- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 23 June 2014 13:21
- Hits: 3225
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซต์เวย์อัพ, Window Dressing-ประมูลรถไฟรางคู่หนุน
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ อัพ โดยได้รับ Sentiment บวกจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรป และตลาดสหรัฐฯที่ต่างปรับตัวขึ้นกัน โดยจะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมามี Flow ไหลเข้าตลาด Development มาก ขณะที่ตลาด Emerging Market ไหลเข้าน้อย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยกลับเป็นขายด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราน่าจะยังได้รับแรงหนุนจากการทำ Window Dressing ก่อนที่จะปิดงบฯไตรมาส 2/57 และวันนี้(23 มิ.ย.)ก็จะมีการประมูล E-Auction รถไฟรางคู่ ซึ่งก็จะไปหนุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้บ้าง อีกทั้งตลาดฯยังมีหุ้นที่ Laggard อยู่ในกลุ่ม Media, ICT, ปิโตรเคมี, พลังงาน ซึ่งก็ลุ้นดูว่าจะมีการทำราคาปิดหรือเปล่า
พร้อมให้แนวรับ 1,460-1,455 จุด ส่วนแนวต้าน 1,470-1,476 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(20 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,947.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.62 จุด หรือ +0.15%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,962.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.39 จุด(+0.17%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,368.04 จุด เพิ่มขึ้น 8.71 จุด(+0.20%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 70.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 0.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 28.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 19.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.37 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.98 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(20 มิ.ย.) ที่ 1,467.29 จุด เพิ่มขึ้น 5.38 จุด(+0.37%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 450.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(20 มิ.ย.)ที่ 107.26 ดอลลาร์/บาร์เรลเพิ่มขึ้น 83 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(20 มิ.ย.)ที่ 4.81 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.43/46 จับตากระแสเงินทุน-ราคาทอง
- "ประจิน" ระบุคุมเพดานราคาดีเซลแค่ชั่วคราว รอปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและแอลพีจีวาระเร่งด่วน พร้อมพิจารณาข้อเสนอตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายศึกษาการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานทั้งระบบใน 3-6 เดือนข้างหน้านี้ หลังใช้เวลาถกกับ 5 กลุ่มด้านพลังงานนานกว่า 7 ชั่วโมง
- นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่ายอดตั้งโรงงานใหม่ในช่วง 23 พ.ค.-18 มิ.ย. 2557 มีจำนวนโรงงานที่ประกอบกิจการใหม่ 377 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. 19.68% ขณะที่การขยายกิจการเพิ่มขึ้น 55% อยู่ที่ 76 แห่ง วงเงินลงทุน 3.14 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา
- โบรกเกอร์ เผยราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง หลังสถานการณ์ในอิรักยังไม่มีทีท่าสงบลง แถมมีโอกาสปรับคาดการณ์ราคาปีนี้ขึ้น หนุนผลการดำเนินงานกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ ปตท.สผ. เผยน้ำมันที่ขยับขึ้นทุกๆ 1 ดอลลาร์ดันกำไรเพิ่ม 650 ล้านบาท
- ทีวีดิจิตอลเริ่มระส่ำ โฆษณาไม่เข้า ตามคาด เม็ดเงินโฆษณาทางสื่อทีวีเดือน พ.ค. ติดลบ 8.72% ชี้ 24 ช่องทีวีดิจิตอล อาจจะล้มหายเร็วกว่าที่คาดการณ์ บิ๊กแชนแนลที่อยู่ได้อาจไม่ถึง 5 ช่อง มองทีวีดาวเทียมหายไปกว่า 100 ช่อง ผลดีให้ทีวีดิจิตอลเกิดได้เร็วขึ้น
- สมาคมอุตฯ เซลล์แสงอาทิตย์เตรียมยื่นหนังสือถึง "ประยุทธ์" หัวหน้า คสช.ในฐานะประธาน กพช. และ "ประจิน" หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช.ให้ยกเลิกโครงการโซลาร์ชุมชน 800 เมกะวัตต์ ตามกรอบมติ กพช. ก.ค. 56 เตรียมถกเอกชน 100 ราย 25 มิ.ย.นี้ หารูปแบบใหม่เล็งเสนอให้ยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่ ด้านปัญหารง.4 โซลาร์รูฟไม่เกิน 1,000 กิโลวัตต์ ฉลุย กรอ.เตรียมออกประกาศยกเว้น 1 ก.ค.นี้
- กทพ.เตรียมเสนอ ก.คมนาคม เดินหน้าสร้างทางด่วนขั้น 3 สายเหนือ หลังโครงการหยุดชะงัก เหตุเพราะ ม.เกษตรศาสตร์คัดค้านหนัก โดยเพิ่มเส้นทางจราจรระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับเขตบึงกุ่มและเขตบางกะปิ พร้อมเสนอทางพิเศษเร่งด่วน ส่วนต่อขยายต่างระดับบางโคล่ ต่อ คสช.อนุมัติแก้ปัญหาการจราจรแน่น
*หุ้นเด่นวันนี้
- PCA(บมจ.แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย)เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(MAI) บล.ทิสโก้ ให้มูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 3.38 บาทสำหรับปี 57F และ 4.06 บาทสำหรับปี 58F ส่วน BV คาดว่าจะอยู่ที่ 1.80 บาท และ 1.96 บาทในปี 57-58F ตามลำดับ
บริษัทฯ ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง จำหน่ายระบบเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและระบบดิจิตอลทีวีแบบครบวงจร โดยบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลก อาทิ CISCO โดยแบ่งออกเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication) ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์และดิจิตอลทีวี (Broadcast / Digital TV) (คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 70-80%) นอกจากนี้ยังได้พัฒนาและต่อเชื่อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ใช้งานร่วมกันเป็นโซลูชั่น เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ PlanetComm (คิดเป็นสัดส่วนรายได้ราว 10-15%)
- SVI (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 4.90 บาท มุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อธุรกิจปกติของบริษัทที่เชื่อว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 1Q57 และแนวโน้มกำไร 3 ไตรมาสที่เหลือดีต่อเนื่อง อีกทั้งในประมาณการผลประกอบการใหม่ยังไม่รวมยอดขายลูกค้าใหม่กลุ่ม Auto มองเป็น Upside ต่อประมาณการปี 2558 นอกจากนี้ราคาหุ้น SVI ปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 2557 ที่ 11.4 เท่า ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 3 บริษัทที่เราศึกษาในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มี PE เฉลี่ย 14.2 เท่า
- AOT(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 220 บาท ราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินมีโอกาสตอบรับเชิงบวกต่อปัจจัยการยกเลิกเคอร์ฟิวในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้เรามองว่า AOT จะได้รับปัจจัยบวกในระยะสั้นในด้านจิตวิทยาการลงทุน ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของ AOT มีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจต่ำเนื่องจากลักษณะในการประกอบธุรกิจผูกขาด และยังได้ประโยชน์จากธุรกิจการบินที่มีการแข่งขันสูง รวมทั้งการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ
- BBL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 240 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะ Outperform ตลาดในสัปดาห์นี้ จากอานิสงค์เชิงบวกของการทำ Window Dressing พร้อมคาดผลประกอบการ 2Q57 จะเติบโต qoq เป็น 9,500 - 10,000 ล้านบาท และงบดุลแข็งแกร่ง เนื่องจากมี Coverage สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารถึง 211% ณ สิ้นสุด 1Q57 และราคาหุ้นยัง Laggard มาก และมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก
- BMCL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 1.36 บาท มอง"บวก"ต่อการประชุมทางโทรศัพท์ระหว่างผู้บริหาร BMCL และผู้จัดการกองทุนต่างชาติ และในประเทศเกือบ 20 แห่ง ปลายสัปดาห์ก่อน จัดขึ้นโดย MBKET เนื่องจาก ผู้บริหารได้แสดงความมั่นใจในทิศทางของบริษัทที่ดีกว่าที่เราประเมินไว้ เช่น การกลับมามีกำไรที่เร็วกว่า รวมถึงการมองไปถึงเงินปันผล ซึ่งแม้เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นใน 3 ปีนี้ แต่ทิศทางนี้อาจทำให้ต้องปรับประมาณการกำไรปี 2558 ขึ้นได้ ปัจจุบัน BMCL ได้อยู่ในมอนิเตอร์ของนักลงทุนทั่วโลกแล้ว
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขณะจับตาหลายประเทศเผย PMI ภาคการผลิต
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของหลายประเทศ ตั้งแต่จีน สหรัฐ ไปจนถึงประเทศต่างๆในยุโรป
ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเวลา 9.59 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,419.47 จุด เพิ่มขึ้น 70.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,026.23 จุด ลดลง 0.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,165.26 จุด ลดลง 28.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,293.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,975.10 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,262.17 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,884.74 จุด ลดลง 0.98 จุด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : แรงซื้อหุ้นเฮลธ์แคร์ หนุนฟุตซี่ปิดบวก 17.09 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลธ์ แคร์ รวมถึงหุ้นไชร์
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,825.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.09 จุด หรือ +0.25%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเฮลธ์ แคร์ โดยหุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 17% หลังจากมีรายงานว่าบริษัท AbbVie ได้เพิ่มข้อเสนอซื้อกิจการของไชร์ หลังจากคณะผู้บริการของไชร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอการเทคโอเวอร์กิจการจาก AbbVie มูลค่า 2.73 หมื่นล้านปอนด์ไปก่อนหน้านี้
หุ้นทีเอสบี แบงกิง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 12% หลังจากมีรายงานว่าธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ได้ขายหุ้น 35% ที่ถืออยู่ในทีเอสบี
หุ้นเฟรสนิลโล แอนด์ แรนโกลด์ รีซอสเซส ปรับขึ้น 1.4% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตทองคำปรับตัวสูงขึ้นด้วย ส่วนหุ้นบริติช สกาย บรอดคาสติ้ง พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากมีรายงานว่า บริติช สกาย บรอดคาสติ้ง อาจบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับบริษัทบีที กรุ๊ป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว แต่ตลาดได้แรงหนุนจากข่าวควบกิจการ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (20 มิ.ย.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข่าวการควบรวมกิจการและซื้อกิจการของภาคเอกชนยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงน้อยกว่า 0.1% ปิดที่ 348.09 จุด ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.3%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,541.34 จุด ลดลง 21.70 จุด หรือ -0.48% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,987.24 จุด ลดลง 16.76 จุด หรือ -0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,825.20 จุด เพิ่มขึ้น 17.09 จุด หรือ +0.25%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการและซื้อกิจการของภาคเอกชนยุโรป และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2%
อย่างไรก็ตาม ตลาดอ่อนแรงลงท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซาเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร
หุ้นไชร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 17% หลังจากมีรายงานว่าบริษัท AbbVie ได้เพิ่มข้อเสนอซื้อกิจการของไชร์ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารของไชร์ได้ปฏิเสธข้อเสนอการเทคโอเวอร์ดังกล่าว
หุ้นอัลสตอม ปรับขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทซีเมนต์ส เอจี และมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ได้เพิ่มข้อเสนอซื้อกิจการของอัลสตอมอีก 1.2 พันล้านยูโร เป็ฯ 8.2 พันล้านยูโร นอกจากนี้มีข่าวว่า เจนเนอรัล อิเล็กทริก ยังได้เสนอซื้อกิจการของอัลสตอมด้วย
หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย ร่วงลง 2.6% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเทเลโฟนิกาได้ขายตราสารหนี้มูลค่า 103 ล้านยูโรเพื่อเตรียมเข้าซื้อหุ้นของเทเลคอม อิตาเลีย
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 25.62 จุด รับเฟดเดินหน้าตรึงดบ.ต่ำ
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (20 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินด้วยการส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,947.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.62 จุด หรือ +0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,368.04 จุด เพิ่มขึ้น 8.71 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,962.87 จุด เพิ่มขึ้น 3.39 จุด หรือ +0.17%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.4% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.3%
ทั้งนี้ เนื่องจากทางการสหรัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจึงยังคงรับปัจจัยบวกจากการตัดสินใจของคณะกรรมการเฟดที่ระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเฟดช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟดยังได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกล่าวว่า "การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันมีสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวขึ้น และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นปานกลาง" นอกจากนี้ คณะกรรมการเฟดยังมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มผู้ผลิตวัสดุ ปรับตัวสูงขึ้นและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นด้วย
หุ้นเน็ทฟลิกซ์ หุ้นเทลซา มอเตอร์ และหุ้นทริปแอดไวเซอร์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.5% เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้
หุ้นออราเคิล คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 3.98% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นในไตรมาสล่าสุดอยู่ที่ 80 เซนต์ และรายได้รวม 1.13 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
อินโฟเควสท์