WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET25ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซต์เวย์-อิงแดนลบ เหตุราคาน้ำมันยังลงต่อเนื่อง

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ อิงไปในทางลบ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันในตลาดไนเม็กซ์ได้ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

   นอกจากนี้ให้ติดตามการประชุคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันนี้ว่าจะมี 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าพิจารณาหรือไม่ เนื่องจากทางม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ออมาระบุว่ายังไม่เห็นมาตรการจาก รมว.คลัง ดังนั้นต้องติดตามดู เพราะหากยังไม่มีการนำมาตรการเข้าครม.ก็อาจต้องเลื่อนออกไป ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ได้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง ทำให้เห็นว่าต่างชาติยังคงเป็นลักษณะของการเทรดดิ้ง

    ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนที่แย่หลังจากที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนออกมาไม่ดี ทำให้กังวลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว และยังทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ปรับตัวลงด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,432-1,436 จุด ส่วนแนวต้าน 1,450 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(3 ส.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,598.20 จุด ลดลง 91.66 จุด(-0.52%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,115.38 จุด ลดลง 12.90 จุด(-0.25%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.04 จุด ลดลง 5.80 จุด(-0.28%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 85.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 47.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.46 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 14.10 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(3 ส.ค.58) อยู่ที่ 1,442.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด (+0.13%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,426.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ส.ค.58

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(3 ส.ค.58) ปิดที่ 45.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.95 ดอลลาร์

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(3 ส.ค.58)ที่ 5.05 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเช้านี้เปิด 35.12/14 อ่อนค่าจากวานนี้ รอลุ้นผลประชุมกนง.วันพรุ่งนี้

    - กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ก.ค.อยู่ในระดับ 106.57 ติดลบ 1.05% เทียบกับเดือน ก.ค.57 เป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และลดลง 0.07% เมื่อเทียบเดือน มิ.ย.58 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ยรอบ 7 เดือน ติดลบถึง 0.85% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

     - ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศ ไทย(สรท.)ปรับประมาณการตัวเลขส่งออกของไทยปีนี้ใหม่ โดยคาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่าเพียง 2.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือติดลบ 4.2% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียง 2% ซึ่งถือว่าติดลบมากสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 52 ที่การส่งออกไทยติดลบ 14.2%

     - คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)มีมติเห็นชอบปรับลดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) งวดเดือน ส.ค. ในทุกกลุ่ม ทั้งภาคอุตสาหกรรม ขนส่ง และครัวเรือน ลงมา 1 บาท/กิโลกรัม มีผลทันทีวันที่ 4 ส.ค.นี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มมาอยู่ที่ 22.96 บาท/กิโลกรัม และทำให้ถังก๊าซ หุงต้มของครัวเรือนขนาด 15 กิโลกรัม มีราคาลดลงทันที 15 บาท/ถัง เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน

     - แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า แนวโน้มเงินไหลเข้ามาลงทุนทางตรง(เอฟดีไอ)ครึ่งปีหลังของไทยยังเป็นบวก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่ปรับไปให้สิทธิประโยชน์การลงทุนรายอุตสาหกรรมตามนโยบายสร้างเศรษฐกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่

   - สมาคมโลหะไทยตบเท้ายื่นบีโอไอคัดค้านการขึ้นเซอร์ชาร์จเหล็กลวดนำเข้า ยันหากขึ้นจริงอุตสาหกรรมต่อเนื่องอาจเจ๊งและต้องขยับราคาขายเดือดร้อนผู้บริโภคแน่ บีโอไอเตรียมเปิดเวทีให้ทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเนื่องถกหาข้อยุติเร็วๆ นี้อีกรอบ

*หุ้นเด่นวันนี้

     - BECL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 2.73 บาท นำไปควบรวมและเปลี่ยนเป็น BEM ซึ่งเกิดจากการควบรวม BMCL-BECL ยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทใหม่ที่ครบวงจรทั้งทางด่วน-ระบบรางยังเติบโตได้อีกมากจากการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดย EBITDA สูงถึงปีละ 8,000 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่ากระแสเงินทุนของ BEM มีความพร้อมมากต่อการเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายใหม่ๆของภาครัฐฯ พร้อมคาดกำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปี(58-60)โตปีละ 18% และยังมี Valuation Gap จาก BTS มาก ประเมินเป้าหมาย BEM ที่ 6.50 บาท หรือเทียบเท่า BMCL ที่ 2.73 บาทมี Upside 44%

   - กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ด้าน ซึ่งรมว.คลังเตรียมเสนอ ครม.วันนี้ SCC, CK, STEC, AOT, TASCO, AMATA, WHA, CPALL, SCB, KBANK, MTLS (โกลเบล็ก)

   - กลุ่มสื่อสาร(ADVANC, INTUCH) ความคืบหน้าการประมูล 4G (คาดประมูลคลื่นในวันที่ 11-12 พ.ย.) และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีเด่น ทั้งนี้ ADVANC ประกอบงบออกมาดีกว่าคาดโดยมีกำไร 9.8 พันลบ. (+16.2% YoY) และปันผลครึ่งปีที่ 6.5 บาท/หุ้น XD 11 ส.ค.(โกลเบล็ก)

     - AAV(โกลเบล็ก)เป้า Consensus สูงสุด 7.50 บาท คาดกำไรปี 58 ฟื้นแข็งแกร่งจากการได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มสายการบินจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจาก Hedging ไว้ล่วงหน้าเพียง 15% ส่งผลให้ต้นทุนลดลงและคาดว่ากำไรโต และได้อานิสงส์นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 80% ดีกว่าปี 57 และคาดทั้งปีที่ 83% หรือ 14.5 ล้านคน อีกทั้งทางสสท.คาดจำนวนนักท่องเที่ยวปี 58 +13% เป็น 28 ล้านคน

   - ADVANC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 290 บาท กำไรดีกว่าคาด หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติ 2Q15 -2.6% Q-Q ตามฤดูกาลแต่ +12.4% Y-Y สูงกว่าคาดเล็กน้อยจาก Regulatory Cost ที่ลดเหลือเพียง 12.5% ของรายได้ จาก 14.2% ใน 1Q15 เราปรับกำไรปีนี้ลงเล็กน้อย 5% เป็น 3.9 หมื่นล้านบาท +7% Y-Y แนวโน้มปีหน้ายังแกร่งมาก ได้ปรับสมมติฐานให้ ADVANC ได้ใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz อย่างละ 1 ใบ กำไรปีนี้หน้าจะโต 31% Y-Y

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ หลังราคาน้ำมันตลาดโลกร่วง

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัว หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลงจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ค.

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% แตะ 140.70 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.05 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,462.18 จุด ลดลง 85.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,621.86 จุด ลดลง 1.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,364.41 จุด ลดลง 47.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,538.44 จุด เพิ่มขึ้น 14.03 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,007.75 จุด ลดลง 0.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,192.33 จุด ลดลง 0.46 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,730.09 จุด ลดลง 14.10 จุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 7.66 จุด จากวิตกภาคการผลิตจีนชะลอตัว

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การชะลอตัวลงของภาคการผลิตจีนอาจจะส่งผลให้จากจีนอุปสงค์ปรับตัวลดลง

      ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 7.66 จุด หรือ 0.11% ที่ 6,688.62 จุด

      มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนที่จัดทำร่วมกับไคซิน ในเดือนก.ค.ลดลงแตะ 47.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จาก 49.4 ในเดือนมิ.ย. และเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50

     ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว และดัชนีที่สูงกว่า 50 จะบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า

   หุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำโดย หุ้นเกลนคอร์ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน และหุ้นแองโกล อเมริกัน ต่างก็ปรับตัวลดลงอย่างน้อย 3.5% หลังภาคการผลิตจีนปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีในเดือนก.ค.

    หุ้นโรลส์รอยซ์เพิ่มขึ้น 5.9% หลังจากบริษัทแวลูแอคท์ แคปิตอล แมเนจเมนท์ เข้าซื้อหุ้น 5.4% ของบริษัท เนื่องจากมองว่าบริษัทมีศักยภาพในการเติบโตจากการให้บริการด้านเครื่องยนต์เครื่องบิน

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า อุปสงค์ด้านการส่งออกของอังกฤษปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนก.ค. ถึงแม้ว่าภาคการผลิตจะขยายตัวก็ตาม

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ผลประกอบการเอกชนสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทรายใหญ่ รวมถึงไฮเนเกนส์ และคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นกรีซ

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 399.44 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,120.52 จุด เพิ่มขึ้น 37.91 จุด หรือ +0.75% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,443.72 จุด เพิ่มขึ้น 134.73 จุด หรือ +1.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,688.62 จุด ลดลง 7.66 จุด หรือ -0.11%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน โดยคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนีในแง่มูลค่าตลาด เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 280 ล้านยูโร (ราว 307 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับ 100 ล้านยูโรในช่วงเดียวกันของปีก่อน

    ผลกำไรที่สูงเกินคาดดังกล่าวส่วนใหญ่เนื่องมาจากความแข็งแกร่งของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าองค์กรขนาดกลางและลูกค้ารายย่อย ซึ่งช่วยให้ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 9% แตะที่ 2.42 พันล้านยูโร เมื่อเทียบกับ 2.24 พันล้านยูโรในปีก่อนหน้า และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 2.4 พันล้านยูโร

    ทั้งนี้ หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ทะยานขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นไฮเนเกนส์ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด

    อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง หลังจากทางการจีนเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 3.7% และหุ้นเกลนคอร์ ดิ่งลง 3.8%

   ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนสามารถสกัดปัจจัยลบจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นกรีซ โดยดัชนี Athex Composite ปิดร่วงลง 16.2% เมื่อวานนี้

    ทั้งนี้ ตลาดหุ้นกรีซกลับมาเปิดทำการเมื่อวานนี้เป็นวันแรก ภายหลังจากปิดทำการราว 5 สัปดาห์ ซึ่งขณะนั้นกำลังเกิดวิกฤตการณ์จากการที่ชาวกรีซแห่ถอนเงินฝากในธนาคาร และรัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ข้อมูลศก.สหรัฐซบเซา ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 91.66 จุด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค.และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง และส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,598.20 จุด ลดลง 91.66 จุด หรือ -0.52% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,115.38 จุด ลดลง 12.90 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.04 จุด ลดลง 5.80 จุด หรือ -0.28%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ขยับขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 4 เดือน และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงในช่วงท้ายไตรมาส 2

    ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 52.7 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับ 53.5 ในเดือนมิ.ย.

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.

    ทั้งนี้ หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.6% หุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี ปรับลง 4.3% และหุ้น Chesapeake Energy ร่วงลง 4.5%

    หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยหุ้นนิวมอนท์ ไมนิง คอร์ป ดิ่งลง 2.3% และหุ้นฟรีพอร์ท แมคมอร์แรน ร่วงลง 2.4%

    หุ้นบริษัทผลิตกระเป๋ายอดนิยมอย่าง Coach และ Michael Kors Holdings ต่างก็ร่วงลงกว่า 2.4% ขณะที่หุ้น Hanesbrands ร่วงลงอย่างหนักถึง 6.2% หลังจากนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายของบริษัทเหล่านี้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง

    นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นกรีซ โดยดัชนี Athex Composite ปิดร่วงลง 16.2% เมื่อวานนี้

     ทั้งนี้ ตลาดหุ้นกรีซกลับมาเปิดทำการเมื่อวานนี้เป็นวันแรก ภายหลังจากปิดทำการราว 5 สัปดาห์ ซึ่งขณะนั้นกำลังเกิดวิกฤตการณ์จากการที่ชาวกรีซแห่ถอนเงินฝากในธนาคาร และรัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัฐในวันนี้ รวมถึง ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 3 ส.ค.2558

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,115.38 จุด                    ลดลง 12.90 จุด     -0.25%

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,598.20 จุด                       ลดลง 91.66 จุด     -0.52%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,098.04 จุด                     ลดลง 5.80 จุด      -0.28%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,688.62 จุด                  ลดลง 7.66 จุด      -0.11%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,443.72 จุด                         เพิ่มขึ้น 134.73 จุด   +1.19%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,120.52 จุด                      เพิ่มขึ้น 37.91 จุด    +0.75%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,524.41 จุด                        ลดลง 140.93 จุด    -1.63%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,548.11 จุด                   ลดลง 37.13 จุด     -0.18%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,008.49 จุด                      ลดลง 21.67 จุด     -1.07%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,664.30 จุด    ลดลง 17.40 จุด     -0.31%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,679.30 จุด          ลดลง 19.90 จุด     -0.35%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,622.91 จุด                   ลดลง 40.82 จุด     -1.11%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,573.26 จุด           เพิ่มขึ้น 23.26 จุด    +0.31%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,411.42 จุด                            ลดลง 224.86 จุด    -0.91%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,800.18 จุด   ลดลง 2.35 จุด      -0.05%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,744.19 จุด                    เพิ่มขึ้น 21.05 จุด    +1.22%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,192.79 จุด                    ลดลง 9.71 จุด      -0.30%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,187.06 จุด                      เพิ่มขึ้น 72.50 จุด    +0.26%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค.และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 4 เดือน นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง และส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,598.20 จุด ลดลง 91.66 จุด หรือ -0.52% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,115.38 จุด ลดลง 12.90 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,098.04 จุด ลดลง 5.80 จุด หรือ -0.28%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทรายใหญ่ รวมถึงไฮเนเกนส์ และคอมเมิร์ซแบงก์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นกรีซ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 399.44 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,120.52 จุด เพิ่มขึ้น 37.91 จุด หรือ +0.75% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,443.72 จุด เพิ่มขึ้น 134.73 จุด หรือ +1.19% ดัชนีFTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,688.62 จุด ลดลง 7.66 จุด หรือ -0.11%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การชะลอตัวลงของภาคการผลิตจีนอาจจะส่งผลให้จากจีนอุปสงค์ปรับตัวลดลง

          ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 7.66 จุด หรือ 0.11% ที่ 6,688.62 จุด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่ระดับ 1,089.40 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 23 เซนต์ ปิดที่ 14.515 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 17.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 967.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 603.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ค. หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี เลขาธิการกลุ่มโอเปกยืนยันว่า โอเปกจะไม่ลดกำลังการผลิต แม้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นก็ตาม 

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.17 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 2.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและเงินเยนเมื่อคืนนี้ (3 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่าข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0949 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0980 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.95 เยน จาก 123.75 เยน

    ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,151.00 จุด เพิ่มขึ้น 20.00 จุด, +1.77%

   อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!