WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET82ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขยับขึ้น ตามหุ้นโลก ข้อมูลศก.สหรัฐดีกว่าคาด

    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับขึ้น มาจากเมื่อคืนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี คือตัวเลขจำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐลดลงมาอยู่ที่ 2.46 แสนราย เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี  เทียบกับตลาดก็ถือว่าดีกว่าที่คาด โดยตลาดคาดจะอยู่ที่ระดับ 2.73 แสนราย แต่ออกมาแค่ 2.46 แสนราย

    ประกอบกับดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐลดลงผิดคาด ทำให้แนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคตยังไม่เป็นปัญหา สำหรับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก

    ด้านตลาดพันธบัตรมีเสถียรภาพขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (bond yield)ก็ลดลง น่าจะเป็น sentiment ดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลกจากช่วงก่อนหน้านี้ตลาดพันธบัตรผันผวนทำให้มีการขายทำกำไรในหุ้นทั่วโลกออกมาด้วย

มองดัชนีวันนี้ขยับขึ้น แนวต้าน 1,505 จุด แนวรับ 1,490 และ 1,485 จุด

    นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/58 ออกมา

    วันนี้ถ้าดัชนีปิดเหนือระดับ 1,505 จุด มีโอกาสที่สัปดาห์หน้าจะสามารถรีบาวน์ขึ้นต่อได้"นายอภิชาติ กล่าว

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(14 พ.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 18,252.24 จุด เพิ่มขึ้น 191.75 จุด(+1.06%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,050.80 จุด เพิ่มขึ้น 69.11 จุด(+1.39%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,121.10 จุด เพิ่มขึ้น 22.62 จุด(+1.08%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 122.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 173.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 27.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 6.05 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.94 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(14 พ.ค.58)1,497.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.45 จุด(+0.10%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 795.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ค.58

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(14 พ.ค.58) ปิดที่ 59.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 62 เซนต์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(14 พ.ค.58)ที่ 8.49 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 33.50/52 ทรงตัวจากวานนี้รอปัจจัยใหม่ แนวโน้มกลับมาแข็งค่า

                - กพช.อนุมัติแผน "พีดีพี2015" เพิ่ม กำลังผลิตไฟฟ้าอีก 5.47 หมื่นเมกะวัตต์ภายในปี 2579 ลดสัดส่วนก๊าซธรรมชาติเหลือ 40% ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เลื่อนไปปลายแผน พร้อมเห็นชอบต่อสัมปทานแหล่ง "บงกช-เอราวัณ" ให้เชฟรอน-ปตท.สผ. ขณะภาคเอกชนคัดค้าน จี้ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต

                - "แบงก์ชาติ" มั่นใจ "เอ็นพีแอล" เพิ่มไม่กระทบเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน เหตุตั้งสำรองไว้สูงกว่าระดับสำรองพึงกันกว่า 165% ยอมรับเอ็นพีแอลพุ่งกลุ่ม "เอสเอ็มอี-ครัวเรือน" ตามเศรษฐกิจชะลอตัวขณะสินเชื่อโตชะลอเหลือ 4.3%

                - "บางจาก" ลุยลงทุนธุรกิจลิเธียม ที่สหรัฐมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์ ด้านผลประกอบการไตรมาสแรกกำไรลดลง 34% จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง

                - ตลาดหลักทรัพย์เกาะติดเงินทุนต่างชาติใกล้ชิด หลัง"กนง."หั่นดอกเบี้ยนโยบายลงติดต่อกัน 2 ครั้ง-เฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ย หวั่นทุนไหลออก ขณะการถือครองหุ้นของต่างชาติมีสัดส่วน 31.32% ของมาร์เก็ตแคปต่ำสุดในรอบ 10 ปี ระบุกำไรบริษัท จดทะเบียนไตรมาสแรกปีนี้ มั่นใจสูงเกิน 2 แสนล้าน เนื่องจากรับอานิสงส์ราคาน้ำมันกลับสู่ภาวะปกติ

                - ไฟใต้ลุกโชนคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนเมืองยะลา ตั้งเวลาบึมช่วงหัวค่ำสนั่นหวั่นไหว 16 จุด รวด แรงระเบิดทำให้ทรัพย์สินเสียหายยับเป็นวงกว้างมีผู้บาดเจ็บระนาวกว่าสิบคนนำส่งโรงพยาบาลกันให้วุ่นวาย ทางจังหวัดประกาศห้ามผู้คนออกนอกเคหสถานเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยและเกรงคนร้ายปลอมตัวเป็นชาวบ้านก่อเหตุระเบิดซ้ำ แม่ทัพภาคที่ 4 เผยเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสัญลักษณ์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อกลุ่มกันเอง

*หุ้นเด่นวันนี้

                -TIPCO(เมย์แบงก์กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า11.89บ.รายงานกำไรสุทธิ 1Q58 ที่ 318 ล้านบาท (EPS 0.66 บาท) เติบโต +442% yoy จากอานิสงค์ของส่วนแบ่งกำไรจาก TASCO ที่เติบโต +348% yoy เป็น 276 ล้านบาท เนื่องจาก TIPCO ถือหุ้น 24.1% ใน TASCO ธุรกิจน้ำผลไม้มีพัฒนาดีขึ้น โดยหากไม่รวมส่วนแบ่งกำไรจาก TASCO จะมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 52 ล้านบาท +224% yoy และพลิกกลับจากขาดทุนใน 4Q57

                - ICHI(เคทีบี(ประเทศไทย))"ซื้อ"เป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 24.66บ.กำไร Q1/58 ที่ 316 ล้านบาท +56% YoY และ +55% QoQ รับผลดีอากาศร้อนเพิ่มขึ้นถึง 23% จากปีก่อน ในปีนี้รุกผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์“ไบเล่"ตั้งเป้ารายได้ 600 ล้านบาทปีแรกและสูงขึ้นในปีต่อๆไป รายได้ครึ่งปีแรกบริษัทคาดว่าจะทะลุเป้าเพราะไตรมาส 1/58 ยอดขายดี ขณะที่ไตรมาสที่ 2 จะสูงกว่าไตรมาสแรก โดยเห็นว่าอากาศที่ร้อนขนาดนี้ น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายน้ำดื่มให้สูงกว่าภาวะปกติได้ สอดคล้องกับที่บริษัทฯมั่นใจว่าปีนี้ ยอดขายจะแตะ 7,500 ล้านบาท สูงขึ้นประมาณ 20% จากปี 57 ที่มีรายได้รวม 6,208 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/E ที่ 23 เท่า (หรือ 21 เท่า ถ้าเทียบกับกำไรปี 2558 ที่รวบรวมโดย Bloomberg)ต่อวัน โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 59

                -ANAN(เอเซีย พลัส)"ซื้อ"เป้า4.32บ.แม้ปรับลดกำไรปี 58 ลงจากเดิม 11% โดยเป็นการลดรายได้ให้สอดคล้องกับเป้าบริษัท แต่ FV ใหม่ปี 58 ที่ 4.32 บาท ยังมี upside 30% จึงแนะนำซื้อ ภายใต้ความคาดหวังว่าผลประกอบการ 2H58 จะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น

ตลาดหุ้นเอเชียดีดขึ้นเช้านี้ ขานรับ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้

     ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ปรับขึ้น 0.4% แตะที่ 152.68 จุด เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,459.58 จุด เพิ่มขึ้น 173.03 จุด, +0.63% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,461.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด, +0.18% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,638.06 จุด เพิ่มขึ้น 27.23 จุด, +0.28% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,132.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.20 จุด, +0.58% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,693.17 จุด เพิ่มขึ้น 122.93 จุด, +0.63%

     อย่างไรก็ตาม ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 4,366.82 จุด ลดลง 11.49 จุด, -0.26% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,806.61 จุด ลดลง 0.94 จุด, -0.05% ส่วนดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,692.50 จุด ไม่เปลี่ยนแปลง

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

     กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย.

     ทั้งนี้ การร่วงลงของดัชนี PPI ในเดือนเม.ย. บ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 23.41 จุด หลังปธ.ECB หนุนเดินหน้า QE

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการแสดงความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เกี่ยวกับการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 23.41 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 6,973.04 จุด

     ท่าทีของประธาน ECB เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นลอนดอน โดยนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวเมื่อวานนี้ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ECB จะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น และภาคเอกชนรวมทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

    นายดรากี กล่าวว่า โครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร (1.3 ล้านล้านดอลลาร์) ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะยังคงเดินหน้าต่อไปตราบเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ ECB อย่างสมบูรณ์

    หุ้นคิงฟิชเชอร์ ปรับขึ้น 2.33% นำขบวนหุ้นกลุ่มบลูชิพ ขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1.86% และหุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ บวกขึ้น 1.38%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มผลิตเหล็ก

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก นอกจากนี้ ตลาดยังไดรับปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์

    ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.64% ปิดที่ 397.99 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,029.31 จุด เพิ่มขึ้น 67.45 จุด หรือ +1.36% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,559.82 จุด พุ่งขึ้น 208.36 จุด หรือ +1.84% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,973.04 จุด เพิ่มขึ้น 23.41 จุด หรือ +0.34%

    ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. ปรับตัวลง 1,000 ราย แตะ 264,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

    หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็กปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอาร์เซลอร์มิตตาล และหุ้นซอลซ์กิทเทอร์ ต่างก็พุ่งขึ้น 5.7% ส่วนหุ้น ThyssenKrupp ปรับขึ้น 2.8% หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) ได้ขยายมาตรการตรวจสอบการแข่งขันในอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า อียูอาจจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากจีนและรัสเซีย

   นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยเมื่อวานนี้ที่สำนักงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ECB จะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น และภาคเอกชนรวมทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

    นายดรากีกล่าวว่า โครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.1 ล้านล้านยูโร (1.3 ล้านล้านดอลลาร์) ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จะยังคงเดินหน้าต่อไปตราบเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ ECB อย่างสมบูรณ์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 191.75 จุด จากคาดการณ์เฟดไม่รีบขึ้นดบ.

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,252.24 จุด พุ่งขึ้น 191.75 จุด หรือ +1.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,050.80 จุด เพิ่มขึ้น 69.11 จุด หรือ +1.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,121.10 จุด เพิ่มขึ้น 22.62 จุด หรือ +1.08%

    ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย.

    ทั้งนี้ การร่วงลงของดัชนี PPI ในเดือนเม.ย. บ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ และอาจทำให้เฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าข้อมูลแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งก็ตาม โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 9 พ.ค. ปรับตัวลง 1,000 ราย แตะ 264,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 273,000 ราย

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 2.30% หลังจากดอยช์แบงก์แนะนำให้นักลงทุน "ซื้อ" หุ้นไมโครซอฟท์ เนื่องจากความเชื่อมั่นที่ว่าระบบปฏิบัติการ Azure และ Office 365 จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

    หุ้นแอปเปิลปรับขึ้น 2.3% ส่วนหุ้นเฟซบุ๊กทะยานขึ้น 3.7% หลังจากมีรายงานว่าเฟซบุ๊กบรรลุข้อตกลงกับนิวยอร์กไทมส์และสื่ออื่นๆอีก 8 ราย ให้ทำการโพสต์เนื้อหาข่าวลงบนฟีดมือถือในโซเชียลเน็ตเวิร์กได้โดยตรง

     อย่างไรก็ตาม หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับลง 1.02% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดก็ตาม

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค.การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 พ.ค.2558

 

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,252.24 จุด                           เพิ่มขึ้น 191.75 จุด      +1.06%

 

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,050.80 จุด                        เพิ่มขึ้น 69.11 จุด       +1.39%

 

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,121.10 จุด                         เพิ่มขึ้น 22.62 จุด       +1.08%

 

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,973.04 จุด                     เพิ่มขึ้น 23.41 จุด       +0.34%

 

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,559.82 จุด                            เพิ่มขึ้น 208.36 จุด      +1.84%

 

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,029.31 จุด                          เพิ่มขึ้น 67.45 จุด       +1.36%

 

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,610.83 จุด                             ลดลง 113.28 จุด       -1.16%

 

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,570.24 จุด                      ลดลง 194.48 จุด       -0.98%

 

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,120.33 จุด                          เพิ่มขึ้น 6.17 จุด        +0.29%

 

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,692.40 จุด       ลดลง 18.40 จุด        -0.32%

 

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,696.50 จุด             ลดลง 18.60 จุด        -0.33%

 

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 4,378.31 จุด                       เพิ่มขึ้น 2.55 จุด        +0.06%

 

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,831.44 จุด              เพิ่มขึ้น 23.09 จุด       +0.30%

 

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 27,286.55 จุด                               เพิ่มขึ้น 37.27 จุด       +0.14%

 

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,807.55 จุด                       เพิ่มขึ้น 4.53 จุด        +0.25%

 

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,455.78 จุด                        เพิ่มขึ้น 2.61 จุด        +0.08%

 

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,206.06 จุด                          ลดลง 45.04 จุด        -0.17%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก นอกจากนี้ ตลาดยังไดรับปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์

 

          ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.64% ปิดที่ 397.99 จุด

 

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,029.31 จุด เพิ่มขึ้น 67.45 จุด หรือ +1.36% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,559.82 จุด พุ่งขึ้น 208.36 จุด หรือ +1.84% ดัชนี FTSE100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,973.04 จุด เพิ่มขึ้น 23.41 จุด หรือ +0.34%

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

 

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,252.24 จุด พุ่งขึ้น 191.75 จุด หรือ +1.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,050.80 จุด เพิ่มขึ้น 69.11 จุด หรือ +1.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,121.10 จุด เพิ่มขึ้น 22.62 จุด หรือ +1.08%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการแสดงความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เกี่ยวกับการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค

 

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 23.41 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 6,973.04 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดที่สูงเกินไป

 

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 62 เซนต์ ปิดที่ 59.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 22 เซนต์ ปิดที่ 66.59 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ

 

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.57% ปิดที่ระดับ 1,225.20 ดอลลาร์/ออนซ์  

 

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 24.4 เซนต์ ปิดที่ 17.465 ดอลลาร์/ออนซ์

 

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 11.6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,162.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 9.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 779.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งได้สกัดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเร็วๆนี้

 

          ค่าเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1399 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1356 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5770 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5744 ดอลลาร์สหรัฐ

 

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.22 เยน เทียบกับระดับ 119.13 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9129 ฟรังก์ จาก 0.9168 ฟรังก์

 

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8069 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8101 ดอลลาร์

 

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 637.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, +0.47%

 

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!