WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET55ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนลงตามภูมิภาค Sentiment ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเป็นลบ

     นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะอ่อนตัวลงก่อนตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า เนื่องจากตลาดจีนได้ปรับตัวลงแรงมาก แม้ว่าทางการพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นแต่ก็ยังคงปรับตัวลงอยู่ ส่วนเรื่องหนี้กรีซจากการพูดคุยกับสหภาพยุโรป(อียู)ก็ไม่ได้มีเอกสารอะไรไปยื่นทำให้ต้องมีการเลื่อนการเจรจาออกไปอีก ด้านอิหร่านก็มีการเลื่อนการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ออกไปอีกเหมือนกัน แม้ว่าพยายามจะหาทางตกลงกันให้ได้ เพราะหากตกลงกันได้อิหร่านก็จะส่งออกน้ำมันได้

    ดังนั้น Sentiment ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจึงยังเป็นลบอยู่ ส่วนปัจจัยในประเทศกลุ่มแบงก์ก็ยังมีการ downgrade อยู่ อย่างไรก็ดีดัชนีฯอาจมีการรีบาวน์ได้บ้างในระหว่างเทรดแต่ก็ขึ้นอยู่ที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ

     พร้อมให้แนวรับ 1,475-1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490-1,495 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(7 ก.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,776.91 จุด เพิ่มขึ้น 93.33 จุด(+0.53%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,997.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.52 จุด(+0.11%),ดัชนี S&P500 ปิดที่  2,081.34 จุด เพิ่มขึ้น 12.58 จุด(+0.61%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 94.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 259.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 564.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 24.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.94 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 5.83 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(7 ก.ค.58) อยู่ที่ 1,483.77 จุด เพิ่มขึ้น 10.54 จุด(+0.72%)

      - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 532.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.ค.58

       - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(7 ก.ค.58) ปิดที่ 52.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 20 เซนต์

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(7 ก.ค.58)ที่  5.81 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

        - เงินบาทเปิด 34.05 อ่อนค่าในรอบเกือบ 6 ปีตามยูโร หลังยังกังวลหนี้กรีซ

        - ครม.อนุมัติ "วิรไท สันติประภพ" นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.นายกฯ ชี้เป็นไปตามขั้นตอนหากทำไม่ดีพร้อมปลด วอนขอเปิดโอกาสทำงาน ขณะแวดวงตลาดเงิน-ตลาดทุนขานรับ ชี้เข้าใจและมีประสบการณ์ดูแลการเงินประเทศได้

        - ธปท.จับตาเศรษฐกิจจีน หลังตลาดเงิน-ทุน ป่วนหนัก หวั่นโตต่ำคาดฉุดส่งออกและกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ด้านทางการจีนยืนยันมีศักยภาพรับมือความเสี่ยงได้ ขณะ กกร. ปรับเป้าส่งออกปีนี้ติดลบ 2%

        - นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย และประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คือ สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2558 จากเดิมคาดไว้โต 3.5% เหลือเป็นโต 3% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว ทำให้การส่งออกฟื้นตัวต่ำกว่าคาด ส่งออกปีนี้จะติดลบ 2% จากเดิมคาดโตไม่ถึง 1%

       - ตลาดหุ้นไทย 6 เดือนแรกปีนี้ถูกปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งเศรษฐกิจชะลอ-โรคระบาด-ภัยแล้ง-ปัญหาแรงงานประมง-กรีซวิกฤติ ส่งผล กระทบกำไร บจ.นักลงทุนพากันเทขายหุ้นดัชนีวูบยืนต่ำกว่า 1,500 จุด มาร์เก็ตแคป สูญกว่า 8.5 แสนล้าน เหลือ 1.38 ล้านล้าน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติถล่มขายต่อเนื่อง ด้าน บล.เดินหน้าโรดโชว์ต่างประเทศ ชี้แจงข้อมูลไทย หวังเรียกความเชื่อมั่นต่างชาติ ด้านเมย์แบงก์ชี้นักลงทุนห่วงเศรษฐกิจไทยโตช้ากว่าคาด

    - รถไฟได้สรุปวงเงินสัญญา 3 สายสีแดง บางซื่อ-รังสิต เอกชนให้ราคาสุดท้าย 3.25 หมื่นล้านบาท 'ประจิน' ชง สคร.และ คนร. พิจารณาก่อนเข้า ครม. รู้ผลไม่เกินสิงหาคมนี้ เลือกย่านรังสิตสร้างหมอชิตแห่งใหม่ บขส.เล็งออกประกาศขอซื้อที่เอกชน ขั้นต่ำ 80 ไร่

*หุ้นเด่นวันนี้

      - TH-W2 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์(TH)เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 321,665,338หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 5 ปี นับจากออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งออกวันที่ 17 มิถุนายน 2558 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 มิ.ย. 2561 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 16 มิ.ย. 2563

       - NWR(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.60 บาท คาดหุ้นขนาดกลาง-เล็กเคลื่อนไหวดีกว่าหุ้นหลัก จากทิศทางการลงทุนยังไม่ชัดเจน ปัญหาหนี้กรีซส่งผลให้นักลงทุนชะลอรอการเจรจากับเจ้าหนี้อีกระยะ คาดกำไรสุทธิ 2Q58 โตทั้ง yoy และ qoq จากรับรู้งานที่อัตรากำไรสูง และ 2H58 คาดโตก้าวกระโดดจาก 1H58 จากการบันทึกกำไรจากธุรกิจอสังหาริมรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 58 โต +1,716.5% yoy เป็น 176 ล้านบาท และต่อเนื่อง +76.2% yoy ในปี 59 เป็น 310 ล้านบาท และ Valuation ยังค่อนข้างถูก

      - CPALL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 54 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q15 ที่ 3,125 ล้านบาท +39% Y-Y จากค่าใช้จ่ายดีลซื้อ MAKRO หายไป แต่กำไรชะลอลง 8% Q-Q จากกำไรที่ลดลงของ MAKRO ซึ่งเป็นธุรกิจ Cash&carry อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากกว่าร้าน 7-11 แม้รายได้ 7-11 ยังดีแต่ชดเชยไม่ได้ แนวโน้มกำไร 2H15 ดีขึ้นจากแรงกระตุ้นของ Stamp Promotionช่วง ก.ค.-พ.ย.และการขยายสาขาต่อเนื่อง คาดกำไรทั้งปีจะโตได้ 33%

     - SIRI(ฟินันเซีย ไซรัส)เป้า 2.15 บาท คาดกำไรปกติ 2Q15 +21.6% Q-Q ตามรายได้โอน แต่ -3.7% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ระดับต่ำเพราะยังมีการรับรู้รายได้จากสินค้าที่ลดราคาในช่วง 1Q15 และมีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมมากขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นจะกลับขึ้นไปสู่ระดับปกติในช่วง 2H15 สำหรับ Presales 2Q15 ดีขึ้นมาก +268% Q-Q, +205% Y-Y ทำให้ Presales 6M15 ทำได้ 46% ของเป้าทั้งปี โดยคาดกำไรปกติปีนี้ +10% Y-Y แต่ EPS -10% Y-Y เพราะปีที่แล้วมีรายการพิเศษและมี dilution จากการแปลงสภาพของ SIRI-W1 แต่แนะนำ"ซื้อ"เพราะ PE ต่ำ 7.9 เท่าและ Dividend yield 5%

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ ขณะวิกฤตหนี้กรีซยังไม่คลี่คลาย

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้กรีซ

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.3% แตะ 143.29 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,282.49 จุด ลดลง 94.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,411.30 จุด ลดลง 564.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,225.91 จุด ลดลง 24.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,045.88 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,329.99 จุด ลดลง 10.94 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,706.47 จุด ลดลง 5.83 จุด

     หลังจากที่บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป ไม่ได้รับข้อเสนอใหม่จากกรีซตามที่คาดกันไว้ในการประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อคืนนี้ นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสภายุโรป ได้กล่าวว่า "รัฐบาลกรีซจะมีเวลาถึงวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ค.นี้เป็นอย่างช้าที่สุด ในการเสนอรายละเอียดข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปที่ครอบคลุมและเฉพาะเจาะจง"

     ทั้งนี้ ประธานสภายุโรปประกาศว่ากลุ่มผู้นำของ EU ทั้ง 28 ประเทศ จะประชุมกันอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.นี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 103.47 จุด เหตุตลาดวิตกปัญหาหนี้กรีซ

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์วิกฤตหนี้สินของกรีซ และการประชุมของผู้นำประเทศยุโรปอย่างใกล้ชิด

    ดัชนี FTSE 100 ลดลง 103.47 จุด หรือ 1.58% ปิดที่ 6,432.21 จุด

    ตลาดหุ้นลอนดอนยังคงได้รับแรงกดดันจากผลกระทบของวิกฤตหนี้กรีซ โดยการประชุมรมว.คลังยูโรโซนได้เสร็จสิ้นลงในช่วงเช้าวานนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยที่ประชุมยังไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

    ส่วนการประชุมผู้นำสหภาพยุโรปเมื่อวานนั้น นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสภายุโรป กล่าวว่า กรีซมีเวลา 5 วันสำหรับการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อเลี่ยงภาวะล้มละลาย โดยการเจรจาหนี้กรีซจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ และข้อเสนอของกรีซ ซึ่งรวมถึงรายละเอีดแผนการปฏิรูป ควรมีการเสนอภายในวันพฤหัสบดีนี้ เป็นอย่างช้าที่สุด

    หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถูกเทขายอย่างหนักจากการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นจีน โดยหุ้นเกลนคอร์ร่วงลง 6.9% หุ้นริโอทินโตลดลง 3.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลดลง 2.8%

    หุ้นโรลล์ส-รอยซ์ ร่วงลง 5.4% หลังจากบริษัทเจพีมอร์แกนเชส แอนด์ โค ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโรลส์-รอยซ์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง หวั่นวิกฤตหนี้บีบกรีซพ้นยูโรโซน

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ปัญหาหนี้สินของกรีซอาจจะส่งผลให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่าการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้เสร็จสิ้นลงโดยที่ยังไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 372.74 จุด

   ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,604.64 จุด ร่วงลง 106.90 จุด หรือ -2.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,676.78 จุด ดิ่งลง 213.85 จุด หรือ -1.96% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,432.21 จุด ลดลง 103.47 จุด หรือ -1.58%

   ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นยุโรป รวมถึงการที่ชาวกรีซได้ลงประชามติโหวต 'No' เพื่อปฏิเสธเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

    ทั้งนี้ กรีซผิดนัดชำระหนี้จำนวน 1.6 พันล้านยูโรแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และกรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระหนี้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อีก 3.5 พันล้านยูโร หรือ 3.9 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ซึ่งหากกรีซผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้ ก็อาจทำให้ ECB ยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ Emergency Liquidity Assistance (ELA) แก่ภาคธนาคารของกรีซ

    ส่วนการประชุมรมว.คลังยูโรโซนได้เสร็จสิ้นลงในช่วงเช้าวานนี้ที่กรุงบรัสเซลส์โดยที่ยังไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ ขณะที่นายอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ รมว.คลังฟินแลนด์กล่าวว่า เขาหวังว่ากรีซจะยื่นขอความช่วยเหลือครั้งใหม่ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และหลังจากนั้น กรีซจะส่งรายละเอียดของมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น

   หุ้นเทคนิป ร่วงลง 8.3% หลังจากบริษัทยอมรับว่าอาจจะต้องใช้จ่ายเงินสูงถึง 650 ล้านยูโรในการปรับโครงสร้างองค์กร

    หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลงเช่นกัน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 93.33 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูการเจรจาปัญหาหนี้กรีซของบรรดาผู้นำยุโรป

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,776.91 จุด เพิ่มขึ้น 93.33 จุด หรือ +0.53% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,997.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.52 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,081.34 จุด เพิ่มขึ้น 12.58 จุด หรือ +0.61%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 5.4 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2000 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ

     ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 2.9% สู่ระดับ 4.187 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดดุลการค้าจะอยู่ที่ 4.25 หมื่นล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซได้สกัดแรงบวกของตลาดและส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด

    สำหรับ การประชุมรมว.คลังยูโรโซนนั้น ได้เสร็จสิ้นลงในช่วงเช้าวานนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยนายอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ รมว.คลังฟินแลนด์กล่าวว่า เขาหวังว่ากรีซจะยื่นขอความช่วยเหลือครั้งใหม่ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และหลังจากนั้น กรีซจะส่งรายละเอียดของมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น

    ดัชนี หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น 2.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.ปีนี้ โดยหุ้นเอนเนอร์จี คอร์ป ปรับขึ้น 3.3% และหุ้นพีพีแอล คอร์ป ทะยานขึ้น 3%

    หุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอัลเทรีย กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นคอสท์โค โฮลเซล ดีดตัวขึ้น 3.4% หุ้นเฮอร์ชี ปรับขึ้น 2.7% และหุ้นเจนเนอรัล มิลส์ พุ่งขึ้น 2.3%

   อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลงอย่างน้อย 1% และหุ้นโคเมริกา ร่วงลง 3.4%

    ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ร่วงลง 3.3% และหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง คอร์ป ดิ่งลง 6.1% หลังจากราคาทองแดงและทองคำปรับตัวลดลง

    นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงิน ประจำวันที่ 16-17 มิ.ย. ส่วนวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และวันศุกร์จะเปิดเผยสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนพ.ค.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ก.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,776.91 จุด                         เพิ่มขึ้น 93.33 จุด     +0.53%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,997.46 จุด                      เพิ่มขึ้น 5.52 จุด      +0.11%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,081.34 จุด                       เพิ่มขึ้น 12.58 จุด     +0.61%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,432.21 จุด                    ลดลง 103.47 จุด     -1.58%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,676.78 จุด                           ลดลง 213.85 จุด     -1.96%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,604.64 จุด                         ลดลง 106.90 จุด     -2.27%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,250.16 จุด                           ลดลง 5.80 จุด       -0.06%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,376.59 จุด                     เพิ่มขึ้น 264.47 จุด    +1.31%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,040.29 จุด                         ลดลง 13.64 จุด      -0.66%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,564.00 จุด      เพิ่มขึ้น 100.70 จุด    +1.84%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,581.40 จุด            เพิ่มขึ้น 106.40 จุด    +1.94%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,727.13 จุด                     ลดลง 48.78 จุด      -1.29%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,442.65 จุด             ลดลง 12.50 จุด      -0.17%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,975.31 จุด                              ลดลง 260.97 จุด     -1.03%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,906.05 จุด      ลดลง 10.69 จุด      -0.22%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,712.30 จุด                      ลดลง 4.75 จุด       -0.28%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,340.93 จุด                      เพิ่มขึ้น 7.99 จุด      +0.24%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 28,171.69 จุด                        ลดลง 37.07 จุด      -0.13%

       ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูการเจรจาปัญหาหนี้กรีซของบรรดาผู้นำยุโรป

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,776.91 จุด เพิ่มขึ้น 93.33 จุด หรือ +0.53% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,997.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.52 จุด หรือ +0.11% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,081.34 จุด เพิ่มขึ้น 12.58 จุด หรือ +0.61%

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ปัญหาหนี้สินของกรีซอาจจะส่งผลให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่าการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนได้เสร็จสิ้นลงโดยที่ยังไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 372.74 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,604.64 จุด ร่วงลง 106.90 จุด หรือ -2.27% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,676.78 จุด ดิ่งลง 213.85 จุด หรือ -1.96% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,432.21 จุด ลดลง 103.47 จุด หรือ -1.58%

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์วิกฤตหนี้สินของกรีซ และการประชุมของผู้นำประเทศยุโรปอย่างใกล้ชิด

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 103.47 จุด หรือ 1.58% ปิดที่ 6,432.21 จุด

      สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ และจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 52.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 56.85 ดอลลาร์/บาร์เรล

       สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกลุเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 20.6 ดอลลาร์ หรือ 1.76% ปิดที่ระดับ 1,152.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 78.4 เซนต์ ปิดที่ 14.969 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 24.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,041.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 23.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 652.40 ดอลลาร์/ออนซ์

      สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ปัญหาหนี้สินของกรีซและการเจาจาที่ยังไม่มีความคืบหน้ากับกลุ่มเจ้าหนี้นั้น อาจจะกดดันให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

          ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.0977 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.1051 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5446 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5603 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ  0.7442 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7499 ดอลลาร์สหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 122.46 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 122.45 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9467 ฟรังค์ จากระดับ 0.9427 ฟรังค์

    ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 830.00 จุด เพิ่มขึ้น 15.00 จุด, +1.84%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!