WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวน์ รับเฟดตรึงดบ., ปัดข่าวลือเก็บภาษี Capital Gain

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกันตามดาวโจนส์ ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ และไม่มีความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อเท่าไร เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2%

     นอกจากนี้ ตลาดบ้านเรายังมีเรื่องที่ทางการออกมาปฏิเสธกระแสข่าวลือที่ออกมาเมื่อวานนี้ว่าจะมีการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในหุ้น(Capital Gain) ซึ่งข่าวดังกล่าวนี้ทำให้ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก อีกทั้ง ตลาดฯยังน่าจะได้รับแรงหนุนจากที่บอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 18 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1 แสนล้านบาท

    วันนี้ แนวรับ 1,445-1,450 จุด ส่วนแนวต้าน 1,465-1,470 จุด พร้อมเตือนนักลงทุนให้รับฟังข้อมูลอย่างระมัดระวัง เนื่องจากช่วงนี้มีข่าวลือออกมามากจากผู้ไม่หวังดีต่อประเทศ

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

   - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(18 มิ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,906.62 จุด เพิ่มขึ้น 98.13 จุด(+0.58%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,956.98 จุด เพิ่มขึ้น 14.99 จุด(+0.77%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,362.84 จุด เพิ่มขึ้น 25.61 จุด(+0.59%)

            - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 24.55 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 83.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.98 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.90 จุด

   - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 มิ.ย.) ที่ 1,451.36 จุด ลดลง 19.66 จุด(-1.34%)

   - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,762.41 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.57

   - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 มิ.ย.)ที่ 105.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 39 เซนต์

   - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 มิ.ย.)ที่ 4.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

   - เงินบาทเปิด 32.42/44 หลังมติ FOMC เป็นไปตามตลาดคาด

   - บอร์ดบีโอไอนัดแรกไฟเขียว 18 โครงการ เงินลงทุนกว่า 1.2 แสนล้าน โตโยต้าลุยผลิตปิกอัพอีกกว่า 5 แสนคัน เครือซีพีทุ่ม 9 พันล้านผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ขณะกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่ลงทุนผลิตป้อนค่ายใหญ่ ด้าน "อุดม" หวังสร้างความเชื่อมั่น คาดจ้างงานใหม่กว่าแสนตำแหน่งในปีหน้า ขณะส.อ.ท. ชี้ช่วยฟื้นบรรยากาศการลงทุน เชื่อมั่นนโยบายเศรษฐกิจมากขึ้น

   - กนง. ปรับคาดการณ์  "จีดีพี" ปีนี้เหลือ 1.5% จาก 2.7% ชี้ดีขึ้นจากที่เคยมองต่ำกว่า 1% เหตุการเมืองชัด นโยบายการคลังกลับสู่ปกติ ดันใช้จ่ายภาครัฐ-เอกชนดีขึ้น มองปีหน้าโต 5% พร้อมมีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยที่ 2% หลังประเมินนโยบายการเงินผ่อนคลายพอแล้ว แนะจับตาเงินเฟ้อระยะต่อไป หวั่นการส่งออก ไม่ช่วยหนุนเศรษฐกิจ ขณะนักวิเคราะห์ชี้ส่งออกฟื้นตัวต่ำกว่าคาด

   - กลุ่มอุตฯ ยานยนต์ เผยยอดขายในประเทศ 5 เดือนแรกร่วง 42% รถยนต์นั่งวูบสุด 50% มั่นใจครึ่งปีหลังฟื้น เหตุการเมืองนิ่ง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ คสช. ดันยอดซื้อในประเทศเพิ่ม ด้านส่งออกโต  9% ขณะที่ ค่ายรถวางแผนระยะสั้น รุกจัดแคมเปญส่งเสริม หวังลีสซิ่งผ่อนคลายเกณฑ์ปล่อยกู้

    - กรมสรรพากร เผยไม่มีแผนต่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้ลงทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ ที่จะหมดอายุในปี 2559 เพื่อปรับลดค่าลดหย่อนภาษีให้เหมาะสมและให้ผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์มากที่สุด

   - นายแบงก์มองไทยใกล้สิ้นสุดยุคดอกเบี้ยต่ำ เตือนรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น คาดเริ่มปลายปีนี้ แต่ต้องระวังหนี้ครัวเรือนต้องสอดรับกับรายได้ แนะผู้อยากมีบ้านเป็นโอกาสซื้อบ้านช่วงราคายังไม่สูง ส่วนผู้ฝากเงินเลือกประเภทคงดอกเบี้ยในระยะ 6 เดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นในอนาคต

*หุ้นเด่นวันนี้

   - TSR(บมจ.เธียรสุรัตน์)เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) หมวดธุรกิจของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน โดยมีราคา IPO 3.50 บาท/หุ้น บริษัทฯประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบบขายตรง

   - TMB(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 2.60 บาท สินเชื่อเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น +1.72% M-M ทำให้งวด 5M14 สินเชื่อเติบโต 2.95% YTD เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 17% Y-Y โดดเด่นกว่ากลุ่มที่เติบโตเพียง 2% Y-Y โดย TMB และ KTB จะได้ประโยชน์จากจากการลงทุนและการเบิกจ่ายภาครัฐในระยะถัดไป

   - SAT(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 19.10 บาท คาดยอดผลิตรถยนต์ในประเทศต่อจากนี้จะฟื้นตัว ต่อเนื่องหลังเดือน พ.ค. ที่ยอดผลิตฟื้นตัว 17% MoM เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงหลังรัฐประหารทำให้คาดตลาดรถยนต์ในประเทศจะกลับมาเติบโตจากการเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่หลายรุ่นผลักดันปริมาณการผลิตรถยนต์ เลือก SAT เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของกลุ่มยานยนต์เนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแรงและฐานะทางการเงินมั่นคง อีกทั้งมีรายได้หลักจากชิ้นส่วนรถกระบะทำให้ได้รับผลกระทบจากนโยบายรถคันแรกน้อยกว่าตลาด

   - CPALL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 52 บาท มีมุมมองบวกทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อ CPALL แนวโน้ม 2Q57 คาดว่าธุรกิจปกติจะมีกำไรราว 2,900 ล้านบาท กลับมาเติบโต YoY และ QoQ จากการเติบโตของรายได้สาขาเดิม(SSSG) ร้านเซเว่นฯพลิกเป็นบวกในเดือน เม.ย.-พ.ค. ราว 3% และได้ประโยชน์จากยอดขายของ MAKRO ที่เติบโต 5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายของการซื้อหุ้น MAKRO ลดลงชดเชยกับดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น ส่วนประมาณการปีนี้ คาดว่า CPALL จะมีกำไรจากธุรกิจปกติเพิ่มขึ้น 25% ดีสุดในกลุ่มค้าปลีกที่ศึกษาเนื่องจากธุรกิจรับมือภาวะเศรษฐกิจได้ดีกว่าค้าปลีกประเภทอื่น

   - HEMRAJ(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 4.50 บาท ล่าสุดบอร์ด BOI ประชุดครั้งแรก อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 18 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท คาดยอดขายที่ดินฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H14 ขณะที่ Valuation HEMRAJ น่าสนใจที่ PE 11-10x ในปี 2014-15 และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.5-4.8%

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ หลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำต่อไป

   ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับเดิม

   ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.8% เมื่อเวลา 9.51 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,140.35 จุด เพิ่มขึ้น 24.55 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,264.92 จุด เพิ่มขึ้น 83.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,288.69 จุด เพิ่มขึ้น 8.76 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,994.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,282.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.98 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,875.40 จุด ลดลง 1.18 จุด

   ตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยหนุนหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี)  ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) พร้อมกับระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่เฟดกำหนดไว้ที่ 2%

    ในการประชุมครั้งนี้ เฟดยังได้มติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จากระดับ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับลด QE ไปจนจบโครงการในปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 11.79 จุด หลังหุ้นน้ำมันพุ่งจากวิตกอิรัก

    ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันบวกขึ้น ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือน

    ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 11.79 จุด หรือ 0.17% ที่ 6,778.56 จุด

    นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะไม่สามารถคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไป เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองในปัจจุบัน

    หุ้นบีพีดีดตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์พุ่ง 1.8% เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงในอิรักได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว ขณะตลาดจับตาการประชุมเฟด

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยภายหลังจากที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว

     ดัชนี Stoxx 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 346.13 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,530.37 จุด ลดลง 5.70 จุด หรือ -0.13% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,930.33 จุด เพิ่มขึ้น 10.01 จุด หรือ +0.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,778.56 จุด เพิ่มขึ้น 11.79 จุด หรือ +0.17%

     นักลงทุนจับตาดูการประชุมของเฟดซึ่งจะมีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกับจับตาดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้หรือไม่

     หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของยุโรป ปรับตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นบีจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ปรับขึ้น 0.6%

    หุ้นเดลี เมล แอนด์ เจนเนอรัล ทรัสต์ ปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากมีรายงานว่าเดลี เมล แอนด์ เจนเนอรัล ทรัสต์ ตัดสินใจถือหุ้นในบริษัทซูพลา แอนด์ ไพร์มโลเคชั่น ต่อไป

     หุ้นโวดาโฟน ดีดตัวขึ้น 1.5% แต่หุ้น WPP ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 2% ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มมีเดียของตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงด้วย

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย ขณะจับตาผลประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่จะทราบผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี)

     หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 26 จุด หรือ 0.15% แตะ 16,782.49 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.12 จุด หรือ 0.01% ที่ระดับ 1,941.87 จุด และดัชนี Nasdaq หดตัว 0.35 จุด หรือ 0.01% สู่ระดับ 4,336.88 จุด

     เนื่องจากวันนี้ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากสหรัฐ ผลการประชุมของเฟดจึงเป็นสิ่งเดียวที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยนักลงทุนต่างรอดูคณะเจ้าหน้าที่ของเฟดซึ่งนำโดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ที่จะเปิดเผยการคาดการณ์ประจำไตรมาสสำหรับตัวเลขว่างงาน เงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันสุดท้ายในวันพุธ ซึ่งตรงกับช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย

     ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะลดวงเงินซื้อพันธบัตรอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เหลือ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเฟดอาจจะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ไว้

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!