WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET38ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวนทิศทางลงจับตาสถานการณ์กรีซ-กลุ่มแบงก์ยังถ่วง

     นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในทิศทางขาลง แต่การเคลื่อนไหวคงไม่รุนแรงเท่าเมื่อวานนี้ โดยตลาดยังรอดูสถานการณ์ในกรีซที่จะมีการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้เพื่อชี้ขาดว่าจะรับหรือไม่รับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ ขณะที่คาดแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ยังกดตลาดต่อเนื่องหลังโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ปรับลดประมาณการกำไร-ลดมูลค่าเหมาะสมราคาหุ้นลงด้วย โดยมองแนวรับวันนี้บริเวณ 1,480 และแนวต้าน 1,500 จุด

      นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยจะมีความผันผวนต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ และยังอยู่ในทิศทางที่ปรับลดลง แต่การเคลื่อนไหวของดัชนีจะไม่แรงเท่ากับเมื่อวานนี้ เชื่อว่าจะยังคงมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อเนื่อง จากแนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ที่จะลดลงและอาจมีการตั้งสำรองหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โบรกเกอร์หลายแห่งปรับลดประมาณการกำไรของแบงก์ในปีนี้ ซึ่งส่งผลต่อราคาที่เหมาะสมของหุ้นแบงก์ด้วย

     นอกจากนี้ ตลาดยังรอดูสถานการณ์ในกรีซ หลังจะมีการทำประชามติในวันที่ 5 ก.ค.นี้ แต่เห็นว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เชื่อว่าจะยังไม่เห็นทางออกการแก้ปัญหาหนี้กรีซได้อย่างราบรื่น

                อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีปรับตัวลดลงมามากแล้ว ทำให้ downside ค่อนข้างจำกัด โดยมองแนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,500 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

      -ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(2 ก.ค.58) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,730.11 จุด ลดลง 27.80 จุด(-0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,009.21 จุด ลดลง 3.91 จุด(-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,076.78 จุด ลดลง 0.64 จุด(-0.03%)

    - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 45.81 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 119.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.19 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.35 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(2 ก.ค.58) 1,491.62 จุด ลดลง 12.93 จุด(-0.86%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,359.10  ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(2 ก.ค.58) ปิดที่ 56.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(2 ก.ค.58)ที่ 5.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 33.77 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวรอปัจจัยใหม่ จับตาประชามติกรีซอาทิตย์นี้

     - "คลัง" คาดกระบวนการอนุมัติไทยร่วมลงนาม เป็นสมาชิกจัดตั้ง"เอไอไอบี" เสร็จภายใน 2 เดือน เผยเงินทุนร่วมจัดตั้ง 4.86 หมื่นล้าน หรือ 1.43% หวังเป็นแหล่งเงินกู้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในอนาคต

    - ธปท.เผยการปล่อยสินเชื่อใหม่มีขนาดลดลงกว่าภาวะปกติและต่ำกว่าในอดีต เหตุภาคธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วนหันออกหุ้นกู้ พบสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ตึงขึ้น แต่คาดไม่กระทบระดมเงินฝาก จากภาวะสินเชื่อที่ยังต่ำ ขณะที่คนรวยหันไปซื้อคอนโดราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มขึ้น

      -"ม.หอการค้าไทย" เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทุกรายการปรับลดลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส หลังผู้บริโภคผวาภัยแล้ง ชี้เป็นสัญญาณเสี่ยงและเป็นจุดอันตรายของเศรษฐกิจไทย แนะรัฐออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งเบิกจ่าย คาดชะลอปลูกข้าว 3.4 ล้านไร่ ทำเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเข้าระบบช้าลง ฉุดจีดีพีร่วง 0.1% ด้านแบงก์ไทยพาณิชย์หวั่นภัยแล้ง เบิกจ่ายงบฯรัฐล่าช้า ฉุดจีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า 3%

     -ท่องเที่ยวเตรียมความพร้อมมือทัวร์จีน คาดปีนี้เข้าเที่ยวเมืองไทยกว่า 7.5 ล้านคน เร่งปรับมาตรฐาน-การบริการสร้างภาพลักษณ์ พุ่งเป้ายกระดับไกด์ไทยให้เป็นผู้นำทัวร์คุณภาพ

    -นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้อยู่ที่ 2 ล้านคัน แบ่งเป็นส่งออก 1.2 ล้านคัน และขายในประเทศ 800,000 คัน จากปีที่ผ่านมาขายในประเทศ 880,000 คัน อยู่ในระดับที่รับได้ เพราะการส่งออกที่ยังสามารถเติบโตช่วยทำให้การผลิตรถยนต์มากขึ้น

     -นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานMFC Finance Forum ครั้งที่ 19 ในหัวข้อ Investment Strategy in the New Normal and New Common ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มขยายตัวช้าลง โดยคาดว่าในปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในรูปของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโตไม่ถึงร้อยละ 4 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีลักษณะการเปลี่ยนไป(New Normal) เห็นได้จากการที่ทั่วโลกมีจีดีพีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและอัตราการขยายตัวทางการค้าโลกที่เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งน่าจะอยู่ในลักษณะนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง ส่งผลให้การส่งออกของไทยที่จะถูกกระทบไปด้วย จึงต้องหันมาพึ่งพิงการส่งออกในแถบประเทศเพื่อนบ้านแทน

*หุ้นเด่นวันนี้

     -S-W1 เริ่มซื้อขายวันนี้ จำนวน 1,632,953,488 หน่วย มีอัตราการใช้สิทธิ 1:1 ที่ราคาใช้สิทธิ 15 บาท/หุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 4 ปี 27 วัน

    -SPCG (บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท มองการเติบโตรอบใหม่เริ่มส่องแสงขึ้นอีกครั้ง ใกล้ได้ข้อสรุปการร่วมลงทุนในโซล่าร์ฟาร์มญี่ปุ่น 130 MW แล้วใน 2H58 นี้ ขณะที่ธุรกิจโซล่าร์บนหลังคาครัวเรือน SPCG ได้ค้นพบวิธีการทำตลาดที่มีประสิทธิภาพแล้ว อีกทั้งยังริเริ่มเครื่องมือทางการเงินแบบที่ 2 ที่จะเข้ามาเป็นช่วยกระตุ้นอุปสงค์ได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย ทิศทางระยะยาวยังคงสดใสสำหรับ SPCG  ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2/58

     คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 579 ล้านบาท ขยายตัว 4% QoQ สนับสนุนจากงานขายโซล่าบนหลังคาที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะที่ฐานกำลังการผลิตโซล่าฟาร์มที่มีเต็มจำนวน 260 MW ต้นทุนบริหารที่ลดลงหลังผ่านพ้นช่วงก่อสร้าง ทำให้กำไรสุทธิขยายตัวดี 50% YoY

     -THCOM (บล.เคเคเทรด)แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 51 บาท เป็นเพราะ 1)เป็นหุ้นที่คาดจะมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษ) ในปี 58-59 เติบโตโดดเด่น ด้วยอัตราเฉลี่ย 28% และ 2) มี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ จากดาวเทียมไทยคม 8 ที่อยู่ระหว่างจัดสร้าง และเตรียมส่งสู่วงโคจรในช่วงกลางปี 59 ซึ่งเบื้องต้นคาดจะทำให้มูลค่าเหมาะสมเพิ่มขึ้นได้ราว 3.5 บาท ส่วนประเด็นเรื่องที่ บมจ. ทีโอที (TOT) มีแนวคิดจะยุติการใช้งานไอพีสตาร์ คาดว่าจะต้องเจรจากับ THCOM ก่อน เพราะเป็นการยกเลิกการใช้งานก่อนครบกำหนดสัญญา ซึ่งต้องแจ้งล่วงหน้า 1ปี อีกทั้งบริษัทก็มีลูกค้ารอใช้งานดาวเทียมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากคิดในกรณีแย่สุด หาก TOT ยกเลิกสัญญา โดยไม่มีลูกค้ารายใหม่มาแทน คาดจะกระทบต่อมูลค่าเหมาะสมให้ลดลงราว 3 บาท เหลือ 48 บาท ซึ่งยังมี upside อยู่มากจากราคาปัจจุบัน

      -TUF(บล.ทิสโก้) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 23 บาท โดยมองว่าตลาดประเมินอัตราส่วนและราคาเสนอขายสำหรับหุ้นใหม่ของ TUF โดยการเพิ่มทุน RO ครั้งล่าสุดหลังเข้าซื้อ MWB ทาง TUF ประกาศเพิ่มทุน RO ที่ 5 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่ ที่ส่วนลดจากราคาเฉลี่ยราว 25% อิงจากข้อมูลการทำ RO แล้ว และสมมติฐานราคาตลาดเฉลี่ย (7-15 วันก่อนช่วงจองซื้อหุ้น ซึ่งน่าจะเกิดภายในเดือนนี้) เราเชื่อว่ามูลค่าตลาดใหม่ของ TUF จะคิดเป็นราคาตลาดราว 20.5-20.7 บาทต่อหุ้น ดังนั้นเราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นการปรับตัวลงที่มากเกินไป

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ ขณะจับตากรีซลงประชามติวันอาทิตย์นี้

     ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้

    ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% สู่ระดับ 147.08 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.20 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,476.69 จุด ลดลง 45.81 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,349.84 จุด เพิ่มขึ้น 67.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,369.50 จุด ลดลง 9.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,107.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,331.03 จุด เพิ่มขึ้น 3.19 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,737.23 จุด เพิ่มขึ้น 3.35 จุด

     นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้ โดยรัฐบาลกรีซต้องการให้ประชาชนชี้ขาดว่าจะรับหรือไม่รับเงื่อนไขในมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้

     อย่างไรก็ตาม นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ได้กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ของกรีซ ชักชวนให้ชาวกรีซโหวต "No" ในการทำประชามติเพื่อแสดงท่าทีคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด แต่ถ้าหากชาวกรีซเลือกที่จะโหวต "Yes" ในการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว เขาก็จะเคารพผลการลงประชามตินั้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า นายซิปราสอาจจะลาออกจากตำแหน่ง และปูทางสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากรัฐบาลของเขาไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ ขณะนักลงทุนจับตาการลงประชามติกรีซ

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้ โดยรัฐบาลกรีซต้องการให้ประชาชนเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะรับเงื่อนไขในมาตรการรัดเข็มขัดจากเจ้าหนี้หรือไม่

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 385.46 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,835.56 จุด ลดลง 47.63 จุด หรือ -0.98% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,099.35 จุด ลดลง 81.15 จุด หรือ -0.73% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,630.47 จุด เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.33%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของกรีซ หลังจากที่การประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรป หรือยูโรกรุ๊ป ได้เสร็จสิ้นลงโดยไม่มีการทำข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับหนี้สินของกรีซ ขณะที่กลุ่มเจ้าหนี้ยูโรโซนยืนยันว่า จะยังไม่มีการเจรจาใดๆในช่วงนี้ จนกว่าการทำประชามติของกรีซเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับเงื่อนไขในมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้จะเสร็จสิ้นลงในวันอาทิตย์นี้

    นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติดังกล่าว ขณะที่นายโปรโคปิส ปาฟโลปูลอส ประธานาธิบดีกรีซ แสดงจุดยืนในรัฐสภาในการสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้เพื่อแลกกับการได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน โดยกล่าวว่า ทางเลือกเดียวของกรีซคือการอยู่ในยุโรป และอยู่ในยูโรโซน

     ทางด้านนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ได้กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ของกรีซ ชักชวนให้ชาวกรีซโหวต "No" ในการทำประชามติเพื่อแสดงท่าทีคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด แต่ถ้าหากชาวกรีซเลือกที่จะโหวต "Yes" ในการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว เขาก็จะเคารพผลการลงประชามตินั้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า นายซิปราสอาจจะลาออกจากตำแหน่ง และปูทางสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากรัฐบาลของเขาไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 254,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่ง

     หุ้นอิเล็คโทรลักซ์ร่วงลง 11% หลังจากมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐขัดขวางอิเล็คโทรลักซ์ไม่ให้เทคโอเวอร์ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก

     ส่วนหุ้น K+S ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายแร่โปรแตชของเยอรมนี ดิ่งลง 12% หลังจาก K+S ปฏิเสธข้อเสนอเทคโอเวอร์จากบริษัทโปรแตช คอร์ป

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 27.80 จุด เหตุข้อมูลแรงงานสหรัฐอ่อนแอ

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,730.11 จุด ลดลง 27.80 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,009.21 จุด ลดลง 3.91 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,076.78 จุด ลดลง 0.64 จุด หรือ -0.03%

     ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. จากระดับ 254,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่ง

    ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนเม.ย. โดยปรับลดลงสู่ระดับ 187,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 221,000 ตำแหน่ง

    นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 270,000 ราย

     นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้ โดยรัฐบาลกรีซต้องการให้ประชาชนชี้ขาดว่าจะรับหรือไม่รับเงื่อนไขในมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้

    อย่างไรก็ตาม นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ได้กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ของกรีซ ชักชวนให้ชาวกรีซโหวต "No" ในการทำประชามติเพื่อแสดงท่าทีคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด แต่ถ้าหากชาวกรีซเลือกที่จะโหวต "Yes" ในการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว เขาก็จะเคารพผลการลงประชามตินั้น ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า นายซิปราสอาจจะลาออกจากตำแหน่ง และปูทางสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ เนื่องจากรัฐบาลของเขาไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว

   หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาได้สกัดกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นเรเจียนส์ ไฟแนนเชียล คอร์ป และหุ้นคีย์คอร์ป ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 1.3% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 1.1% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ขยับลง 0.8%

   ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 5.1% ขณะที่หุ้น Chesapeake Energy และหุ้น Tesoro Corp. ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 2%

   * ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐ *

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ก.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,730.11 จุด                        ลดลง 27.80 จุด     -0.16%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,009.21 จุด                     ลดลง 3.91 จุด      -0.08%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,076.78 จุด                      ลดลง 0.64 จุด      -0.03%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,630.47 จุด                   เพิ่มขึ้น 21.88 จุด    +0.33%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,099.35 จุด                         ลดลง 81.15 จุด     -0.73%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,835.56 จุด                       ลดลง 47.63 จุด     -0.98%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,379.24 จุด                         เพิ่มขึ้น 4.01 จุด     +0.04%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 20,522.50 จุด                  เพิ่มขึ้น 193.18 จุด   +0.95%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,107.33 จุด                       เพิ่มขึ้น 9.44 จุด     +0.45%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,587.90 จุด     เพิ่มขึ้น 81.90 จุด    +1.49%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,599.80 จุด           เพิ่มขึ้น 84.10 จุด    +1.52%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,912.77 จุด                    ลดลง 140.93 จุด    -3.48%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,578.31 จุด           เพิ่มขึ้น 3.16 จุด     +0.04%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,282.32 จุด                             เพิ่มขึ้น 32.29 จุด    +0.12%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,944.78 จุด    เพิ่มขึ้น 40.72 จุด    +0.83%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,327.84 จุด                     ลดลง 3.30 จุด      -0.10%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,733.88 จุด                     เพิ่มขึ้น 5.92 จุด     +0.34%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,945.80 จุด                       ลดลง 75.07 จุด     -0.27%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,730.11 จุด ลดลง 27.80 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,009.21 จุด ลดลง 3.91 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,076.78 จุด ลดลง 0.64 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้ โดยรัฐบาลกรีซต้องการให้ประชาชนเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะรับเงื่อนไขในมาตรการรัดเข็มขัดจากเจ้าหนี้หรือไม่

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 385.46 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,835.56 จุด ลดลง 47.63 จุด หรือ -0.98% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,099.35 จุด ลดลง 81.15 จุด หรือ -0.73% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,630.47 จุด เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ +0.33%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นบีพี หลังจากบริษัทยอมความกับทางการสหรัฐในกรณีน้ำมันรั่วไหลเมื่อปี 2553 ขณะที่ตลาดจับตาการทำประชามติของกรีซเกี่ยวกับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ในวันอาทิตย์นี้

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 21.88 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 6,630.47 จุด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้น หลังจากอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.50% ปิดที่ระดับ 1,163.50 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1.5 เซนต์ ปิดที่ 15.562 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 3.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,084.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 7.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 694.15 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูผลการลงประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเกินคาดของสหรั

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 3 เซนต์ ปิดที่ 56.93 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ปิดที่ 62.07 ดอลลาร์/บาร์เรล

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1083 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1048 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5598 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5602 ดอลลาร์สหรัฐ

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.11 เยน จาก 123.18 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9436 ฟรังก์ จาก 0.9386 ฟรังก์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7622 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7645 ดอลลาร์         

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 794.00 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!