WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET14โบรกฯ คาดสัปดาห์หน้า SET ผันผวน รอดูผลประชามติกรีซ -แต่ยังถูกแรงขายกลุ่มแบงก์กดดัน แนะเก็งกำไรกลุ่ม โรงแรม-ขนส่ง-อิเล็กฯ

    โบรกฯคาด ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งตัวแดนลบ รอผลสรุปหนี้กรีซ แต่เชื่อยังมีแรงขายจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ต่อเนื่อง แนะ ชะลอลงทุนหรือให้ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม โรงแรม,ขนส่ง,อิเล็กทรอนิกส์  หรือหากลงทุนระยะกลาง-ยาวให้รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อดัชนีอยู่ที่ 1460-1480จุด เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง ,ท่องเที่ยว  ประเมินแนวรับ 1470จุด แนวต้าน 1,510-1,520จุด พร้อมประเมินดัชนีครึ่งปีหลังไว้ที่ 1,600 จุด ให้AAV - SCC - BBL - CK - INTUCH-STEC-SEAFCO เป็นหุ้นเด่น 

   นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวบวกสลับลบ ได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อกลับทางเทคนิคของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลง 2 วันติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามจากปัญหาสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของกลุ่มธนาคารพาณิชย์นั้นส่งผลต่อกำไรให้ปรับตัวลดลง ซึ่งทาง บล.ฟิลลิป อยู่ระหว่างพิจรณาหั่นเป้าผลประกอบการไตรมาส2/58อยู่ 

   ขณะเดียวกันภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศยังไม่มีสัญญานฟื้นตัวที่ชัดเจน จากตัวเลขส่งออก เดือน พ.ค.58 ติดลบ5% อีกทั้งการบริโภคภายในประเทศยังต่ำอยู่ ผลผลิตของเกษตรกรราคาตกต่ำ  จึงทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ-เอกชน  หากเกิดขึ้นเร็วจะส่งผลดีต่อGDPในประเทศอย่างชัดเจน

   "ประเทศขาดแรงขับเคลื่อน ต้องรอลุ้นโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ-เอกชน หากเกิดขึ้นจริงจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศดีดตัวขึ้นได้" นางสาวธีรดา กล่าว

   ส่วนปัญหาหนี้กรีซที่จะมีการทำประชามติในวันที่5 ก.ค.นี้ มีหลายฝ่ายออกมาประเมินสถานการณ์ว่ามีโอกาส บรรลุข้อตกลง50% ซึ่งผลสรุปอาจจะออกมาเป็นเชิงบวกในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

   จากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยภายในเดือน ก.ย.58นี้ ซึ่งจะส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลไปลงทุนที่ตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้น

   ด้านราคาน้ำมันดิบ จากไตรมาส1/58 ที่ปรับตัวลงอย่างชัดเจน จึงทำให้ไตรมาส2/58เริ่มกลับมาฟื้นตัวแต่โดยภาพรวมยังเป็นเชิงลบ เนื่องจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบในประเทศสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับ ประเทศอิหร่านมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งจะสามารถส่งออกน้ำมันดิบได้ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะได้ข้อสรุปการเจรจาในวันที่ 7 ก.ค.58 นี้โดยเลื่อนไปจากเดิมในวันนี้30 มิ.ย.58ที่ผ่านมา จากกรณีดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงได้อีกครั้ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

   สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดว่าดัชนีปรับตัวลง ประเมินแนวรับ 1,470จุด แนวต้าน 1,510-1,520จุด ปัจจัยจาก ปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์อาจมีแรงขายต่อเนื่อง

   ส่วนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยในไตรมาส2/2558 มีแนวโน้มต่ำกว่าไตรมาส1/2558 เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังคอยกดดัน แต่อย่างไรก็ตามมีบางกลุ่มที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันกิบที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน

   ทั้งนี้ บล.ฟิลลิป ประเมินดัชนีครึ่งปีหลังไว้ที่ 1,600 จุด โดยพิจารณาจากหุ้นพื้นฐาน กว่า 100บริษัทซึ่งเฉลี่ยจากทุกกลุ่ม ที่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ และคาดว่าโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ-เอกชนจะช่วยหนุน

   กลุยทธ์การลงทุน หากดัชนีต่ำกว่า 1,500จุด ให้ชะลอลงทุนหรือให้ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม โรงแรม,ขนส่ง,อิเล็กทรอนิกส์ หรือหากลงทุนระยะกลาง-ยาวให้รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อดัชนีอยู่ที่ 1460-1480จุด เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง ,ท่องเที่ยว หุ้นเด่น AAVราคาเป้าหมาย 6.30 บาท ,SVI ราคาเป้าหมาย 5.50บาท, SCC ราคาเป้าหมาย 550บาท ,BBL ราคาเป้าหมาย 233บาท ,CK ราคาเป้าหมาย 31บาท 

   ส่วนนายอดิศักดิ์  ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยผันผวนในกรอบแคบ โดยช่วงเช้าแกว่งตัวอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะพลิกกลับมาเคลื่อนไหวแดนบวกในกรอบแคบ ๆ ได้ในช่วงบ่าย เนื่องจากมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ปรับลงแรงเมื่อวาน เป็นการฟื้นตัวทางเทคนิค (Technical rebound) แต่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจนผลสรุปปัญหาหนี้กรีซ ซึ่งในวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ค. นี้ ผลการประชามติว่าประชาชนชาวกรีซจะยอมรับเงื่อนไขมาตราการรับเข็มขัดจากกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อแลกรับความช่วยเหลือทางการเงินหรือไม่ ซึ่งกรีซเองก็ไม่ต้องการออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป

   ขณะที่ปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจไทยยังไม่ดี ส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค (Consumption) ตลอดจนภัยแล้งที่อาจจะส่งผลทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง จนนักวิเคราะห์ออกมาปรับลดความน่าสนใจการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค

   สำหรับสัปดาห์หน้า คาดหุ้นไทยแกว่งผันผวน โดยประเด็นปัญหาหนี้กรีซยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ว่าผลการประชามตินั้น ชาวกรีซจะยอมรับข้อเสนอจากลุ่มเจ้าหนี้เพื่อแลกรับความช่วยเหลือทางการเงินหรือไม่ หากผลออกมาในทางทีดี คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเดินหน้ารีบาวน์ต่อ แต่หากไม่ดีก็จะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลก

   ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นที่มีปันผลดี อย่าง INTUCH หุ้นในกลุ่มรับเหมา อาทิ CK-STEC-SEAFCO หรือจะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารรีบาวน์ พร้อมประเมินแนวรับ 1,488-1,476 จุด แนวต้าน 1,505 จุด

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!