต่เชื่อว่าดัชนีจะขยับขึ้นไม่ได้มากนัก เพราะตลาดยังกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังล่าสุดประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจของสหรัฐมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

     ขณะที่ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา เป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิโหวต ทำให้การออกมาระบุดังกล่าวนับว่ามีน้ำหนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร(bond yield)ปรับตัวขึ้น และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

    นอกจากนี้ยังต้องติดตามการปรับเป้าหมายตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้ โดยคาดว่ากระทารวงพาณิชย์จะปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้เหลือไม่เติบโต หรือติดลบเล็กน้อย จากเป้าเดิมที่คาดเติบโต 1.2% ในปีนี้ หลังในช่วงครึ่งแรกปีนี้ตัวเลขส่งออกของไทยติดลบ 4.84% ส่วนการประชุมกนง.ในวันนี้ คาดว่าจะไม่มีประเด็นที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยายที่ระดับ 1.5% ต่อไป

      พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวรับบรเวณ 1,428 และ 1,422 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440-1,1442

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(4 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,550.69 จุด ลดลง 47.51 จุด(-0.27%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,105.55 จุด ลดลง 9.83 จุด(-0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,093.32 จุด ลดลง 4.72 จุด(-0.22%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 30.21 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 10.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 5.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 0.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 11.87 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.20 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(4 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,432.16 จุด ลดลง 9.88 จุด (-0.69%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,057.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ส.ค.58

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(4 ส.ค.58) ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 57 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(4 ส.ค.58)ที่ 5.93 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเช้านี้เปิด 35.12 อ่อนค่า หลังเฟดส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ย-คาดกนง.วันนี้คงดบ.

     - "ฉัตรชัย" นัดประชุมผู้บริหารพาณิชย์วันนี้ เตรียมพิจารณาเป้าหมายส่งออกใหม่ จ่อปรับลดเหลือ 0% จากเป้าเดิม 1.2% มั่นใจมาตรการที่จะดำเนินการ ทำส่งออกครึ่งปีหลังกลับมาเป็นบวกได้ หลังผ่าน 6 เดือนส่งออกยังติดลบ 4.84% รับปากติดตามการประชุมบอร์ดการค้าระหว่างประเทศ หลังตั้งไปแล้ว ยังเงียบ

   - นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า สำนักงบฯ อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการใช้จ่ายในหมวดงบกลางประจำปี 2558 ที่มีอยู่ 8 หมื่นล้านบาท จากส่วนที่ใช้เพื่อการลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ให้เป็นงบรายจ่ายประจำ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อแก้ปัญหาภัยพิบัติ ไม่ว่า ภัยแล้ง น้ำท่วม ภัยธรรมชาติอื่นๆ ที่จะเข้ามาในช่วง 2 เดือนหลังจากนี้ เพื่อให้การใช้จ่ายได้เร็วขึ้น

    - ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของบลูมเบิร์ก ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 13 ปี นำโดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (ดับเบิ้ลยูทีไอ) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% เป็น 45.80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในการซื้อขาย 10.36 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลอนดอน หลังลงไปมากถึง 4.3% ในวันที่ 3 ส.ค.

    - "คมนาคม-รฟม."จ่อเสนอครม.ขอปรับรูปแบบลงทุนเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย จาก PPP-Gross Cost (จ้างเดินรถและซ่อมบำรุง) เป็น PPP-Net Cost (สัมปทาน) และใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 56 แทน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 เดินหน้า เจรจาตรง BMCL หลังบอร์ดสภาพัฒน์สั่งเปิดประมูล ด้านบอร์ดรฟม.ยันเดินรถต่อเนื่องประชาชนสะดวก

     - ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานยอดเงินฝากของสถาบันรับฝากเงินรวมตั๋วแลกเงินทั้งระบบ ล่าสุด ณ สิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มียอดเงินฝากรวม 16.77 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.2% แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่มียอดเงินฝากทั้งระบบรวม 16.85 ล้านล้านบาท หรือลดลง 7.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.5% สะท้อนว่าระดับเงินฝากในระบบมีอัตราการเพิ่มที่เริ่มลดลง

*หุ้นเด่นวันนี้

       - ASEFA บมจ.อาซีฟา เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร ด้านบล.เคเคเทรด ประเมินมูลค่าเหมาะสม 4.50 บาท/หุ้น จากราคาขาย IPO 3.70 บาท/หุ้น

    "อาซีฟา"และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/58 มีกำไรสุทธิ 29.52 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.07 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.93 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท

     บริษัทฯเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสวิตช์บอร์ดไฟฟ้า ที่ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัทฯ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "Asefa"  ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการออกแบบ และอุปกรณ์ภายในได้ตามความต้องการของลูกค้า

      - ITD(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“เก็งกำไร"เป้า 12 บาท คาดจะ Outperform ตลาดในวันนี้ จากกำหนดการลงนามในสัญญา SPV ระหว่างเอกชน–รัฐบาล 3 ฝ่าย ไทย–ญี่ปุ่น–พม่า เพื่อพัฒนาโครงการทวาย ในบ่ายวันนี้ ที่กรุงเนปิดอร์ ประเทศพม่า พร้อมคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างใน 2H58 จากการประมูลงานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ และเชื่อว่า ITD เป็นตัวเต็งที่จะได้งานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 6.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดประมูลงานใน 4Q58 นี้

     - IRPC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 5 บาท กำไรดีกว่าคาด IRPC เป็นหนึ่งใน “หุ้นกำไรโตดี๊ดี" ที่เราออกบทวิเคราะห์เมื่อ 17 ก.ค. และไม่ทำให้ผิดหวัง กำไรสุทธิ 2Q15 +11% Q-Q, +2,277% Y-Y และงวด 1H15 ทำได้ 8 พันล้านบาท +1,446% Y-Y จาก Spread ของธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้นทั้งสายอะโรเมติกส์ โอเลฟินส์ และสไตรีนิกส์ ชดเชยธุรกิจปิโตรเลียมที่แย่ลงตามค่าการกลั่นที่ลดลง และได้แรงหนุนจากกำไรจากสต็อก และกำไรพิเศษจากการกลับค่าเผื่อการลดลงของราคาสินค้าคงเหลือ และได้เงินประกันไฟไหม้ แต่กำไร 2H15 จะชะลอเพราะค่าการกลั่นลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก อาจมีขาดทุนจากสต็อก ธุรกิจปิโตรฯที่ยังดีแต่ชดเชยได้ไม่หมด โดยโครงการ UHV ที่จะเริ่มใน 4Q15 จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าได้ดีขึ้นในปีหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลังจนท.เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.3% แตะที่ 141.24 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,490.15 จุด ลดลง 30.21 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,504.94 จุด ลดลง 5.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,027.22 จุด ลดลง 0.77 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,179.17 จุด ลดลง 11.87 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,723.53 จุด ลดลง 0.20 จุด

   ประธานเฟดแอตแลนตาส่งสัญญาณในการให้สัมภาษณ์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.

  นายล็อคฮาร์ท ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิโหวต ระบุว่า เขาจะไม่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก็ต่อเมื่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐตกต่ำลงอย่างรุนแรงเท่านั้น

    นักลงทุนมองว่าการแสดงความเห็นของนายล็อคฮาร์ทเป็นการบ่งชี้ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนก.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 2.05 จุด แม้หุ้นเหมืองปรับขึ้น

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ขณะที่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้สกัดปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมือง

      ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 2.05 จุด หรือ 0.03% ที่ 6,686.57 จุด

      หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วง 2.1% นำขบวนหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ ดิ่งลง 5.9% หลังจากบริษัทได้เสนอซื้อบริษัทแบ็กซอลตา อิงค์เป็นมูลค่าราว 3.06 หมื่นล้านดอลลาร์

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่อ่อนแอเกินคาด โดยมาร์กิต อิโคโนมิคส์ รายงานวานนี้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของอังกฤษ ลดลงแตะ 57.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 58.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 58.5

    อย่างไรก็ตาม ตลาดปิดขยับลงไม่มากนัก เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาโลหะที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตันและหุ้นริโอ ทินโต ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ต่างทะยานขึ้นกว่า 1.5% หลังจากราคาทองแดงปรับตัวขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกตลาดหุ้นกรีซร่วงหนัก

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นกรีซร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลงด้วย

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 398.75 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,112.14 จุด ลดลง 8.38 จุด หรือ -0.16% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,456.07 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ +0.11% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,686.57 จุด ลดลง 2.05 จุด หรือ -0.03%

    นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของกรีซ หลังจากตลาดหุ้นกรีซร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการควบคุมเงินทุนของรัฐบาล โดยดัชนี ASE Index ปิดร่วงลง 1.2%

   ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของกรีซนั้น ล่าสุดนางโอลกา เกโรวาซิลิ โฆษกรัฐบาลกรีซ เปิดเผยว่า มีแนวโน้มที่รัฐบาลจะประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด หลังจากที่มีความขัดแย้งกันภายในพรรครัฐบาล เกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดที่นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรี ทำข้อตกลงไว้กับเจ้าหนี้

    ทั้งนี้ กรีซมีกำหนดต้องชำระหนี้มากกว่า 3 พันล้านยูโรต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งหากกรีซไม่ได้รับเงินกู้เพิ่มเติมจากเจ้าหนี้  ก็จะประสบภาวะผิดนัดชำระหนี้

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกรีซคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับทางเจ้าหนี้ได้ภายในวันที่ 18 ส.ค.นี้

   หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง นำโดยหุ้นเครดิต อะกริโคล ร่วงลงหลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้สุทธิปรับตัวขึ้นแตะ 920 ล้านยูโร (1.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด ขณะที่หุ้นพิเรอุส แบงก์ ทรุดฮวบลง 30% และหุ้นเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ดิ่งลง 29%

    หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ปรับตัวลง 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ยอดขายที่ซบเซาในประเทศจีนอาจจะทำให้ทางบริษัทต้องปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

    อย่างไรก็ตาม หุ้นบีเอ็มดับเบิลยูได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (EBIT) พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โดยมากกว่า 5 พันล้านยูโร (5.5 พันล้านดอลลาร์) เป็นครั้งแรกของบริษัท

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 47.51 จุด เหตุหุ้นพลังงานร่วง

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย.

   ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,550.69 จุด ลดลง 47.51 จุด หรือ -0.27% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,105.55 จุด ลดลง 9.83 จุด หรือ -0.19% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,093.32 จุด ลดลง 4.72 จุด หรือ -0.22%

     การร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 1.1% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.9% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ปรับตัวลง 2% และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 5.2%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทบางแห่ง รวมถึงบริษัทประกันรายใหญ่อย่าง ออลสเตท ซึ่งส่งผลให้หุ้นออลสเตท ดิ่งลงรุนแรงถึง 10% ขณะที่บริษัทซีวีเอส เฮลธ์ คอร์ปอเรชัน เปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาดหุ้น และได้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทร่วงลง 2.54%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนแรงลง โดยหุ้นแอปเปิลร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ขณะที่หุ้นสกายเวิร์ก โซลูชันส์ และหุ้นเอวาโก เทคโนโลยีส์ ปรับตัวลงเช่นกัน

     อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนมิ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภาคการขนส่ง และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานได้ฟื้นตัวขึ้น

      ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กพุ่งขึ้นแตะ 68.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 63.1 ในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ดัชนีการจ้างงานดีดตัวแตะระดับ 64.8 ในเดือนก.ค.  ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน

   นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.จาก ADP, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. และดัชนีภาคการบริการเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 4 ส.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,550.69 จุด                         ลดลง 47.51 จุด     -0.27%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,105.55 จุด                      ลดลง 9.83 จุด      -0.19%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,093.32 จุด                       ลดลง 4.72 จุด      -0.22%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,686.57 จุด                    ลดลง 2.05 จุด      -0.03%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,456.07 จุด                           เพิ่มขึ้น 12.35 จุด    +0.11%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,112.14 จุด                        ลดลง 8.38 จุด      -0.16%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,510.86 จุด                           ลดลง 13.55 จุด     -0.16%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,520.36 จุด                    ลดลง 27.75 จุด     -0.14%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,027.99 จุด                        เพิ่มขึ้น 19.50 จุด    +0.97%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,681.90 จุด      เพิ่มขึ้น 17.60 จุด    +0.31%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,697.90 จุด            เพิ่มขึ้น 18.60 จุด    +0.33%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,756.54 จุด                     เพิ่มขึ้น 133.64 จุด   +3.69%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,598.29 จุด             เพิ่มขึ้น 25.03 จุด    +0.33%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,406.12 จุด                               ลดลง 5.30 จุด      -0.02%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,781.09 จุด      ลดลง 19.09 จุด     -0.40%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,723.73 จุด                      ลดลง 20.46 จุด     -1.17%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,191.04 จุด                      ลดลง 1.75 จุด      -0.05%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,071.93 จุด                        ลดลง 115.13 จุด    -0.41%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย.

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,550.69 จุด ลดลง 47.51 จุด หรือ -0.27% ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,105.55 จุด ลดลง 9.83 จุด หรือ -0.19% ดัชนีS&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,093.32 จุด ลดลง 4.72 จุด หรือ -0.22%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) หลังจากตลาดหุ้นกรีซร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลงด้วย

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 398.75 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,112.14 จุด ลดลง 8.38 จุด หรือ -0.16% ดัชนีDAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,456.07 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ +0.11% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,686.57 จุด ลดลง 2.05 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ขณะที่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้สกัดปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมือง

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 2.05 จุด หรือ 0.03% ที่ 6,686.57 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ราคาร่วงลงติดต่อกันหลายวัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันในวันนี้  

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 49.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกในตลาด และส่งผลให้สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ระดับ 1,090.70 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.2 เซนต์ ปิดที่ 14.557 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 8.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 958.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 4.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 598.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) ขานรับถ้อยแถลงของนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ซึ่งได้ช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0891 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0949 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5568 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5584 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.33 เยน จาก 123.95 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9789 ฟรังก์ จาก 0.9696 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7383 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7269 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,200.00 จุด เพิ่มขึ้น 49.00 จุด, +4.26%

อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!