- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 26 June 2015 18:23
- Hits: 4024
โบรกฯ คาดสัปดาห์หน้า SET ขยับบวก เชื่อกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้บรรลุข้อตกลงในวันเสาร์นี้ พร้อมแรงเก็งงบ Q2/58 หนุน แนะซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ
โบรกฯ คาดสัปดาห์หน้าหุ้นไทยแกว่งตัวแดนบวก เชื่อกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้บรรลุข้อตกลงในวันเสาร์นี้ ทั้งแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ ช่วยหนุน พร้อมเก็งงบ Q2/58 ฟื้นโดดเด่น แนะซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ หรือรอลงทุนจนกว่าจะทราบผลการหรือของกรีซ ประเมินแนวรับ 1,510 จุด แนวต้าน 1,530-1,536 จุด
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนรอดูผลการเจรจาหาทางออกปัญหาหนี้กรีซ ซึ่งวันพรุ่งนี้จะรู้ผลชัดเจน โดยส่วนใหญ่มองว่า กรีซและบรรดาเจ้าหนี้จะหาทางออกร่วมกันได้ จากก่อนหน้านี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น เพียงแต่ต้องติดตามรายละเอียดแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจกรีซว่าจะเป็นอย่างไร
แต่อย่างไรก็ตามต้องระวังแรงกดดันผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2558 ในหลายกลุ่มที่คาดว่าจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่เผชิญแรงกดดันจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ขยายตัว
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามปัญหาภัยแล้ง ที่จะส่งผลต่อน้ำที่จะนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งหากขาดแคลนน้ำที่จะนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม อาจจะส่งผลให้ผลประกอบการแย่ลง ซึ่งหุ้นส่วนหนึ่งในตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต
สำหรับสัปดาห์หน้า คาดหุ้นไทยปรับตัวบวกต่อ ด้วยบรรยากาศที่ดีจากการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ คาดว่ากรีซและกลุ่มเจ้าหนี้จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ และแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2558 จะฟื้นตัวโดดเด่น และแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่จากการทำ Windows dressing ที่พอจะช่วยประคองดัชนีฯ ได้บ้าง
ด้านกลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ พร้อมกับประเมินแนวรับ 1510 จุด แนวต้าน 1,530-1,536 จุด
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบอีกทั้งปริมาณการซื้อขายยังเบาบาง เนื่องจากปัญหากรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุปคอยกดดัน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่30 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันชำระหนี้ มูลค่าทั้งสิ้น 1,600ล้านยูโร
"นักลงทุนไม่กล้าซื้อเพราะหากซื้อแล้วกรีซออกมาเป็นเชิงลบจะส่งผลกระทบเต็มๆ รอดูไปจนกว่าจะถึงวันกำหนดชำระหนี้ดีกว่า "นายอดิศักดิ์ กล่าว
แต่อย่างไรก็ตามตลาดฯ ได้ปัจจัยหนุนตลาดจากหุ้นขนาดใหญ่บางตัวสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window dressing)ของนักลงทุนสถาบัน
สำหรับ ตลาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า คาดว่า ดัชนีแกว่งตัวเชิงบวกในกรอบ 1,520-1,525 จุด ได้แรงหนุนจากการทำWindow dressing ทั้งนี้ปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับผลประชุมกรีซว่าผลสรุปจะออกมาในทิศทางใด อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณซื้อสุทธิในเร็วๆนี้เนื่องจากรอความการเมืองให้ประเทศมีทิศทางที่ชัดเจนโดยเฉพาะการเลือกตั้งใหม่
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส2/2558 คาดว่า ดีขึ้นเป็นบางกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส1/58 ประกอบกับราคาปิโตเลียมดีขึ้นและราคากลั่นปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยังคงทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส1/58 เนื่องจาก สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และหุ้นกลุ่มสื่อสารยังไม่โดดเด่นมากนักเนื่องจากนักลงทุนที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนเพื่อรับปันผลช่วงกลางปี อีกทั้งเป็นการเก็งกำไรเนื่องจากช่วงปลายปีจะมีการประมูลเครือข่าย 4G
ส่วนการประมูลงานของภาครัฐ-เอกชน คาดว่า จะได้เห็นโครงการขนาดใหญ่ชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุน แนะรอผลสรุปจากกรีซแล้วจึงลงทุน เน้นหุ้นกลุ่มรับเหมา อย่าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)หรือ CK ราคาเป้าหมาย 35 บาท , บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน)หรือSTEC ราคาเป้าหมาย29บาท หรือลงทุนในหุ้นที่ให้อัตราปันผลสูง อย่าง บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือINTUCH ราคาเป้าหมาย 95 บาท
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย