WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซต์เวย์ จับตาเจรจาแก้ปัญหาหนี้กรีซ

       นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงแกว่ง Side way โดยปัจจุบันมองว่ายังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา ในขณะเดียวกันนักลงทุนอยู่ระหว่างรอความคืบหน้าการเจรจาระหว่างรมว.คลังยูโรโซนและกรีซ ภายหลังจากที่กรีซได้ยื่นข้อเสนอขยายโครงการช่วยเหลือทางการเงินออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ ครบกำหนดที่รมว.คลังยูโรโซน จะพิจารณารับหรือไม่รับข้อเสนอใหม่ของกรีซ

      ในขณะเดียวกันยังต้องติดตามผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่สัปดาห์นี้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.1% จากสัปดาห์ก่อนที่ 2.0% ปรับตัว เพิ่ม สะท้อนถึงความกังวลว่าสหรัฐฯอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ทั้งนี้มองว่ามูลค่าการซื้อขายจะยังเบาบางอยู่ เนื่องจากอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของกรีซ และตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ยังหยุดทำการในช่วงเทศกาลตรุษจีน

       พร้อมให้แนวรับ 1,595 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610-1,615 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

                        - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(19 ก.พ.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,985.77 จุด ลดลง 44.08 จุด(-0.24%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,924.70 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด(+0.37%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.45 จุด ลดลง 2.23  จุด(-0.11%)

                        - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 71.71 จุด

                        - ส่วนตลาดหุ้นจีน , ตลาดหุ้นฮ่องกง ,ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ,ตลาดหุ้นสิงคโปร์, ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นไต้หวัน

ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

                        - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 ก.พ.58) 1,599.96 จุด ลดลง 3.18 จุด(-0.20%)

                        - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 300.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ.58

                        - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(19 ก.พ.58) ปิดที่ 51.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 98 เซนต์

                        - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(19 ก.พ.58)ที่  8.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                        - เงินบาทเปิด 32.55/56 ทรงตัว ไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดรอผลเจรจาปัญหาหนี้กรีซ

                        - ผู้ว่าฯแบงก์ชาติแจงเศรษฐกิจไทยไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด พบสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินไทยเฉลี่ย 7-9 แสนล้านบาทต่อวันสามารถนำมาหมุนเวียนให้เกิดกิจกรรมเศรษฐกิจได้ตลอดเวลา แต่ยอมรับเกษตรกรรายได้หด แนะรัฐ-เอกชนเป็นจังหวะลงทุน

                        - กระทรวงการคลังเผยรัฐบาลจัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2558 ได้ทั้งสิ้น 6.65 แสนล้านบาท หรือเกินเป้า 1,124 ล้านบาท หรือแค่ 0.2% เหตุ 3 กรมจัดเก็บภาษีจัดเก็บต่ำเป้า

                        - สศอ.ประเมิน 3 ปีข้างหน้า ภาคอุตฯต้องการแรงงานเข้าระบบไม่ต่ำกว่า 3.2 ล้านคน เผยอุตฯอาหาร-เครื่องดื่มต้องการมากสุด เร่งประสานรัฐ-เอกชนจัดทำแผนรับมืออย่างเป็นระบบป้องกันขาดแคลน

                        - นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม กรอ. ตั้งทีมดูแลเอสเอ็มอีให้เสร็จภายใน 1 เดือน เอกชนเสนอลดภาษีคิดตามอัตรากำไร พร้อมสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ดึงรัฐร่วมลงทุนในธุรกิจผ่านกองทุนร่วมทุน สสว.ประเมินปีนี้เอสเอ็มอีเติบโตต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

*หุ้นเด่น

                        -QTC (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายที่ 7 บาท โดยคาดว่ากำไรมีโอกาสเติบโตสูงในช่วง 2 ปีข้างหน้า ขณะที่การดำเนินงาน 4Q57 โดดเด่นมีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท ดีกว่า 3Q57 ที่ขาดทุน 17 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 70% YoY ทั้งนี้ เป็นผลจากรายได้ที่โดดเด่นถึง 377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197% QoQ และ 23% YoY ซึ่งรายได้เฉพาะ 4Q57 ไตรมาสเดียวยังสูงกว่างวด 9M57 ที่มีรายได้ 373 ล้านบาท โดย 4Q57 มีการรับรู้รายได้จากงานภาครัฐมากขึ้น หลังจากที่ไม่มีเลยในช่วง 1Q57 – 3Q57 จากปัจจัยทางการเมืองคลี่คลาย

                        -QH (ดีบีเอสฯ) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐาน 5.40 บาท ด้วยส่วนลด 10% จากการประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมด้วยวิธี sum of parts นับว่าราคาหุ้น QH ยังถูก ขณะที่มองผลการดำเนินงานสดใส คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.3 พันล้านบาท และเติบโตได้อีก 13% และ 12% ในปี 2558-2559 ตามลำดับ ณ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 6 พันล้านบาท จะโอนรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 90% ส่วนที่เหลือจะโอนในปี 2559

                        -TASCO (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ)แนะ"ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 110 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2558 ต่ำเพียง 9.4 เท่า  และ ได้ประกาศจ่ายปันผลสำหรับกำไรครึ่งปีหลังเท่ากับ 1 บาท รวมเป็นเงินปันผลจ่ายกำไรปี 2557 เท่ากับ 2 บาท  นอกจากนี้ยังประกาศแตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตมองว่าจะได้แรงหนุนจากในปีงบประมาณ 2558 กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทได้รับจัดสรรงบประมาณรวมกันเพิ่มขึ้นเป็น 1.02 แสนล้านบาท ,ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 8 ปี (พ.ศ. 2558-2565) วงเงินรวม 3 ล้านล้านบาท  และมียุทธศาสตร์ถนน เช่น โครงการถนนเชื่อมภูมิภาค ถนน4ช่องจราจร มอเตอร์เวย์ วงเงินลงทุนสูงถึง 6.4 แสนล้านบาท เป็นต้น

                        -SAT (กรุงศรี) แนะ"ซื้อ" ให้ราคาพื้นฐานที่ 21.40 บาท ผลประกอบการของ SAT  ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว  แนวโน้มผลประกอบการจะเริ่มดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ 4Q57  และจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 58 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศ ในขณะที่ระยะยาว3-5 ปีข้างหน้า คาดได้ประโยชน์จากโครงการอีโคคาร์เฟส2 ตามแผนส่งเสริมการลงทุนจาก BOI

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดลบ 9.18 จุด เหตุผิดหวังผลประกอบการเอกชน

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) หลังจากดัชนี FTSE 100 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทเซนติกา

     ดัชนี FTSE 100 ลดลง 9.18 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 6,888.90 จุด

     หุ้นเซนทริกา ร่วงลง 8.5% หลังจากบริษัทผู้จัดหาไฟฟ้าให้กับภาคครัวเรือนรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษปรับลดยอดเงินปันผลลงและรายงานว่า บริษัทมียอดขาดทุนในปี 2557

    หุ้นบีพี และหุ้นรอยัล ดัทช์ เซลล์ ต่างก็ปรับตัวลดลงหลังรายงานบ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวกรีซยื่นขอขยายข้อตกลงเงินกู้

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลกรีซได้ตัดสินใจยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขอขยายระยะเวลาเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจาก EU และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกไปอีก 6 เดือน

     ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 381.41 จุด

     ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,833.28 จุด เพิ่มขึ้น 34.25 จุด หรือ +0.71% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,001.94 จุด เพิ่มขึ้น 40.94 จุด หรือ +0.37% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,888.90 จุด ลดลง 9.18 จุด หรือ -0.13%

     ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานข่าวว่า ทางการกรีซได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อ EU เพื่อขอขยายระยะเวลาของเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจาก EU และ IMF ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ก.พ.

    อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปลดแรงบวก หลังจากนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมัน ระบุว่าข้อเสนอของกรีซที่ต้องการขยายระยะเวลาของเงินกู้นั้น ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขที่มีการตกลงกันไว้ในการประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อวันจันทร์

     ด้านสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ระบุว่า การที่กรีซออกจากยูโรโซนจะสร้างความเสี่ยงทางการเงินต่อประเทศที่เหลือในยูโรโซนน้อยกว่าในปี 2012 เนื่องจากขณะนี้ยูโรโซนมีกลไกสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น

   หุ้นเร็กแซม ผู้ผลิตกระป๋องเครื่องดื่มรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทบอลล์ คอร์ป เสนอซื้อกิจการของเร็กแซมในราคาหุ้น 628 เพนซ์

      หุ้นแรนด์สแตด โฮลดิงส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายสินค้าออร์แกนิกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนม.ค. ส่วนหุ้นแคป เจมินิ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 44.08 จุด เหตุวิตกเจรจาหนี้กรีซ

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเจรจาปัญหาหนี้กรีซ หลังจากมีรายงานว่าเยอรมนีได้ออกมาขัดขวางการยื่นขอขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,985.77 จุด ลดลง 44.08 จุด หรือ -0.24% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,924.70 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด หรือ+0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.45 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.11%

     ดัชนี ดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมัน กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ข้อเสนอของกรีซที่ต้องการขยายระยะเวลาของเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกไปอีก 6 เดือนนั้น ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขที่มีการตกลงกันไว้ในการประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อวันจันทร์

     การคัดค้านของเยอรมนีมีขึ้นหลังจากที่ทางการกรีซได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอขยายระยะเวลาของเงินกู้ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ก.พ.

     หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นำโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับลดลง 1.7% และหุ้นอีโอจี รีซอสเซส ปรับลง 1.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

    หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มค่าจ้างสำหรับพนักงานในสหรัฐราว 500,000 คนจากจำนวนทั้งหมด 1.3 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งการเพิ่มค่าจ้างพนักงานอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของวอลมาร์ทในปีนี้

     อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ แต่ดัชนี NASDAQ ไต่ระดับขึ้นปิดในแดนบวก เพราะได้แรงหนุนจากการหุ้นไพรซ์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการเดินทางออนไลน์ พุ่งขึ้น 8.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นไรวัล ทริปแอดไวเซอร์รี ทะยานขึ้น 3.6%

                        หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง โดยหุ้นเดลตา แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ปรับขึ้น 1% และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส เพิ่มขึ้น 1.1%

                        สหรัฐข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 14 ก.พ. ลดลง 21,000 ราย แตะ 283,000 ราย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Leading Economic Index - LEI) ประจำเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 121.1

                        นักลงทุนจับตาดูรัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะประชุมกันในวันนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อพิจารณาข้อเสนอของกรีซที่ต้องการขยายระยะเวลาของเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจาก EU และ IMF ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ก.พ.

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 19 ก.พ.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,985.77 จุด                              ลดลง 44.08 จุด      -0.24%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,924.70 จุด                          เพิ่มขึ้น 18.34 จุด     +0.37%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,097.45 จุด                            ลดลง 2.23 จุด       -0.11%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,888.90 จุด                        ลดลง 9.18 จุด       -0.13%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,001.94 จุด                                เพิ่มขึ้น 40.94 จุด     +0.37%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,833.28 จุด                             เพิ่มขึ้น 34.25 จุด     +0.71%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,869.80 จุด          ลดลง 8.10 จุด       -0.14%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,904.20 จุด                ลดลง 11.50 จุด      -0.19%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,264.79 จุด                         เพิ่มขึ้น 65.62 จุด     +0.36%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 29,462.27 จุด                            เพิ่มขึ้น 142.01 จุด    +0.48%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเจรจาปัญหาหนี้กรีซ หลังจากมีรายงานว่าเยอรมนีได้ออกมาขัดขวางการยื่นขอขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อกรีซ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,985.77 จุด ลดลง 44.08 จุด หรือ -0.24% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,924.70 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด หรือ+0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,097.45 จุด ลดลง 2.23 จุด หรือ -0.11%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) ขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลกรีซได้ตัดสินใจยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อสหภาพยุโรป (EU) เพื่อขอขยายระยะเวลาเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจาก EU และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกไปอีก 6 เดือน

          ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 381.41 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,833.28 จุด เพิ่มขึ้น 34.25 จุด หรือ +0.71% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,001.94 จุด เพิ่มขึ้น 40.94 จุด หรือ +0.37% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,888.90 จุด ลดลง 9.18 จุด หรือ -0.13%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) หลังจากดัชนี FTSE 100 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทเซนติกา

          ดัชนี FTSE 100 ลดลง 9.18 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 6,888.90 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 98 เซนต์ ปิดที่ 51.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

          สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 60.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,207.60 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 11.6 เซนต์ ปิดที่ 16.381 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 5.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,172.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.พ.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลดลง ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ

          ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 118.99 เยน จากระดับของวันพุธที่ 118.77 เยน นอกจากนี้ ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9497 ฟรังก์ จากระดับ 0.9436 ฟรังก์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2495 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2425 ดอลลาร์แคนาดา

          ยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.1365 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1378 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ  1.5414 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5439 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7788 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7817 ดอลลาร์สหรัฐ

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นมาเลเซีย ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดทำการวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.พ.เนื่องในเทศกาลตรุษจีน

           ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 511.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.00 จุด, +0.39%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!